ต้องยอมรับว่าการขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เต็มไปด้วยคำถามดังกันขรม และสุดแสนพิสดารพันลึก ชนิดที่แม้แต่เจ้าตัวที่เคยร่ำเรียนตำรามาจากประเทศต้นแบบประชาธิปไตยอย่างอังกฤษถึงกับอึ้ง บางครั้งอาจจะยังงงไม่หายว่ามาแบบนี้ได้อย่างไร
เอาเป็นว่าเมื่อมันผ่านไป ถึงเวลาต้องมองกันไปข้างหน้าแล้ว มันก็ต้องเดินต่อจะมัวพิรี้พิไรไม่ได้
ขณะเดียวกันแทบไม่น่าเชื่อว่าจะด้วยบุคลิกส่วนตัวและรูปลักษณ์ภายนอก ชาติตระกูล ภูมิหลังทางการศึกษา ประกอบกับกระแสของคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ว่าที่ผู้นำอย่าง “โอบามา” ทำทางเอาไว้ให้ ก็พลอยให้ “โอบามาร์ค” ได้อานิสงส์ตามไปด้วย
ซึ่งถ้าว่ากันเฉพาะภาพภายนอก หนุ่มมาร์ค ก็เก็บแต้มไปก่อน ไม่เชื่อลองดูผลสำรวจทุกโพลล้วนออกมาในโทนเดียวกัน มีแต่เสียงขานรับดังกระหึ่ม
แต่นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไปต้องเจอกับความเป็นจริง จะใช้ภาพลักษณ์ ใช้คารมอย่างเดียวหากินไม่ได้ เพราะศึกใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้าคือวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลก และหลายคนฟันธงตรงกันว่าต้องใช้ฝีมือล้วนๆถึงจะเอาอยู่
ที่ผ่านมาถ้าพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานทางด้านการเมือง สังคมล้วนให้โอกาส อยากเห็นฝีมือของผู้นำรุ่นใหม่ที่รับรู้กันว่ามีการเตรียมตัวมาดี ว่าจะทำได้แค่ไหน
และที่สำคัญยังมีกองทัพเป็นแบ็กอัพอยู่ข้างหลังอย่างเต็มที่ เพราะนาทีนี้เหมือนกับน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ร่วมกัน ถ้ามาร์คยังอยู่ ขั้วอำนาจในกองทัพก็ย่อมมีหลักประกันให้แน่นปึ้ก “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก ไล่ไปจนถึงแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ ที่วางไลน์กันมาล่วงหน้าก็ต้องขึ้นมากันเป็นแผงเช่นเดิม
ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
นอกจากนี้ถ้าโฟกัสไปที่ปรากฏการณ์ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมานานในรอบ 7-8 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย มาจนถึงพรรคพลังประชาชนอยู่ในอำนาจ ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนที่นำคณะรัฐมนตรีเข้าคารวะ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถึงบ้านสี่เสา เทเวศร์
เพิ่งจะมาคราวนี้แหละที่นายกฯ อภิสิทธิ์ นำทีมมอบกระเช้าดอกไม้ไปขอพรปีใหม่พร้อมขอคำแนะนำ ทำเอา “ป๋า” ยิ้มกว้างอารมณ์ดี อย่างที่ไม่เคยเห็นแบบนี้มานานแล้ว
แถมยังมีคำแนะนำจากผู้ใหญ่ที่มากด้วยประสบการณ์ บารมี เดินออกมาด้วยหัวใจพองโต สร้างขวัญกำลังใจอีกพะเรอเกวียน
แต่สิ่งที่ตามมาย่อมมีความหมายมากกว่านั้นแน่นอน เพราะถ้าดูสัญญาณแล้วในสาย “อำนาจ” ถือว่าผ่านตลอด ไม่ต้องพะวงหลัง สามารถเดินหน้าได้เต็มตัวแล้ว
แม้ว่าในอนาคตอาจจะต้องพบกับอุปสรรคจากกลุ่มคนเสื้อแดง-คนรักทักษิณ ที่จะต้องโหมระดมออกมาต่อต้าน แต่เมื่อดูจากปัจจัยรอบด้าน ดังที่รับรู้กันอยู่ว่าทั้งบรรยากาศในสังคมที่ออกอาการเบื่อหน่ายม็อบ ภาพออกมามีแต่สร้างความวุ่นวาย
อีกทั้งกระสุนท่อน้ำเลี้ยงที่จะปล่อยเข้ามาจากภายนอกมันเริ่มกระท่อนกระแท่นเต็มที
ยิ่งเวลานี้ “นายใหญ่” กำลังไม่มีที่ยืน ต้องหนีหัวซุกหัวซุน หลังจากเกมพลิก อำนาจรัฐหลุดมือมันก็ยิ่งทำให้การเคลื่อนไหวสร้างพลังกดดันน่าจะแผ่วลงไปเรื่อยๆ
เมื่อทุกอย่างมีแนวโน้มออกมาในทางบวก อุปสรรคขวากหนามจากฝ่ายตรงข้ามลดน้อยลง มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ตัวผู้นำรัฐบาลจะสามารถทำผลงานกองกู้วิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังถาโถมเข้ามาในปีนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
เพราะงานนี้ต้องเน้นฝีมือสร้างภาวะผู้นำในการขับเคลื่อนกันเป็นทีมทั้งในและต่างประเทศประสานกันอย่างลงตัว
ถ้าสามารถสร้างความเชื่อมั่น ทำผลงานได้เข้าตาเห็นแนวโน้มที่ดีในระยะเวลาอันสั้น รับรองว่าโอกาสอยู่ยาวก็เป็นไปได้สูง เพราะจุดตายของรัฐบาลนอกเหนือจากปัญหาคอรัปชั่นที่ถูกสังคมกำลังจับตามองแล้ว เรื่องผลงานแก้ปัญหาปากท้องนี่แหละเรื่องใหญ่
หากผ่านด่านนี้ไปได้ทุกอย่างก็ ฉลุย !!