xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อ"ซานติก้า"ตายเพิ่มอีก2กทม.ตื่นสอบหลังไหม้เสือป่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - เหยื่อซานติก้า ผับ เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เผยยอดรวมเสียชีวิต 64 ราย เหลือผู้บาดเจ็บนอนรักษา 67 ราย อาการหนัก 34 ราย อึ้ง ตำรวจคาด 1 เดือนรู้ผล พร้อมเผยได้คลิปนักเที่ยวคลี่ปมไฟไหม้ วศท.ตะลึงหลังตรวจพบภายในผับไม่มีระบบป้องกันอัคคีภัย "ดีเจภูมิ" เชื่อสาเหตุมาจากเปเปอร์ชู๊ต ด้านปลัด กทม.เพิ่งตื่น สั่งตั้งกก.สอบซานติก้า-เสือป่า “มาร์ค” ลั่นต้องบังคับใช้ กม.อย่างจริงจัง “ชวรัตน์” บี้ กทม.เร่งตรวจสอบท่อดับเพลิง-สปริงเกอร์

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้ซานติก้า ผับ ว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย คือชื่อนายเคอิชิ วาดะ(Mr.Keiichi Wada) ชาวญี่ปุ่นอายุ 38 ปี ที่รพ.จุฬาฯ และนายมีศักดิ์ แก้วละเอียด ชาวพัทลุง ที่รพ.คามิลเลียน ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 4 ม.ค. รวมมียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 64 ราย เหลือผู้บาดเจ็บที่ยังนอนรักษาตัว 67 ราย ในโรงพยาบาล 32 แห่งเป็นโรงพยาบาลภาครัฐ 12 แห่ง ที่เหลือเป็นรพ.เอกชน โดยผู้บาดเจ็บเป็นชาย 33 ราย หญิง 34 ราย ในจำนวนนี้อาการหนักอยู่ในห้องไอซียู 34 ราย ส่วนชาวต่างชาติที่นอนรักษาตัวมีทั้งหมด 15 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในไอซียู 11 ราย

**เผยคนไข้ไต้หวันอาการหนัก

ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการรพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า Mr.KEIICHI WADA เสียชีวิตเนื่องจากเกิดภาวะระบบหายใจระบบไต และระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว และเสียชีวิตอย่างสงบ โดยมีญาติชาวญี่ปุ่นพร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูต และแพทย์ชาวญี่ปุ่นได้เดินทางมาดูแลตั้งแต่หลังวันที่เกิดเหตุอย่างใกล้ชิดโดยตลอด โดยยอดรวมผู้เสียชีวิตที่ รพ.จุฬาฯ ทั้งสิ้น 31 ราย ส่วนศพที่ชันสูตรสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์ทางบุคคลเรียบร้อย และญาติมาติดต่อขอรับทั้งหมดแล้ว

สำหรับผู้ป่วยที่ยังพักรักษาตัวที่ รพ.จุฬาฯมี 4 ราย คือ เป็นชาวไต้หวัน 1 ราย คือ Mr.MARSS WAN-CHENG อายุ 55 ปี ย้ายมาจาก รพ.ปิยะเวท ถือว่ามีอาการหนักพอสมควร โดยเฉพาะแผลไฟไหม้ซึ่งมีประมาณร้อยละ  65 และแผลเริ่มติดเชื้อเล็กน้อย ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ รู้สึกตัวดีแต่แพทย์ต้องให้ยานอนหลับเพื่อให้พักผ่อน ที่เป็นห่วงคือระบบทางเดินหายใจ และแผลไฟไหม้ โดยในวันที่ 6 ม.ค. ศัลยกรรมตกแต่งพลาสติก จะเข้ามาดูแลอาการเพื่อตกแต่งแผล

รศ.นพ.อดิศร กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ป่วยอีก 3 ราย คือ นายนิยต ดำรงประภักดิ์ อายุ 31 ปี และนายอวิโรจน์ ศิรินทร์วรชัย อายุ 20 ปี ถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว ขณะที่นางสาวศิริลักษณ์ อักษรวรรณ อายุ 20 ปี ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ และแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันเดียวกันอีก 2 ราย

**เผยผลพิสูจน์เอกลักษณ์เรียบร้อย

  พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า  ได้ประสานกับ รพ.จุฬาฯ เพื่อรับศพไปชันสูตรต่อโดยสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลได้แล้วทั้งหมด 29 ราย  เป็นคนไทยทั้งหมด  ซึ่ง 28 รายเป็นการส่งต่อมาจาก รพ.จุฬาฯ และอีก 1 ราย ส่งต่อมาจาก รพ.รามคำแหง โดยศพทั้งหมดมีญาติมาติดต่อขอรับแล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยเหลืออยู่อีก 1 ราย  อาการยังไม่พ้นขีดอันตราย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากถูกความร้อนทำลายเนื้อเยื่อภายใน ซึ่งอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจไปตลอด  ส่วนบาดแผลภายนอกถูกไหม้เพียงร้อยละ 10 ซึ่งจนถึงขณะนี้มีชาวต่างชาติที่เสียชีวิตเป็นชาวพม่า 1 ราย สิงคโปร์ 3 ราย และ ญี่ปุ่น 1 ราย

  “ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกหรือไม่ เนื่องจากมีผู้ป่วยหนักต้องรักษาตัวในไอซียูอีกหลายราย เพราะร่างกายเสียเกลือแร่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และอาจทำให้ไตวายได้ และยิ่งนานก็อาจทำให้แผลมีการติดเชื้อรุนแรงมากขึ้น ต้องใช้ยาปฏิชีวนะขั้นสูงในการรักษา ซึ่งผลจากการแทรกซ้อนต่างๆ อาจทำให้ผู้ป่วยทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตได้” พล.ต.ท.สมยศ กล่าว  

**ใช้คลิปมือถือสอบหาสาเหตุ

พล.ต.ต.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับว่า ตอนนี้ได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดแล้วหลังเกิดเหตุแต่ยังไม่สามารถตรวจพิสูจน์ยืนยันได้ทั้งหมด ต้องรอคำให้การผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยต้องประสานงานพนักงานสอบสวนเพื่อยืนยันว่าหลักฐานที่เก็บมาได้นั้นอยู่ในส่วนไหนของที่เกิดเหตุ แต่ขณะนี้มีข่าวดีคือได้คลิปวิดีโอจากมือถือที่คนไปเที่ยวถ่ายเล่นมาจำนวนมากทำให้มองเห็นอะไรบางอย่างกระจ่างขึ้น

“บางคนอาจคิดว่าการตรวจพิสูจน์ช้า ทำไมป่านนี้ยังไม่ได้เรื่อง คือ ตอนแรกมันมืดแปดด้าน แต่ตอนนี้เมื่อนำหลักฐานทุกอย่างมารวมกันเริ่มกระจ่างแล้ว ต้องขอเวลาและพร้อมจะชี้แจงให้ทราบโดยเร็วที่สุด” ผบช.สนว.กล่าว

**รพ.รามาฯ เผยสังเกตุใกล้ชิด 2ราย

ที่ รพ.รามาธิบดี รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผู้อำนวยการ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้บาดเจ็บที่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งสิ้น  6 ราย มีเพียง 2 รายที่ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด คือ นางสาวนัทชา ชัยรำลึก อายุ 21 ปี และ นางสาวธัญญา ชูเกียรติ อายุ 38 ปี เนื่องจากมีบาดแผลไฟไหม้บริเวณใบหน้าและแขนกว่าร้อยละ 10 รวมทั้งมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ แต่อาการขณะนี้ไม่น่าเป็นห่วงพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนอีก 1 ราย คือ นางสาวธนสร แดงสวัสดิ์ อายุ 34 ปี ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เพราะยังมีปัญหาจากการสูดควันไฟ แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง นอกนั้นอีก 3 ราย คือ นางสาวสุปราณี ทาเภา อายุ 23 ปี นางสาวYew Siew Fen ชาวมาเลเซียอายุ 21 ปี และนายอัศวิน หวังทวีวงศ์ อายุ 22 ปี สามารถกลับบ้านได้ภายใน 1-2 วันนี้

ด้านผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าหน่วยนิติเวช ภาควิชาพยาธิวิทยา กล่าวว่า กรณีเพลิงไหม้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องตั้งสติ พยายามกลั้นหายใจและวิ่งหาทางออกให้เร็วที่สุด หรือใช้ถุงพลาสติกคลุมหัววิ่งหนีหาอากาศภายนอก หรืออาจใช้วิธีหมอบคลาน เนื่องจากก๊าซดังกล่าวเป็นก๊าซที่มีลักษณะมวลเบากว่าออกซิเจน จึงลอยสูง การก้มต่ำจะหลีกหนีก๊าซดังกล่าวได้

**เผยชาวญี่ปุ่นช่วยชีวิตแต่ตัวเองตาย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวสุปราณี ทาเภา อายุ 23 ปี หนึ่งในผู้บาดเจ็บ ซึ่งแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านในวันที่ 6 มกราคม ได้ร่วมแถลงข่าวด้วย โดยนางสาวสุปราณี เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับเคอิชิ วาดะ ชาวญี่ปุ่นที่รักษาตัวที่รพ.จุฬาลงกรณ์ และเสียชีวิตลงเมื่อคืนวันที่ 4 ม.ค. โดยนางสาวสุปราณีได้รับการช่วยเหลือจากนายเคอิชิ แต่ได้พลัดหลงกัน ซึ่งเมื่อนางสาวสุปราณี ทราบข่าวจากพี่สาวว่า นายเคอิชิได้เสียชีวิตแล้ว นางสาวสุปราณีก็ร้องไห้จนไม่สามารถให้สัมภาษณ์ต่อไปได้ โดยแพทย์ต้องพากลับเข้าห้องพักทันที 

นางลำเพย ทาเภา พี่สาวของนางสาวสุปราณี กล่าวว่า ทราบจากเพื่อนๆ ที่รอดชีวิตว่า นายเคอิชิ ได้หนีออกไปก่อนแล้ว แต่เข้าไปช่วยเพื่อนที่ติดอยู่ในร้าน สุดท้ายจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อทราบข่าวรู้สึกเสียใจมาก และต้องขอขอบคุณนายเคอิชิ ที่ช่วยเหลือน้องสาวตนไว้ 

"ฝากให้เจ้าของผับแสดงความรับผิดชอบด้วย เพราะจนขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อมาถึงความช่วยเหลือใดๆ และขอฝากให้สถานบันเทิงทุกแห่งควรปรับปรุงร้านให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ใช่เมื่อเกิดเรื่องกลับไม่มีทางหนี สุดท้ายก็ตายกันจำนวนมาก" นางลำเผยกล่าว

**ตำรวจคาด 1 เดือนสรุปได้

ด้าน พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวว่า สำหรับ นายสุริยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ ทางพนักงานสอบสวนได้นำหมายเรียกไปให้เจ้าตัวที่หน้าบ้านของนายสุริยาย่านริมทางรถไฟแล้ว แต่ไม่พบตัว จึงได้ติดหมายเรียกไว้ที่หน้าบ้านแล้ว ส่วนเรื่องการสอบปากคำพยานขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไปแล้วประมาณ 100 ปาก ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะสามารถสรุปได้

**พบไม่มีระบบป้องกันอัคคีภัย

ต่อมาเวลา 14.00 น.เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่จากสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วศท.) และเจ้าหน้าที่โยธาสำนักงานเขตวัฒนา เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุซานติก้าผับอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการสูบน้ำที่ขังอยู่ออกจนหมด จากนั้นได้เริ่มเข้าตรวจภายในผับทันที

นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์ ประธานอนุกรรมการมาตรฐานความปลอดภัยอาคาร วศท. เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจสอบภายในบริเวณจุดเกิดเหตุพบว่า ภายในผับไม่มีระบบป้องกันอัคคีภัยเลย ไม่ว่าจะเป็นไฟฉุกเฉิน ป้ายบอกทางหนีไฟ แต่ทั้งนี้ก็อาจจะถูกไฟเผากลายเป็นซากไปก็ได้ และยังพบว่าภายในอาคารมีเนื้อที่อยู่ประมาณ 400 ตารางเมตร ซึ่งไม่น่าจะรองรับคนได้เกิน 400 คน สำหรับทางออกของผับนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีทางออกทั้งหมด 3 ทางด้วยกัน ซึ่งเชื่อว่าหากมีคนอยู่ไม่เกิน 400 คน รวมทั้งหากมีสปริงเกอร์ ไฟฉุกเฉิน ป้ายบอกทางหนีไฟที่ชัดเจน ก็ไม่น่าจะมีผู้เสียชีวิต

**"ดีเจภูมิ" เชื่อสาเหตุมาจากเปเปอร์ชู้ต

ขณะเดียวกันที่ สน.ทองหล่อ เวลา 15.00 น. นายภูมิใจ ตั้งสง่า หรือ ดีเจภูมิ พีธีกรบนเวทีในคืนเกิดเหตุ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.5 หัวหน้าพนักงานสอบสวน โดยดีเจภูมิ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเชื่อว่าสาเหตุมาจากอุปกรณ์เปเปอร์ชู๊ตอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ได้มีทีมงานส่วนหนึ่งมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อจะสร้างความบันเทิงแก่ลูกค้าภายในร้าน แต่ตนได้บอกกับทีมงานว่า อุปกรณ์ดังกล่าวไม่เหมาะแก่การมายิงในสถานที่ที่มีคนอยู่จำนวนมาก เนื่องจากอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้

ทั้งนี้ก่อนเวลาเที่ยงคืนกลุ่มลูกค้าได้มีการจุดไฟเย็น เพื่อต้อนรับการเข้าสู่ปีใหม่ แต่หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ก็มีการยิงเปเปอร์ชู๊ตขึ้นบนเพดาน ซึ่งเปเปอร์ชู๊ตมีลักษณะเป็นเปลวกระดาษที่ลอยออกมาจำนวนมาก แต่แรงอัดของอุปกรณ์อาจจะมีแรงอัดมากจึงทำให้กระดาษไปติดที่ไฟสปอตไลท์ที่อยู่ด้านบน อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดควันและเปลวไฟได้ ซึ่งเปเปอร์ชู๊ตมีคุณสมบัติในการติดไฟช้า เพราะใช้เวลากว่า 20 นาที จึงทำให้ไฟลุกลามอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้โคมไฟสปอตไลท์ที่อยู่บนเพดานร่วงหล่นลงมาและทำให้ไฟฟ้าดับ

ดีเจภูมิ กล่าวอีกว่า ซานติก้า ผับ เป็นร้านที่ค่อนข้างโปร่ง เพดานสูง จึงไม่ได้เกิดจากการจุดพลุอย่างแน่นอน เชื่อว่าน่าจะเกิดจากการจุดเปเปอร์ชู๊ตเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็สามารถทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ โดยตอนที่ตนยืนเล่นเกมกับดีเจเพชรจ้าบนเวที ก็ได้โฟนอินเข้ารายงานสดที่ตนเป็นดีเจอยู่ บอกแฟนรายการว่า ใครว่างให้มาที่ซานติก้า ผับ เพื่อเลี้ยงอำลาก่อนมีการปิดตัวในงาน “กู้ดบาย ซานติก้า” ซึ่งเชื่อว่าบางคนที่มาในงานก็มาตามเสียงชักชวนของตน จึงทำให้รู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระหว่างเกิดเหตุตนอยู่ด้านหลังของเวที จากนั้นมีพนักงานเข้ามาบอกตนว่า เกิดเพลิงไหม้ ตนจึงใช้ประตูสำหรับศิลปินวิ่งออกมาด้านนอก

“หลังเหตุการณ์ ผมและดีเจเพชรจ้า ได้ไปทำบุญโลงศพ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต และทราบว่า มีน้องคนหนึ่งชื่อ เอเธอร์ ซึ่งผมได้เชิญขึ้นมาเล่นเกมบนเวทีและรู้จักกันในงาน เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ด้วย ทำให้รู้สึกแย่มาก สุดท้ายอยากฝากให้ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องให้บรรจุหลักสูตร สอนให้เด็กทุกคน ทุกโรงเรียน พนักงานบริษัททุกแห่ง ให้รู้จักวิธีการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ หรือเหตุการณ์ในลักษณะนี้”

**"จงรัก"ตั้ง 3 ประเด็นไหม้เสือป่า

สำหรับความคืบหน้าเพลิงไหม้อาคารเสือป่าพลาซ่านั้น พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. กล่าวหลังเดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุว่า เบื้องต้นตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ วางเพลิงเผาทรัพย์ ต้องตรวจสอบเรื่องประกันภัย และถ้าเกิดเพลิงไหม้แล้วผู้ใดจะได้รับผลประโยชน์ ซึ่งอาคารดังกล่าวมีการทำประกันภัยไว้วงเงิน 200 ล้านบาท เหตุประมาท ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น มีใครเปิดเครื่องไฟฟ้าทิ้งไว้ เสียบที่ชาร์ตโทรศัพท์ทิ้งไว้หรือไม่ และไฟฟ้าช็อต ดูเกี่ยวกับสายไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าในอาคาร

จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บริเวณชั้นที่ 1 ของอาคาร ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์ และซ่อมโทรศัพท์มือถือ ชื่อร้าน มัชชิมา เลขที่ บี 9-12 พ.ต.ท.อนุชาติ วิภาดาพิสุทธิ์ พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.พลับพลาไชย 1 จึงเชิญตัว นางสาวมัชชิมา พงศ์ภัคธนากร เจ้าของร้าน มาสอบปากคำ โดยเจ้าตัวให้การว่า วันเกิดเหตุเปิดร้านตามปกติแต่ตนไม่อยู่ที่ร้านให้ลูกจ้างจำนวน 4 คน ดูแลขายของแทน และลูกจ้างก็ปิดร้านตอน 6 โมงเย็นตามปกติทุกวัน ส่วนเพลิงไหม้นั้นก็ไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะอะไร ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องเรียกลูกจ้างทั้งหมดมาสอบสวนอีกครั้ง

**โยธา กทม.ตรวจเพลิงไหม้เสือป่า

ต่อมาเวลา 11.00 น.เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่โยธาของกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ตรวจสอบภายในอาคารอย่างละเอียดทั้ง 7 ชั้น นานกว่า 2 ชั่วโมง ก็พบว่า บริเวณชั้นล่างของตัวอาคารได้รับความเสียหาย 100% จึงเชื่อได้ว่าต้นเพลิงน่าจะเกิดจากชั้นแรก ส่วนชั้น 2 พบรอยแตกร้าวคาดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อตัวอาคาร ส่วนชั้นอื่นมีเขม่าควันไฟเกาะติดตามผนังเท่านั้น และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อนุญาตให้พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการ ผู้พักอาศัย และลูกค้าซาวน่า เข้าไปเอาทรัพย์สินในอาคารได้โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมใกล้ชิดเกรงว่า ทรัพย์สินมีค่าผู้อื่นสูญหาย

ด้าน พ.ต.อ.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผกก.สน.พลับพลาไชย กล่าวว่า พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใครเพราะอยู่ระหว่างสอบปากคำพยาน รวบรวมหลักฐาน รอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นเพราะอะไร พนักงานสอบสวนจะเรียกนายสุรศักดิ์ อมรชัยชาญ เจ้าของอาคารเสือป่า พลาซ่า มาสอบปากคำต่อไป

**ไหม้เสือป่าฯ บาดเจ็บ 46 ราย

นายวิทยา พร้อมด้วยนพ.ไพจิตร์  วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนพ.ชาตรี  เจริญชีวะกุล  เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เดินทางไปโรงพยาบาลกลาง เพื่อเยี่ยมติดตามอาการและให้กำลังใจ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้อาคารเสือป่าพลาซ่า

นายวิทยากล่าวว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ในเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ชื่อ นายสงวน  แสนแก้ว อายุ 46 ปี และผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 46 ราย โดยขณะนี้ ยังคงเหลือผู้บาดเจ็บนอนรักษาในโรงพยาบาลทั้งหมด 3 ราย อยู่ที่รพ.กลาง 1 ราย ได้แก่ นายสมาน  พงศ์ชัยศรี อายุ 38 ปี มีแผลไฟลวกที่แขนและขาทั้ง 2 ข้าง สำลักควันไฟ หายใจไม่สะดวก ขณะนี้รู้สึกตัวดี แพทย์ให้ออกซิเจน และย้ายไปรักษา รพ.กรุงเทพคริสเตียน 1 ราย คือนายไล้  แซ่โค้ว อายุ 27 ปี มีแผลที่หน้าผาก  ต้นขา แขนและขาขวาหัก รพ.หัวเฉียว 1 ราย คือ นางสาวกุหลาบ  ปาสำโรง อายุ 20 ปี สำลักควัน มีบาดแผลเล็กน้อย อาการคงที่

**กทม.ตั้ง กก.สอบซานติก้า-เสือป่าฯ

นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวระหว่างเดินทางไปตรวจสอบอาคารเสือป่าพลาซ่าว่า กทม.ได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตราย ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ ทาง กทม.ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่า อาคารดังกล่าวมีการก่อสร้างเพิ่มเติมผิดแบบหรือใช้ผิดวัตถุประสงค์ในการขออนุญาตหรือไม่ หลังพบว่าภายในอาคารเป็นทั้งสถานที่จำหน่ายสินค้า และห้องพักให้เช่า รวมถึงมาตรการป้องกัน ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นอาคารดังกล่าวมีทางหนีไฟแต่อยู่ภายในตัวอาคาร ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสถานบันเทิงซานติก้า ผับ ด้วยเช่นกัน โดยให้เร่งสรุปรายงานให้ทราบโดยเร็ว       
        
สำหรับการตรวจสอบอาคารต่างๆในพื้นที่กทม.นั้น สำนักการโยธา สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สภป.)ได้มีแผนการตรวจประจำปีอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมายังมีตกหล่น หรือมีการฝ่าฝืนของเจ้าของอาคารบ้าง ซึ่งจากนี้ไปจะต้องร่วมมือกันทั้ง กทม. ตำรวจ และผู้ประกอบการ ในการพิจารณาถึงความปลอดภัยประชาชนเป็นที่ตั้ง

**บี้ กทม.ตรวจท่อดับเพลิง-สปริงเกอร์

นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวกรณีเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ และเสือป่าพลาซ่า ว่า แผนรองรับอัคคีภัยที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ ต้องลงไปดูเรื่องท่อดับเพลิง ที่ฝังในตัวอาคารที่เป็นระบบสปริงเกอร์ เมื่อถูกความร้อนแล้วน้ำกระจายออกมาว่า มีความเรียบร้อยหรือไม่ และเรื่องถังดับเพลิงที่มีอยู่ตามอาคารของแต่ละชั้นที่ต้องมี โดยต้องตรวจสอบว่า สามารถใช้งานได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ กทม.ที่จะต้องเข้าไปดูแลตรวจสอบ

“ผมต้องกำชับไปยังกทม.ให้กวดขันเรื่องนี้ให้มากขึ้น พร้อมสั่งการไปยังนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้เรียกหน่วยงานที่ขึ้นตรงประชุมหารือรับมือหาทางป้องกันต่อไป” นายชวรัตน์กล่าว

**”มาร์ค” ลั่นต้องบังคับใช้ กม.จริงจัง

เมื่อเวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารเสือป่าพลาซ่าที่พักรักษาตัวอยู่ที่รพ.กลาง และให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเหตุการณ์ทั้งที่ซานติกา ผับ และ อาคารเสือป่าพลาซาว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมทั้งเรื่องความไม่ประมาท ตนเชื่อว่าเมื่อเกิดเหตุทั้ง 2 ครั้งนี้จะทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตัว รวมถึงเจ้าหน้าที่ต้องกลับไปทบทวนว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อย่างไร

  ต่อข้อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าการที่อาคารไม่ได้มาตรฐานนั้นเนื่องจากมีเรื่องของเงินใต้โต๊ะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้ตรวจสอบว่าทั้ง 2 เหตุการณ์นั้นมีจุดใดบ้างที่มีปัญหา และถ้าพบว่ามีความผิดก็ต้องไปย้อนดูในเรื่องของการอนุมัติเกี่ยวกับตัวอาคารว่ามีการดำเนินการไปเมื่อไหร่อย่างไร แต่คิดว่ากฎหมายที่บังคับใช้อยู่ไม่น่ามีปัญหาเนื่องจากมีการกำหนดเรื่องของมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือมีการดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกันอยู่ โดยเป็นความรับผิดชอบของส่วนท้องถิ่นที่จะต้องคอยตรวจสอบดูว่าการใช้อาคารเป็นไปตามที่ขออนุญาตหรือไม่.
กำลังโหลดความคิดเห็น