xs
xsm
sm
md
lg

ถอดยศ"พ.ต.ท."ทักษิณชี้ผิดชัดรอแค่"พัชรวาท"เซ็นลิ่วล้อร้องลั่นให้สมานฉันท์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ด่วน! กองวินัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอกองกำลังพล ทำการถอดยศ "พ.ต.ท." นช.ทักษิณ เหตุเข้าเงื่อนไของค์ประกอบตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 หลังถูกศาลพิพากษาจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว ยันทำตามขั้นตอนทุกอย่าง จับตา "พัชรวาท" เซ็นอนุมัติ ขณะที่โฆษกพรรคเพื่อไทยวอนให้เห็นความดีแม้ว พร้อมร้องหาความสมานฉันท์

วานนี้ (8 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บังคับการกองวินัย (ผบก.วน.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี ว่า ทางกองวินัยในฐานะหน่วยงานต้นเรื่อง ได้ทำการตรวจสอบตามข้อมูลที่ปรากฏ และพบว่ากรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเงื่อนไของค์ประกอบตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 เนื่องจากถูกศาลพิพากษาจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว จึงได้ส่งเรื่องเสนอไปยังกองกำลังพล เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2552 ซึ่งกระบวนการขั้นต่อไปทางกองกำลังพลจะต้องประมวลเรื่องเพื่อเสนอไปยัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เพื่อพิจารณาดำเนินการถอดยศต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการกองกำลังพล กล่าวว่า ได้รับเรื่องจากกองวินัย เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาตามระเบียบฯ ซึ่งทางกองวินัยได้ชี้มาแล้ว ในส่วนกองกำลังพลก็จะต้องนำมาพิจารณาว่ากรณีดังกล่าวเข้าระเบียบเกี่ยวกับกำลังพลหรือไม่ ซึ่งจะต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏด้วย

"เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติซึ่งกองกำลังพลก็จะทำไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยันว่าจะไม่มีการยื้อหรือประวิงเวลา ขอเวลาประมวลเรื่อง 1-2 วัน จากนั้นจะเสนอให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.พิจารณา ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วย การถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจมาตรา 11(4) , 28 และ 29 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ดังกล่าวจะเห็นว่า พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเหตุในการ"ถอดยศ"ถึง 2 ข้อคือ (2) ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก หรือโทษที่หนักกว่าจำคุก เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท (6) ต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนีไป สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ

สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังจะเป็น นายทักษิณ ชินวัตร มีคดีติดตัวดังนี้ วันที่ 21 ต.ค.2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา “ จำคุก 2 ปี ในความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. กรณีปล่อยให้คุณหญิงพจมาน ภริยาเข้าเป็นคู่สัญญาประมูลซื้อที่ดิน 33 ไร่ ย่าน ถ.รัชดาฯ จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ได้ในราคา 772 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อขายที่ดินที่ต่ำกว่าราคาประเมิน และทำให้ชื่อของ “ ทักษิณ ชินวัตร ” ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทยว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ถูกพิพากษาจำคุกจากการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่

และเมื่อ ทักษิณ ต้องหนีคุกกลับเมืองไทยไม่ได้ ส่งผลให้คดีทุจริตอีกมากมาย ต้องหยุดชะงัก หมดทางที่จะพิสูจน์ความผิดอดีตผู้นำจอมโกง โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งต้องจำหน่ายไว้เป็นการชั่วคราว ประกอบด้วย

คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว “หวยบนดิน” ซึ่ง คตส. ได้ยื่นฟ้อง ทักษิณ คณะรัฐมนตรี(ครม.) และผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวม 47 คนเป็นจำเลย ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ

คดีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(เอ็กซิมแบงก์)ปล่อยเงินกู้ 4,000 ล้านบาทให้แก่รัฐบาลพม่า เพื่อดำเนินโครงการจัดซื้ออุปกรณ์กิจการโทรคมนาคมจาก บริษัทในเครือ ชินคอร์ปฯ ของครอบครัวชินวัตร ซึ่ง ทักษิณ เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการดูแลกิจการเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157

คดีทุจริตแปลงค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ - ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปฯ ทำให้รัฐเสียหายกว่า 66,000 ล้านบาท ซึ่งอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ทักษิณ เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว , เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2542

คงเหลือเพียงคดีแพ่งในส่วนของการยึดทรัพย์ ที่สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำสั่งรับคำฟ้องของอัยการสูงสุดที่ขอให้ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 76,000 ล้านบาท ของทักษิณ อันได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน จากกรณีจงใจฝ่าฝืน พ.ร.บ.ป.ป.ช.ทำให้ธุรกิจครอบครัวมีการเพิ่มมูลค่านับแสนล้านบาท รวมทั้งมีการออกมาตรการแก้ไขสัญญาบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ซึ่งต้องรอติดตามกันหลังปีใหม่ว่าจะสามารถยึดเอาขุมทรัพย์มูลค่ามหาศาลอันได้มาจากการ "ทุจริตเชิงนโยบาย” คืนมาได้หรือไม่

ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง อัยการ กับ ปปช. มี 2 คดี คือ คดีทุจริต CTX 9000” ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋าผู้โดยสารและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด CTX 9000 ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยคดีนี้ คตส.ชี้มูลความผิด ทักษิณ กับพวก ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

คดีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อนุมัติเงินกู้ให้กับบริษัทในเครือกฤษดามหานคร ” ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อให้แก่บริษัทที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คตส. ชี้มูลความผิด ทักษิณ กับพวก รวมทั้งชี้มูลความผิด “ พานทองแท้ ชินวัตร ” บุตรชายกับพวกในข้อหารับของโจร โดยแยกออกมาเป็นอีกสำนวนคดีหนึ่งเนื่องจากเป็นบุคคลธรรมดา

อย่างไรก็ตาม แม้ ทักษิณ จะมีคดีติดตัวหลายคดี แต่เขาก็ยังคงเปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาให้กลุ่มก๊วนการเมือง และลิ้วล้อแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปก.) กลุ่มเสื้อแดง ก่อความวุ่นวายแบบไม่หยุดหย่อน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้ถืออำนาจตามหมายจับตามคำสั่งศาล ต้องควานหาที่อยู่ของ ทักษิณ ก่อนประสานความร่วมมือกับ กระทรวงการต่างประเทศ และ อัยการของแผ่นดิน เพื่อยื่นคำร้องขอตัวกลับมารับโทษให้ได้ ไม่ว่า ทักษิณจะอยู่ที่ไหน ที่แห่งนั้นจะมีสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดน หรือหลักต่างตอบแทนระหว่างประเทศ หรือไม่ เพื่อความสงบสุขของแผ่นดินไทยต่อไป.

"เพื่อแม้ว" พล่านบอกให้สมานฉันท์

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจในการสั่งการดังกล่าวให้คิดด้วยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ เคยทำประโยชน์อะไรให้ประเทศบ้าง และควรจะดูสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ด้วยว่ามันเหมาะสมหรือไม่ที่จะมาถอดยศของอดีตนายกฯ ตอนนี้ เพราะรัฐบาลเองก็บอกว่าต้องการให้เกิดความรักความสามัคคีกัน และต้องการความสมานฉันท์ในประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น