xs
xsm
sm
md
lg

ปีวัวดุแบงก์แย่งเงินฝากเดือด!! กลยุทธ์แคมเปญพิเศษช่วงสั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - วิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คาดว่าภาคส่วนที่ไทยจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือเรื่องสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ เกิดเหตุการณ์เงินไหลออก เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศต้องนำเงินออกไปเพื่อพยุงกิจการหลักในต่างประเทศ รวมถึงเป็นเพราะความไม่เชื่อมั่น ทำให้ในปีวัวผู้บริหารธนาคารพาณิชย์เองต่างเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องของระบบว่าจะเข้าสู่ภาวะตึงตัวหรือไม่ จึงเป็นที่มาของกลยุทธ์ต่างๆ ที่จะใช้นำมาช่วยเสริมสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

การแข่งขันหนึ่งที่หนีไม่พ้นก็คงเป็นเรื่องของเงินฝาก แต่ก็ต้องยอมรับกันก่อนว่าการแข่งขันเรื่องเงินฝากในปี 2552 นั้น คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ในภาวะดอกเบี้ยขาลงเช่นนี้ จึงเป็นที่น่าสนใจว่าธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งมีแนวคิดและกลยุทธ์ต่างๆในเรื่องนี้อย่างไร

สถานการณ์การแข่งขันด้านเงินฝากในปี 2552 นั้น นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า การแข่งขันเรื่องของเงินฝากก็คงมีเยอะทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่จะยังนำมาใช้แข่งขันอยู่ แต่คงจะไม่ได้สูงเท่ากับปีนี้ และไม่ได้ห้ำหั่นกันรุนแรง ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ยังจะเห็นก็คือพวกเงินฝากประจำอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ที่ประเภทของระยะเวลาที่จะเห็นมากคงเป็น 3 เดือน 4 เดือน หรือ 6 เดือน

การที่มองว่าผลิตภัณฑ์เงินฝากที่นำออกมาเสนอลูกค้ายังคงเป็นรูปแบบของเงินฝากระยะสั้นนั้นส่วนหนึ่งมาจากเรื่องของต้นทุนทางการเงิน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่การแข่งขันบางช่วงเวลาอาจจะเห็นมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากบ้าง ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของแต่ละธนาคารว่าเป็นอย่างไร แม้ว่าถ้ามองในด้านของผู้ฝากเงินแล้วคงจะต้องการที่จะฝากยาวเพื่อล็อคอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูง เพราะแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ยังเป็นช่วงของขาลงอยู่ แต่ในแง่ของธนาคารแล้วหากแข่งยาวก็จะทำให้เสียเปรียบเพราะต้นทุนเงินจะถูกล็อคไว้ในระดับสูง

“หากให้แนะนำผู้ที่ต้องการออมเงินตอนนี้ ก็มองได้หลายแบบเงินฝากก็ได้ แต่ในช่วงเดือนมกราคมก็น่าจะมีการออกพันธบัตรรัฐบาล และจะมีการออกหุ้นกู้ของบริษัทใหญ่ ๆ อีก 2-3 แห่ง ซึ่งก็เหมาะกับผู้ที่ต้องการจะออมเงินยาว 5 ปี ก็ยังพอได้ ก็ให้ดูที่ชื่อของบริษัทหากเป็นบริษัทใหญ่ ๆ ก็ซื้อได้ ส่วนตั๋วแลกเงินก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างดี ก็ขอให้เลือกแบงก์ที่ตัวลูกค้ามั่นใจ"

**เน้นแคมเปญพิเศษระยะสั้น

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB) เปิดเผยว่า ในปี 2552 นี้ สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์นั้นมองว่ายังมีเพียงพอ ที่จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ เนื่องจาก ปี 2551 ที่ผ่านมามีการเติมสภาพคล่องเข้าในระบบไปมากพอสมควร เพราะมีการแข่งขันด้านการระดมเงินฝากกันมาก โดยในส่วนการแข่งขันระดมเงินฝากในปีนี้ คาดการณ์ว่าคงจะไม่รุนแรงมากเท่ากับปีที่แล้ว ขณะที่รูปแบบของผลิตภัณฑ์จะเป็นแบบระยะสั้นมากขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง

แนวโน้มการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ คาดว่าจะเป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งต้องเข้าใจว่าธนาคารพาณิชย์เป็นกระจกเงาสะท้อนเศรษฐกิจ คือถ้าเรามองว่าเศรษฐกิจปีนี้ไม่ดี ธุรกิจธนาคารก็คงจะไม่ดีเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าฐานเงินทุนของธนาคารก็ยังมีความแข็งแกร่งอยู่มาก

อย่างไรก็ตาม ด้านปัญหาเอ็นพีแอลในปีนี้คาดว่าน่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่ธนาคารสามารถจัดการได้ ส่วนแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในปีนี้มองว่าจะมียอดการปล่อยชะลอตัวลงแต่คงไม่มากนัก ซึ่งจะทำให้การแข่งขันเพื่อชิงเงินฝากของแต่ละธนาคารคงจะมีไม่มากนักแต่ก็ยังมีอยู่ ขณะที่ลูกค้าดีน่าจะมีน้อยลงทำให้แต่ละธนาคารมีการแข่งขันเพื่อแย่งลูกค้าดีมากขึ้น

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายจะระดมเงินฝากเพิ่มขึ้นประมาณ 15% โดยจะไม่เน้นลูกค้ากลุ่มใดเป็นการเฉพาะ แต่จะมุ่งทั้งลูกค้าเงินฝากรายย่อยและรายใหญ่ ส่วนรูปแบบที่จะใช้นั้นคงเป็นเงินฝากระยะสั้น ด้านสภาพคล่องของธนาคารในขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่มีพอสมควร

ส่วนการแข่งขันด้านเงินฝากในปีนี้มองว่าคงยังมีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา แต่คงไม่รุนแรงมากนัก ซึ่งในส่วนของธนาคารทหารไทยจะไม่เน้นแค่เรื่องการเสนออัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งจูงใจ แต่จะมีการให้บริการอย่างอื่น รวมถึงการบริหารจัดการเงินให้กับลูกค้าด้วย เพื่อจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้เป็นอย่างดี

สำหรับอัตราดอกเบี้ยปีนี้ยังมีแนวโน้มจะปรับลดลงได้อีก โดยในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมองว่ามีโอกาสจะปรับลงอีกประมาณ 0.25-0.50% ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจด้วยว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด

สำหรับคำแนะนำแก่ผู้ออมนั้น อยากแนะนำให้ฝากเงินกับธนาคาร เนื่องจากจะมีความปลอดภัยที่สุด เพราะอย่างน้อยธนาคารก็จะสามารถรักษาเงินต้นของลูกค้าไว้ได้ และไม่อยากให้ผู้ออมเน้นการหาผลตอบแทนที่สูงจนเกินไปเพราะก็จะมีความเสี่ยงตามไปด้วย ส่วนการซื้อพันธบัตรรัฐบาลก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดีตัวหนึ่ง

**แบงก์เล็กปรับทิศเน้นระยะยาว

นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK เปิดเผยว่า จากภาวะที่สภาพคล่องในตลาดเริ่มลดลงนั้นจะทำให้การแข่งขันด้านเงินฝากยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยอัตราดอกเบี้ยก็จะมีการลดลงและการระดมเงินฝากจะเน้นในรูปแบบของระยะยาวมากขึ้น

"ตอนนี้เราแนะนำให้ฝากเงินระยะยาวจะดีกว่า เพราะแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงมีอยู่ 1-2 ปีและที่แบงก์แข่งระดมเงินกันตอนนี้ไม่ใช่เพราะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องตรึงตัวแต่ระดมเงินฝากไว้เพื่อสำรองให้มากกว่าปกติในภาวะที่สภาพคล่องในระบบเริ่มลดลง ส่วนของแบงก์เกียรตินาคินที่ระดมเงินฝากอยู่ในขณะนี้เพื่อต้องการองรับการใช้พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มกระจายลงมาสู่รายย่อยมากขึ้น ส่วนระยะเวลาในฝากที่เราเน้นจะตั้งแต่ 9 เดือนขึ้นไป หุ้นกู้ประมาณ 2-3 ปี ส่วนตั๋วแลกเงิน (บีอี) จะประมาณ 6-9 เดือน หรือ 1 ปีซึ่งระยะเวลาของเงินที่ระดมนั้นจะให้สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อ"

สำหรับโครงสร้างเงินฝากและเงินกู้ยืมของธนาคารนั้น ปัจจุบันมีพอร์ตอยู่ที่ 94,000 ล้านบาท โดยเป็นบีอีเกือบ 20,000 ล้านบาท หรือ 21% หุ้นกู้ 12,600 ล้านบาท หรือ 13% ที่เหลือเป็นส่วนของเงินฝาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเงินฝากประจำ ส่วนเงินฝากออมทรัพย์ไม่ถึง 5% แต่ปีหน้ามีแผนจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ไม่เกิน 10% สำหรับสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากซึ่งรวมส่วนของหุ้นกู้และบีอีไว้ด้วยนั้นปัจจุบันอยู่ที่ 124%
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังมีโอกาสจะปรับลงได้อีกซึ่งในเบื้องต้นประเมินว่า ในปี 2552 อาจลงได้อีก 1% นั้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ยังมีโอกาสจะปรับลงได้เช่นกัน แต่ในส่วนของผลิตภัณฑ์เงินฝากของธนาคารนั้นจะยังมีการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากแบบพิเศษออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่น่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำระยะเวลา 3-4 เดือน รวมถึงบีอี และหุ้นกู้ ซึ่งจะมีเงื่อนไขเกี่ยวกับยอดเงินขั้นต่ำในการลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง

ส่วนข้อแนะนำสำหรับผู้ออมเงินนั้น อาจจะทำการออมผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษที่น่าจะมีให้เห็นไม่ขาดสายตลอดทั้งปีส่วนหนึ่ง รวมถึงอาจจะมีการลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นกู้ของภาคเอกชน ที่มีอันดับเครดิตที่ดีและให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าสนใจ

ล่าสุดโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้รวบรวมข้อมูลสินทรัพย์สภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยที่ประกอบด้วยธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2551 เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า และสิ้นปี 2550 พบว่า สินทรัพย์สภาพคล่อง (รวมเงินสด เงินลงทุนสุทธิในตลาดเงินระยะสั้น และเงินลงทุนสุทธิ) ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2551 ปรับเพิ่มขึ้นมากจากสิ้นเดือนตุลาคม 2551 โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2551 สินทรัพย์สภาพคล่องดังกล่าว มีจำนวน 1.91 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 1.35 แสนล้านบาท จาก 1.77 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือนตุลาคม อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นในองค์ประกอบหลักอย่างเงินลงทุนสุทธิในตลาดเงินระยะสั้นและเงินลงทุนสุทธิ ขณะที่เงินสดลดลง

การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สภาพคล่องในเดือนพฤศจิกายน เป็นทิศทางที่สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนของยอดเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ไทยเป็นจำนวนมากถึง 1.46 แสนล้านบาท ตามการระดมเงินผ่านการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากแบบพิเศษที่ระดับอัตราดอกเบี้ยจูงใจของธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่ ยอดเงินให้สินเชื่อสุทธิ (จากค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) เพิ่มขึ้นเพียง 8.31 พันล้านบาท ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า แม้สินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทยจะขยับขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ตามการเพิ่มขึ้นของยอดเงินฝาก ในขณะที่สินเชื่อเริ่มชะลอตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ตัวเลขสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทยดังกล่าวก็ไม่ได้บ่งชี้ถึงสภาวะทางการเงินของระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและครัวเรือน ที่มีแนวโน้มจะเผชิญกับความยากลำบากหรือประสบกับภาวะฝืดเคืองมากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์แวดล้อมทั้งในและต่างประเทศที่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ทำให้ยังคงมีความต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในทุกภาคส่วน ทั้งนี้ จากความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่ยังมีระดับสูง สะท้อนได้จากการขยายสินเชื่อที่เริ่มชะลอลง คงจะเอื้อต่อการที่ทางการไทยจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในระยะข้างหน้า.
กำลังโหลดความคิดเห็น