นายชินวรณ์ บุญเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล แถลงหลังการประชุมว่า ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล วันที่ 29-30 ธ.ค.จะใช้เวลาการประชุม 2 วัน รวม 28 ชั่วโมง แบ่งเป็น นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบาย 2 ชั่วโมง และให้หัวหน้าพรรคการเมืองอภิปรายไม่กำหนดเวลาแต่ให้มีกรอบเวลารวม 2 ชั่วโมง ส่วนอีก 24 ชั่วโมง แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ส.ส.ฝ่ายค้าน ส.ว. และส.ส.รัฐบาล สุดท้ายรัฐบาลชี้แจง ฝ่ายละ 6 ชั่วโมง โดยแต่ละพรรคการเมืองไปบริหารจัดการเวลากันเอง ซึ่งหลังจากนี้ วิปรัฐบาลจะนำข้อสรุปไปหารือกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิฯ) และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) และประธานรัฐสภา เพื่อหาข้อยุติกรอบเวลาในการอภิปรายต่อไป
ส่วนการเตรียมการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงจะมีการเตรียมย้ายที่ประชุมรัฐสภาด้วยหรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า เชื่อว่า ประธานรัฐสภาจะจัดการกับเรื่องนี้ได้ และคงประสานขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายต่อไป และคงติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อยู่ อย่างไรก็ดี วิปอยากเรียกร้องให้ส.ส.ทุกคนช่วยกันทำหน้าที่ในสภาให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์เพื่อนำบ้านเมืองออกจากวิกฤติ และเชื่อว่าทุกฝ่ายจะเคารพการทำหน้าที่ซึ่งกันและกันโดย ทุกฝ่ายมีสิทธิ์ดำเนินการ แต่การดำเนินการนั้นต้องเคารพสิทธิ์ในการทำงานตามกลไกของรัฐธรรมนูญด้วย
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมของพรรคร่วมฝ่ายค้านในการอภิปรายแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า โดยในวันที่ 26 ธ.ค. นี้ จะประชุมเพื่อวางกรอบในการอภิปรายร่วมกับตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่อยู่ในซีกของพรรคเพื่อไทยด้วย โดยเบื้องต้น มีแกนนำ จากพรรคต่างๆ ได้แจ้งความจำนงขอใช้สิทธิ์อภิปรายหลายคนอาทิ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ว่าที่ส.ส.สัดส่วน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช รวมทั้งพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ยังยืนยันว่าจะมาช่วยตรวจสอบรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยด้วย
สำหรับในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น ได้วางตัวผู้อภิปรายที่เป็นผู้มีประสบการณ์ และมีอดีต รัฐมนตรี อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรมว.มหาดไทย ,นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตร มว.พาณิชย์ ,นายวิชาญ มีนชัยนันต์ อดีต รมช.สาธารณสุข ,นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย
นอกจากนี้ยังมีส.ส.ของพรรคที่แสดงความจำนงที่จะอภิปรายมากว่า 70 คน แต่ตนอยากให้มีผู้อภิปรายหลักๆ ประมาณ 15 คน
เราเข้าใจว่าคำแถลงนโยบายยังเป็นแค่ร่าง การจะดำเนินนโยบายได้ ต้องเริ่มทำงานก่อน ตรงนั้นเราเข้าใจ ดังนั้นประเด็นที่ตั้งเป้าจะมุ่งไปที่จริยธรรม ในทางการเมืองเป็นหลัก เรื่องความเหมาะสมในการเป็นรัฐบาล การกำหนดตัวบุคคล ที่สร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินนโยบายในกระทรวงนั้นๆ ให้ประสบความสำเร็จ ได้อย่างไร โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ 2 กระทรวงนี้ มีหลายท่านจองกฐินไว้เยอะ ส่วนหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างนายเสนาะ เราจะให้เวลาพูดเต็มที่ตามธรรมเนียมที่จะให้เกียรติหัวหน้าพรรค
นายวิทยา กล่าวว่า เท่าที่ดูคำแถลงนโยบายรัฐบาล ส่วนใหญ่เป็นนโยบาย ประชานิยมที่มีความคล้ายกับนโยบายของอดีตรัฐบาลมากกว่าร้อยละ 90 ตนจึง มองว่า เป็นนโยบายแบบ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง มีเพียงบางส่วนที่เขียนเพิ่มเติม ในนโยบายด้านการศึกษาและการช่วยเหลือคนตกงาน
ส่วนข่าวที่ว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนให้พล.ต.อ.ประชาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เพื่อที่จะผลักดันให้รับตำแหน่งผู้นำพรรคฝ่ายค้านฯ หากพรรคเพื่อแผ่นดินมีมติขับพล.ต.อ.ประชาออกจากพรรคนั้น นายวิทยา กล่าวว่า ต้องมีการหารือกันในพรรคก่อน ตนยังไม่ทราบรายละเอียด
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้มีการหยิบยกชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมหลายคน รวมไปถึงพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตหัวหน้าพรรครวมใจไทยฯด้วย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ทาบทามพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รองผอ.กอ.รมน.) มาเป็น ผอ.การเลือกตั้งในเขตจ.ลพบุรีให้กับพรรคนั้น นายวิทยา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ทาบทามไปแต่เวลานี้เป็นจุดที่หลายฝ่ายพร้อมที่จะให้คำปรึกษากับพรรคเพื่อไทย รวมถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย
ส่วนการเตรียมการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงจะมีการเตรียมย้ายที่ประชุมรัฐสภาด้วยหรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า เชื่อว่า ประธานรัฐสภาจะจัดการกับเรื่องนี้ได้ และคงประสานขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายต่อไป และคงติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อยู่ อย่างไรก็ดี วิปอยากเรียกร้องให้ส.ส.ทุกคนช่วยกันทำหน้าที่ในสภาให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์เพื่อนำบ้านเมืองออกจากวิกฤติ และเชื่อว่าทุกฝ่ายจะเคารพการทำหน้าที่ซึ่งกันและกันโดย ทุกฝ่ายมีสิทธิ์ดำเนินการ แต่การดำเนินการนั้นต้องเคารพสิทธิ์ในการทำงานตามกลไกของรัฐธรรมนูญด้วย
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมของพรรคร่วมฝ่ายค้านในการอภิปรายแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า โดยในวันที่ 26 ธ.ค. นี้ จะประชุมเพื่อวางกรอบในการอภิปรายร่วมกับตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่อยู่ในซีกของพรรคเพื่อไทยด้วย โดยเบื้องต้น มีแกนนำ จากพรรคต่างๆ ได้แจ้งความจำนงขอใช้สิทธิ์อภิปรายหลายคนอาทิ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ว่าที่ส.ส.สัดส่วน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช รวมทั้งพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ยังยืนยันว่าจะมาช่วยตรวจสอบรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยด้วย
สำหรับในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น ได้วางตัวผู้อภิปรายที่เป็นผู้มีประสบการณ์ และมีอดีต รัฐมนตรี อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรมว.มหาดไทย ,นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตร มว.พาณิชย์ ,นายวิชาญ มีนชัยนันต์ อดีต รมช.สาธารณสุข ,นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย
นอกจากนี้ยังมีส.ส.ของพรรคที่แสดงความจำนงที่จะอภิปรายมากว่า 70 คน แต่ตนอยากให้มีผู้อภิปรายหลักๆ ประมาณ 15 คน
เราเข้าใจว่าคำแถลงนโยบายยังเป็นแค่ร่าง การจะดำเนินนโยบายได้ ต้องเริ่มทำงานก่อน ตรงนั้นเราเข้าใจ ดังนั้นประเด็นที่ตั้งเป้าจะมุ่งไปที่จริยธรรม ในทางการเมืองเป็นหลัก เรื่องความเหมาะสมในการเป็นรัฐบาล การกำหนดตัวบุคคล ที่สร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินนโยบายในกระทรวงนั้นๆ ให้ประสบความสำเร็จ ได้อย่างไร โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ 2 กระทรวงนี้ มีหลายท่านจองกฐินไว้เยอะ ส่วนหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างนายเสนาะ เราจะให้เวลาพูดเต็มที่ตามธรรมเนียมที่จะให้เกียรติหัวหน้าพรรค
นายวิทยา กล่าวว่า เท่าที่ดูคำแถลงนโยบายรัฐบาล ส่วนใหญ่เป็นนโยบาย ประชานิยมที่มีความคล้ายกับนโยบายของอดีตรัฐบาลมากกว่าร้อยละ 90 ตนจึง มองว่า เป็นนโยบายแบบ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง มีเพียงบางส่วนที่เขียนเพิ่มเติม ในนโยบายด้านการศึกษาและการช่วยเหลือคนตกงาน
ส่วนข่าวที่ว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนให้พล.ต.อ.ประชาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เพื่อที่จะผลักดันให้รับตำแหน่งผู้นำพรรคฝ่ายค้านฯ หากพรรคเพื่อแผ่นดินมีมติขับพล.ต.อ.ประชาออกจากพรรคนั้น นายวิทยา กล่าวว่า ต้องมีการหารือกันในพรรคก่อน ตนยังไม่ทราบรายละเอียด
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้มีการหยิบยกชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมหลายคน รวมไปถึงพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตหัวหน้าพรรครวมใจไทยฯด้วย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ทาบทามพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รองผอ.กอ.รมน.) มาเป็น ผอ.การเลือกตั้งในเขตจ.ลพบุรีให้กับพรรคนั้น นายวิทยา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ทาบทามไปแต่เวลานี้เป็นจุดที่หลายฝ่ายพร้อมที่จะให้คำปรึกษากับพรรคเพื่อไทย รวมถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย
