ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- แกนนำพันธมิตรฯชัยภูมิ ร่วมวิพากษ์การเมืองภาคประชาชน “ปีวัว” ย้ำเป็นปีแห่งการเผาจริงทั้งวิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจ เตือน “นายกฯมาร์ค” ต้องกล้าหาญนำประเทศฝ่าวิกฤต เร่งสร้างความเป็นธรรม เชือดคอร์รัปชันยึดมั่นผลประโยชน์ชาติและป้องสถาบันเบื้องสูง เผยพธม.ลูกเจ้าพ่อพญาเดินยุทธศาสตร์“พักรบ เพื่อเตรียมรบ” เร่งซ่อมแซม ขยายฐานเครือข่ายสู่ระดับตำบล-ชุมชนให้มากที่สุด ชี้ปี’ 52 จับตาพลัง “ประชาภิวัฒน์” ขับเคลื่อนตรวจสอบอำนาจรัฐ รุกต่อยอด “การเมืองใหม่”
ย้ำ“ปีวัว”เผาจริงวิกฤตการเมือง-เศรษฐกิจ
นายนพสณฑ์ เสฏฐรังสี แกนนำเครือข่ายพันมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) จังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า สถานการณ์การเมืองของประเทศไทยในขณะนี้พูดได้ว่า เป็นยุคสุดท้ายของ “สายพันธุ์การเมืองเก่า” ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เองก็ยังคงเดินย่ำอยู่ในรอยของวงจรการเมืองเก่า โฉมหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่ออกมาประชาชนจึง “ยี้” แต่เห็นใจอยู่บ้างเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีทางเลือก และวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหลือประชาธิปัตย์พรรคเดียวที่จะแสดงฝีมือการเป็นการเมืองยุคสุดท้ายของสายพันธุ์การเมืองเก่า ก่อนที่จะก้าวไปสู่ “การเมืองใหม่”
สถานการณ์การเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจปี 2552 เป็นปีแห่งการ “เผาจริง” ไม่ใช่ “เผาหลอก” ผลกระทบจากต่างประเทศมาถึงไทยแล้ว คนนับแสนกำลังรอการตกงาน และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ อีกนับร้อยแห่งจะปิดตัวเองลง และ คนที่เดือดร้อนจริงๆ ไม่ใช่คนชนชั้นกลาง แต่วิกฤตคราวนี้ระดับ “รากหญ้า” เจอเข้าเต็มๆ และหลีกหนีไม่พ้น ราคาน้ำมันโลกลดลง แต่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคแพง ค่าครองชีพสูง ประชาชนเดือดร้อน จะเห็นได้จากการออกมาชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มเกษตรกรข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง และจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหลายๆ กลุ่ม
“ วิกฤตเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน หนักสาหัสที่สุด ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข เชื่อว่าหากรัฐบาลประชาธิปัตย์มีความเป็นเอกภาพ จัดสรรตำแหน่งเพื่อการแก้ไขปัญหาจริงๆ รัฐบาลชุดนี้จะได้รับการยอมรับมากขึ้นและอยู่รอดได้ ” นายนพสณฑ์ กล่าว
นายนพสณฑ์ กล่าวต่อว่า เรื่องที่สำคัญที่ 2 คือ ความเป็นธรรมในสังคมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งปัญหาใหญ่คือ ตำรวจ ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนได้เลย และไม่ได้พยายามปรับเปลี่ยนได้ดีขึ้น การปฏิบัติต่อประชาชนโดยเฉพาะการดำเนินคดีสำคัญๆ ต่างยังเป็น 2 มาตรฐาน มุ่งรับใช้ระบอบทักษิณอย่างไม่ลืมหูลืมตา เช่น กรณีการเข่นฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬ แม้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีมติออกมาชัดเจนแล้ว ก็ยังทำหูทวนลม และ ยังนำ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ กลับมาดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อีก
อีกเรื่องที่ยังเป็นความหวังลึกๆ อยู่ในใจของคนไทย คือ กรณีปัญหาเขตแดนเขาพระวิหาร เชื่อว่าหากรัฐบาลใจกว้าง ปล่อยให้ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คนใหม่ ทำงานอย่างเต็มที่ ปัญหาเรื่องการสูญเสียดินแดนหรืออธิปไตยของไทยอาจยับยั้งได้ แต่เกรงจะเป็นไปไม่ได้เพราะมีคนรอรับผลประโยชน์มหาศาลอยู่ที่ เกาะกง
ดังนั้น จึงได้แต่อวยพรให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีความกล้าหาญทำให้ได้อย่างที่ประกาศไว้ในวันแรกของการรับตำแหน่ง โดยเฉพาะการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน รวมทั้งการปกป้องผลประโยชน์ชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์
พธม.ชัยภูมิยึดยุทธศาสตร์ “พักรบ เพื่อเตรียมรบ”
นายนพสณฑ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนกองทัพประชาชนเครือข่ายพันธมิตรฯ ชัยภูมิ ระยะนี้ถือว่าเป็นช่วงแห่งการ “พักรบ ซ่อมแซม ขยายฐาน” โดยมีเป้าหมายขยายฐานเครือข่ายสู่ระดับตำบล ชุมชนให้มากที่สุด ซึ่งสามารถทำได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของการระดมพลเดินทางไปชุมนุมใหญ่ ที่กรุงเทพฯ เหมือนที่ผ่านมา โดยขณะนี้แกนนำทุกพื้นที่ยึดหลักยุทธศาสตร์ดำเนินการคล้ายๆ กันคือ “พักรบ เพื่อเตรียมรบ” ซึ่งการต่อสู้ครั้งต่อไปอาจเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้
นายภานุพงศ์ เร่งรัดกิจ แกนนำเครือข่ายพันธมิตรฯ อ. ภูเขียว จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ต้องให้เวลารัฐบาล นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้บริหารบ้านเมืองก่อน แล้วรอดูผลงานว่า เป็นอย่างที่ได้ประกาศต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศหรือไม่
ส่วนการออกมาต่อต้านการทำงานรัฐบาลของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) เชื่อว่า นายกอภิสิทธิ์ และรัฐบาลคงรับมือได้ เพราะการออกมาเรียกร้องส่วนใหญ่เกิดการจัดตั้งของกลุ่มการเมืองเก่า ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยอุดมการณ์ บนพื้นฐานผลประโยชน์ประชาชนส่วนรวมและประเทศชาติอย่างแท้จริง สุดท้ายจะแพ้ภัยตัวเองในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่ที่ว่า นายกฯ อภิสิทธิ์ มีความเข้มแข็งในจุดยืนของตัวเองมากน้อยเพียงใด หากปล่อยให้เต็มไปด้วยการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองตามวงจรอุบาทว์ของรัฐบาลผสมหลายพรรค รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากรัฐบาลชุดเดิมๆที่ผ่านมา เพียงแค่ได้เปลี่ยนขั้วเพื่อแบ่งปันอำนาจและผลประโยชน์กันใหม่เท่านั้น
นายภานุพงศ์ กล่าวอีกว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ต้องเร่งดำเนินการคือแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะแก้ไม่ดีเดินผิดทางจะทำให้เกิดความเสียหายไปทั้งประเทศและส่งผลต่อเนื่องไปอีกนาน อีกเรื่องสำคัญคือการให้ความรู้ ข้อมูลแก่ประชาชน ต้องให้อิสระสื่อไม่ถูกครอบงำจากรัฐบาล หากรัฐบาลประชาธิปัตย์ทำไม่ถูกต้อง สามารถถูกตรวจสอบได้ และประชาชนต้องได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องไม่บิดเบือน ถูกปิดบัง และเปิดช่องให้ประชาชนตรวจสอบการทำงานของรัฐได้อย่างเต็มที่
สำหรับเครือข่ายพันธมิตรฯ ภูเขียว เองเมื่อเร็วๆ นี้ ได้จัดประชุมพบปะสังสรรค์ปีใหม่กัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ รำลึกถึงการต่อสู้และการร่วมทุกข์ร่วมสุขที่ผ่านมาร่วมกัน ซึ่งแต่ละคนมีองค์ความรู้และติดตามข้อมูลประสานเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการติดตามข่าวสารผ่าน สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี (ASTV) , ASTV ผู้จัดการออนไลน์ และ หนังสือพิมพ์ในเครือ ASTVผู้จัดการ ทั้งหมด
ทั้งนี้ได้เห็นพ้องกันว่า จะร่วมกันขับเคลื่อนให้ความรู้แก่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนติดจานดาวเทียม ASTV ตามชุมชนต่างๆ ซึ่งพันธมิตรฯ ภูเขียวได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 20 จาน และติดตั้งจอถ่ายทอดสด ASTV พร้อมระดมทุนเพื่อจัดหาจานดาวเทียม ASTV มาติดตั้งให้ครอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุด และในอนาคตจะเชิญวิทยากรแกนนำพันธมิตรฯ มาให้ความรู้ในรูปแบบเวทีเสวนาขนาดเล็กที่มีความหลากหลาย ในพื้นที่ เพื่อลงลึกไปที่ระดับปัญหาของชุมชน มากขึ้น เช่น เรื่องปัญหาน้ำ ,อ้อย และ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
“พวกเราพันธมิตรฯ ทุกคนเชื่อว่าการให้ความรู้ ข้อมูลที่ถูกต้องจะทำให้ชาวบ้านและชุมชนโดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่น่าสงสาร ไม่มีปากมีเสียง และถูกครอบงำกดขี่จากระบบหัวคะแนนนักการเมืองอยู่ตลอดเวลานั้น ได้เรียนรู้และตระหนักถึงการออกมาปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติ สถาบันเบื้องสูงที่เราเทิดทูนและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นายภานุพงศ์ กล่าว
เวลาพิสูจน์ชัด“พธม.”ของแท้ - จับตาประชาภิวัฒน์’52
ทางด้าน นายยรรยง เสรีรัตน์ ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่งจังหวัดชัยภูมิ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ชัยภูมิ เปิดเผยว่า การเมืองไทยขณะนี้ต้องมองย้อนหลังไปอีก 50-60 ปี ที่เรามีการเมืองโดยกลุ่มคนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศและพัฒนาชาติให้เจริญรุ่งเรืองได้และสะท้อนออกมาเป็นความขัดแย้ง ตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 จนถึงปรากฏการณ์การต่อสู้ของพันธมิตรฯ ล้วนได้สะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงการเมืองในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นการเมืองที่รับใช้ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์พวกพ้องกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ที่ผ่านมามีความพยายามบิดเบือนการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ไปเป็นเรื่องของความขัดแย้งระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับ “สนธิ ลิ้มทองกุล” แต่แท้จริงแล้วการออกมาเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ของประชาชนทุกวงการ ทุกชนชั้น ในระยะเวลาอันยาวนานและต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา วันนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า มีคนที่รักชาติ รักประชาธิปไตย ต้องการเห็นการเมืองได้ยกระดับสูงขึ้น และมีการแก้ไขปัญหาประชาชนส่วนใหญ่ และประเทศชาติอย่างแท้จริง ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของประชาชนที่ต้องการเห็นการเมืองที่ดีขึ้น กับ กลุ่มการเมืองอำนาจเก่า
“รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะอยู่ได้นานหรือไม่อยู่ที่ความกล้าหาญในการแก้ปัญหาของประเทศและการจัดการกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ที่ฝังรากลึกในการเมืองไทยมายาวนาน ด้วยการทำความจริงให้ปรากฏและยืนอยู่บนความถูกต้องเป็นธรรมในทุกเรื่อง ถึงแม้เสถียรภาพทางของรัฐบาลชุดนี้จะไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ใช่แย่ทั้งหมด อยู่ที่จะทนแรงกดดันจากพรรคร่วมและเสียงรอบข้างได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้นายกฯ อภิสิทธิ์ ต้องทำงานหนัก” นายยรรยง กล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แม้เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตแต่มีโอกาส และมีจุดเด่นที่ตัวนายกฯ และทีมงานที่เป็นคนหนุ่มมีความรู้ ความสามารถ หากมีความตั้งใจจริง กล้าหาญในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ไม่มุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ต่างประเทศเพียงอย่างเดียว แต่กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย รวมถึงสร้างความสมานฉันท์ภายในชาติอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องแล้ว รัฐบาลชุดนี้น่าจะมีอายุอยู่ไปได้ถึง 1 ปี
“ประการสำคัญ ปรากฏการณ์ประชาภิวัฒน์เป็นขบวนการประชาชนที่รัฐบาลชุดนี้ไม่อาจมองข้ามได้เด็ดขาด เพราะเป็นขบวนการที่มีอานุภาพในการตรวจสอบอย่างยิ่ง ซึ่งปี 2552 จะเห็นการขับเคลื่อนประชาธิปไตยของขบวนการประชาภิวัฒน์ ในการร่วมกันผลักดันเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยให้ก้าวไปสู่การเมืองใหม่ เป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น” นายยรรยง กล่าวในตอนท้าย