xs
xsm
sm
md
lg

ส.ว.ขวางรถเมล์เอ็นจีวี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“โสภณ” ยันเดินหน้ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ไม่สนฝ่ายค้านจ้องซักฟอก ลั่นไม่ต้องเคลียร์กับปชป. หากมีปัญหาพร้อมรับผิดชอบ ด้าน ส.ว.รุมต้าน ระบุค่าเช่าแพงเกินจริง เตรียมยื่นศาลปกครอง สั่งคุ้มครองชั่วคราว หากมีการเปิดทีโออาร์

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการผลักดันโครงการเช่ารถเมล์ยูโร (เอ็นจีวี) 4,000 คันว่า ตนเข้าใจว่าสังคมกำลังกังวลใจเกี่ยวกับความโปร่งใสของโครงการนี้ แต่ถ้าตนสามารถตอบคำถามประชาชนได้ว่า เป็นโครงการที่ทำให้ชาวกรุงเทพฯได้ประโยชน์จริงๆ คงไม่มีปัญหา และพร้อมให้ทุกฝ่ายตรวจสอบ หากใครมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ก็พร้อมแก้ไขทันที

โครงการนี้ได้ผ่านการศึกษา และผ่านความเห็นชอบจากสภาพัฒน์ฯมาแล้ว ขสมก.จำเป็นที่จะต้องฟื้นฟู เนื่องจากในแต่ละปีรัฐบาลต้องนำภาษีประชาชนมาอุดหนุน ให้ขสมก.ปีละ 6,000 ล้านบาท ส่วนข้อสงสัยที่ว่า ทำไมถึงเช่าแพงนั้น ต้องเข้าใจว่า ขสมก.ไม่อยู่ในสถานะที่จะลงทุนได้ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเช่ารถเมล์มาวิ่ง วันละ4,000 คัน เพื่อให้เป็นโครงข่ายที่เชื่อมต่อกันโดยประชาชนจะเสียค่าใช้จ่ายวันละ 30 บาท

ขณะนี้โครงการดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนการเสนอทีโออาร์ เพื่อให้สังคมได้ตรวจสอบ และตนก็อยากทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส และมีการนำข้อมูลลงเว็บไซต์ หากใครมีข้อเสนอแนะ ก็เสนอเข้ามาได้เลย ตนพร้อมแก้ไขทันที ถ้าเป็นประโยชน์

เมื่อถามว่า กังวลใจหรือไม่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ก็คัดค้านโครงการฯนี้มาก่อน รมว.คมนาคม กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้าน ยังไม่ถึงขั้นเสนอทีโออาร์เข้ามาอย่างเป็นทางการ ซึ่งเรื่องนี้ไม่จำเป็นที่ตนจะต้องไปเคลียร์กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ และทุกฝ่ายมีข้อเสนอ ตนก็พร้อมรับฟัง และแก้ไข และขอให้มีข้อเสนอแนะเข้ามาด้วยว่า ไม่โปร่งใสเรื่องอะไร

ทั้งนี้ คาดว่า ทีโออาร์ จะเสร็จภายในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะนำเสนอเข้าครม.ต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกหวั่นไหวหรือไม่ที่พรรคฝ่ายค้านจองกฐิน อภิปรายฯ ในเรื่องนี้แล้ว นายโสภณ กล่าวว่า ไม่หวั่น เพราะในชีวิตของตนมาถึงขั้นนี้ได้ก็สุดๆแล้ว หากฝ่ายค้านจะจองกฐิน ก็นิมนต์ เพราะเคยร่วมงานกันมาทั้งนั้น แต่ถ้ามีปัญหาขึ้นมาจริงๆ ตนในฐานะรมว.คมนาคม ก็พร้อมรับผิดชอบทางการเมือง

ส.ว.จอมแฉดึง 3 กมธ.ร่วมตรวจสอบ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าคณะกรรมาธิการการเงินการคลัง การธนาคาร คณะกรรมาธิการคมนาคม และ คณะกรรมาธิการการพลังงาน ของวุฒิสภา จะนัดประชุมกัน เพื่อวางแนวทางในการร่วมกันตรวจสอบโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ที่จะมีการผลักดันเข้ามาอีก เพราะกรรมาธิการฯทั้ง3คณะ ต้องมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน อาทิ มีการอ้างว่า ผลักดันโครงการนี้ เพราะเป็นการประหยัดพลังงาน ก็ต้องให้คณะกรรมาธิการการพลังงานพิจารณาด้วยว่า คุ้มค่าและประหยัดจริงหรือไม่ เชื่อว่าเมื่อมีการวางแนวทางในการตรวจสอบที่ตรงกันแล้ว คงจะได้ข้อสรุปในเวลาไม่นาน

เตรียมยื่นศาลปกครอง

ขณะที่ กลุ่ม 40 ส.ว.ได้นัดหารือกรณีรัฐบาลเตรียมผลักดันโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันเช่นกัน โดยภายหลังการหารือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม เปิดเผยว่า กลุ่ม40 ส.ว. ได้ข้อสรุปว่า โครงการดังกล่าว แม้จะดี เพราะทำให้ประชาชนได้ใช้รถเมล์ที่มีสภาพดีขึ้น แต่วิธีการได้มามีความไม่เหมาะสมหลายประการคือ

1. หากใช้รถเมล์ที่ประกอบในประเทศไทย จะช่วยการจ้างงานและเศรษฐกิจไทย จึงไม่ควรเช่าจากต่างประเทศ 2. การเช่าพร้อมกัน 4,000 คัน มีความไม่เหมาะสม หากจะเช่าก็ควรแบ่งเช่าเป็นส่วนๆ ตามความจำเป็นจะดีกว่า

3.ไม่ควรเช่าแบบที่กำลังจะดำเนินการ แต่ควรใช้วิธีการเช่าวิ่ง ที่เงื่อนไขการเช่าเป็นประโยชน์กับรัฐมากที่สุด คือ ผู้เช่ามีภาระน้อยที่สุด จ่ายค่าเช่าต่ำที่สุด ขณะที่โครงการปัจจุบัน ราคาเช่าแพงกว่าเกือบเท่าตัว รัฐจะเสียประโยชน์ถึง 3 หมื่นล้านบาท

4. การกำหนดสเปกรถ ควรคำนึงถึงการคุ้มครองคนพิการด้วยคือ พื้นรถต้องเตี้ยลงกว่าปกติ 5.หลักเกณฑ์การเช่าต้องไม่ล็อกให้ผู้ประกอบการใดผู้ประกอบการหนึ่งโดยเฉพาะ 6.ต้องเคลียร์เรื่องเทคโนโลยีเอ็นจีวี ที่จะสร้างปัญหาไอร้อนมากกว่าระบบอื่นๆ เพราะส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อม 7.รับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องให้มากกว่านี้ อย่าทำรวบรัดจนน่าสงสัย

"โครงการนี้ดูแล้วมีเงื่อนงำเยอะมาก ฉะนั้นวันที่ 13 ม.ค. เราจะประชุมอีกครั้ง เพราะถ้าจะทำโครงการแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราจะคัดค้าน โดยถ้ามีการเปิดทีโออาร์เมื่อไร จะยื่นต่อศาลปกครอง เพื่อพิจารณาออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว"

ด้านนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี รองประธาน กมธ.คมนาคม วุฒิสภา และแกนนำกลุ่มส.ว.เลือกตั้ง กล่าวว่า การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ตนเห็นว่าควรให้โอกาสรัฐบาลทำงานไปก่อน อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่คณะกรรมาธิการเกาะติดตรวจสอบอยู่ 2 เรื่องคือ การเช่ารถเมล์ ติดตั้งก๊าซเอ็นจี วี ของ ขสมก.จำนวน 4 พันคัน ซึ่งคณะกรรมาธิการเห็นว่าแพงกว่าจำนวนที่เป็นจริงกว่า 2 หมื่นกว่าล้านบาท จากที่ ทีโออาร์ ระบุว่าสัญญาเช่า 10 ปี ในวงเงิน 74,000 ล้านบาท ควรจะอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท

นอกจากนี้กรรมาธิการยังติดใจว่า ทำไมต้องนำเข้ารถมาทั้งคัน เพราะสามารถสั่งประกอบรถยนต์ได้ภายในประเทศ โดยเฉพาะที่ จ.ราชบุรี และ จ.นครราชสีมา ก็สามารถต่อรถได้มาตรฐานสากล และมีคุณภาพ อีกทั้งเป็นการกระจายรายได้ให้เกิดงานกับท้องถิ่นด้วย แต่หากนำเข้ารถทั้งคัน จะทำให้เสียโอกาสตรงนี้ หากรัฐบาลยังยืนยันเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปตามทีโออาร์ดังกล่าว ตนและเพื่อน ส.ว.จะเข้าชื่อ 1 ใน 3 ตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 161 เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล โดยไม่ลงมติ

สำหรับอีกโครงการหนึ่งคือ โครงการก่อสร้างถนนสาย 9 บางพลี-บางปะอิน ซึ่งคณะกรรมาธิการได้ตรวจสอบเรื่องนี้ภายหลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่เดือนมิ.ย. 51 ซึ่งพบว่ามีความไม่โปร่งใสในโครงการ ขณะนี้คณะกรรมาธิการกำลังสรุปในเรื่องนี้ เมื่อเปิดสภาสมัยสามัญทั่วไป จะยื่นรายงานต่อประธานวุฒิสภา เพื่อนำเข้าที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาต่อไป และหากรัฐบาลยังเดินหน้าทำโครงการนี้ คณะกรรมาธิการก็จะยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.และ สตง. ตรวจสอบต่อไป

ต่อข้อถามว่าว่า 2 โครงการดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐมนตรี "กลุ่มเพื่อนเนวิน" รัฐบาลที่แล้ว จะเป็นการจ้องเล่นงานเฉพาะกลุ่มเพื่อนเนวิน หรือไม่ นายเกชา กล่าวว่า คณะกรรมาธิการไม่ได้จ้องเล่นงานใคร โครงการถนนบางพลี-บางประอิน คณะกรรมาธิการได้ตรวจสอบมาประมาณ 6 เดือนแล้ว และได้เชิญอธิบดีกรมทางหลวงมาชี้แจงก่อนหน้านี้ ยืนยันเป็นการทำหน้าที่ ไม่ได้เล่นเกมการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น