พลพรรค"เพื่อแม้ว" จี้ประชาธิปัตย์ ชี้แจงเงินบริจาค 80 ล้านแลกเก้าอี้รัฐมนตรี ได้แจ้งกกต.หรือไม่ พร้อมเตรียมยื่นป.ป.ช. กรณี เอสเอ็มเอสมาร์ค อ้างมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค เชิญชวนประชาชนตั้งฉายา"ครม.มาร์ค" มีให้เลือกทั้ง ครม.ร่วมกตัญญู -ครม.ต่างตอบแทน- ครม.ไอ้โหนไอ้ห้อย ยังกั๊กไม่บอกเสื้อแดงบุกสภาวันแถลงนโยบาย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ และอดีตแกนนำ นปก. กล่าวถึงโฉมหน้าครม.ใหม่ว่า หน้าตาของครม.ชุดนี้ ชัดเจนว่าไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน เหมือนที่ตัวนายกรัฐมนตรีหรือหลายคนกล่าวอ้าง เพราะแทบจะไม่มีเก้าอี้ใดเลยที่ตั้ง ครม.โดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถ แต่แทบทุกเก้าอี้เป็นเรื่องของโควตา เรื่องของกลุ่มทางการเมือง และเป็นเรื่องการตอบแทนผลประโยชน์ ตามข้อตกลงในการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น
"ผมว่าถึงตรงนี้ คุณอภิสิทธิ์ เองก็น่าจะเกิดความรู้สึกอับอาย และไม่น่าคิดว่าภายใต้ครม.ในชุดปัจจุบันจะสามารถนำพาบ้านเมืองพ้นจากวิกฤตได้ ผมจะเรียกครม.ชุดนี้ว่า ครม.ร่วมกตัญญู ถ้าจะมีข้อดีอยู่ถ้าจะพยายามอธิบายในภาพที่ดีมันได้มุมเดียวคือ เรื่องของความกตัญญูรู้คุณคน ซึ่งครม.ชุดนี้ได้แสดงออกว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณในการช่วยให้พรรคของตัวเองเป็นรัฐบาลด้วยการตอบแทนผู้มีพระคุณทุกคนอย่างเต็มที่ แต่ว่าตั้งครม.อย่างนี้ เป็นความกตัญญูต่อผู้ช่วยตั้งรัฐบาล แต่ถือว่าอกตัญญูต่อประชาชน เพราะว่าไม่ให้เกียรติประชาชนเลย" นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ครม.ชุดนี้ไปไม่ได้นานแน่นอน เพราะนายอภิสิทธิ์ ต้องตอบคำถามอย่างมากมาย อาทิ ในการเป็นประธานอาเซียน ในการจัดการประชุมอาเซียนหรือการเดินทางไปเยือนกลุ่มประเทศอาเซียน นายอภิสิทธิ์ จะไปอธิบายกับประเทศกัมพูชาอย่างไร ในเมื่อนายกษิต ภิรมย์ รมว.รต่างประเทศ เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ประกาศว่าจะทวงเขาพระวิหารคืนด้วยวิธีการต่างๆ นานา
ดังนั้นการที่ให้นายกษิต มาเป็นรมว.ต่างประเทศ แสดงว่าในการเป็นประธานอาเซียน รัฐบาลจะบอกอาเซียนทั้งหมดว่า เราจะเอาเขาพระวิหารคืน และจะเป็นนโยบายของรัฐบาล ใช่หรือไม่ และจะอธิบายอย่างไรที่ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เสนาธิการใหญ่ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)เข้ามาเป็น รมว.กลาโหม ถือว่าเป็นการสืบทอดอำนาจจากเผด็จการ คมช.
"แล้ววันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ก็กลายเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ คมช.ไปแล้ว รวมทั้งจะตอบคำถามที่ดังออกมาจากคนในพรรคได้อย่างไร เรื่องการตั้งกลุ่มทุนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี เงิน 80 ล้านบาท ที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ บอกมาอยู่ที่ไหน รับบริจาคแล้วแจ้งบัญชีต่อ กกต.หรือไม่ และถ้ารับบริจาคเงินมากขนาดนั้น และไม่มีการแจ้งกกต. อาจจะมีความผิดถึงขั้นยุบพรรคด้วยซ้ำไป" นายณัฐวุฒิกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปชป.กำลังลำพองใจในการจัดรัฐบาลสองครั้งหลัง ทั้งนี้ จัดตั้งรัฐบาลได้เพราะกลุ่มงูเห่าจากกลุ่มอื่นทั้งนั้น จึงขอให้ระวัง หมองูจะตายเพราะงู และนี่กำลังเริ่มแล้ว จึงขอให้นายอภิสิทธิ์เตรียมตัว
เมื่อถามถึงปฏิกิริยาของคนเสื้อแดง ภายหลังเห็นหน้าตาครม. นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า แน่นอนหน้าตาครม.ออกมาอย่างนี้ ก็ยิ่งชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์ บริหารบ้านเมืองต่อไปไม่ได้ ดังนั้นวันที่ 28 ธ.ค.นี้ เราจะชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวง และข้อเรียกร้องหลังเห็นหน้าตาครม.คือ ต้องยุบสภาแล้วคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะพวกเรารับไม่ได้ ส่วนจะมีการเคลื่อนขบวนมายังรัฐสภา ที่จะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 29 ธ.ค.หรือไม่นั้น ก็จะต้องมีการหารือกัน แต่ทั้งนี้จะมีคนเขาไปอยู่แล้ว
** เชิญชวนโหวตฉายา"ครม.มาร์ค"
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการตั้งฉายา "ครม.อภิสิทธิ์ 1" ว่า ขณะนี้มี 2 ชื่อ ที่เราเห็นว่าน่าจะเป็นฉายาของครม.ชุดนี้คือ " ครม.ต่างตอบแทน" และ"ครม.ไอ้โหนไอ้ห้อย" โดย 2 ชื่อนี้เราขอเสนอให้ประชาชนช่วยโหวตมาที่พรรค โดยให้ส่งผลโหวตมาได้ที่พรรค และจะประกาศผลในสัปดาห์หน้า
**ยื่น ป.ป.ช.ตัดสินเอสเอ็มเอสนายกฯ
นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า การส่งเอสเอ็มเอส ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชน เป็นการขอสนับสนุนจากบริษัทมือถือนั้น การส่งข้อความนั้นมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น เฉพาะของทรูเพียงบริษัทเดียว มีผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 10 ล้านเครื่อง หากส่งเอสเอ็มเอสครั้งละ 1 บาท ก็เท่ากับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นถึง 10 ล้านบาท ซึ่งตามมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 นั้น ห้ามข้าราชการ นักการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ เกิน 3,000 บาท ซึ่งออกในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย มีโทษตามมาตรา 122 คือจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้นในวันนี้(22 ธ.ค.) ตนจะนำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อป.ป.ช. และจะต้องรับพิจารณาตามมาตรา 250 อนุ 2 และอนุ 3 จะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้
"บางครั้งได้เป็นใหญ่เป็นโตเป็นรัฐบาลด้วยความรวดเร็ว จนลืมคิดไปว่าที่ตัวเองทำนั้นผิดกฎหมาย ผมร้องเรียนตามข้อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ปปช. ที่ออกในสมัยรัฐบาลคุณชวนด้วย กรรมใดใครก่อนะ" นายสุรพงษ์กล่าว
**ยื่น อสส.ยุบ ปชป.กรณีเงิน 80 ล.
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยว่า นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรฐมนตรี บริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ 80 ล้านบาทนั้น แสดงว่า นายวีระชัย เอาเงินมาบริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์จริง ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรค ออกมาปฏิเสธข่าวนั้น ทำให้เรื่องนี้ยังไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก แต่ตนมองว่าเงิน 80 ล้านบาทนั้น จะสงสัยเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นเงินที่เอาไปซื้อส.ส.เพื่อโหวตให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
"มาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองโดยวิธีการซึ่งไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตยนั้น ผมจะนำหลักฐาน รวมทั้งคำสัมภาษณ์ต่างๆ อัดลงวีซีดีเพื่อยื่นให้อัยการสูงสุดพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลได้ก็เพราะเงินก้อนนี้ จะปฏิเสธไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณนิพิฏฐ์ ซึ่งเป็นทนายฝีมือเอก นักกฎหมายชั้นแนวหน้าของประชาธิปัตย์ คงจะไม่ลงทุนไปซื้อตั๋วแลกเงินมาชดใช้หนี้" นายสุรพงษ์กล่าว
**จี้ ปชป.แจงที่มาที่ไปเงิน 80 ล้าน
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ภาพที่นายอภิสิทธิ์ ไปกวาดทำเนียบรัฐบาลนั้น อยากให้กวาดพรรคตัวเองให้สะอาดก่อน จับไม้กวาดก็จับให้เป็น ถ้าลูกเจ็กลูกจีนมาเห็นภาพก็จะบอกว่า "เจียะป้าบ่อสื่อจ่อ" จับไม้กวาดก็ยังจับไม่ถูกเลย
ส่วนการควักดวงตาท้าวมหาพรหมประจำทำเนียบรัฐบาลนั้น ท่านกำลังจะทวงคืนทำเนียบฯจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากพรรคประชาธิปัตย์ และจากทหารที่อยู่เบื้องหลัง นายอภิสิทธิ์ วันนี้ต้องตอบสังคมให้ได้ว่า ที่พูดเสมอว่าพรรคตัวเองขาวผ่อง ไม่ซื้อเสียงนั้น เงิน 80 ล้านบาทหายไปไหน เอาไปซื้ออะไร เพราะถ้าไม่มีมูล นายพนิพิฏฐ์ ก็คงจะไม่ออกมาพูด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการจ่ายเงินให้บริษัทมือถือในภายหลัง อาจจะทำให้ไม่เข้าข่ายได้นั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่าเขายืนยันชัดเจนว่าขอรับการสนับสนุน เท่ากับจำเลยรับสารภาพแล้ว ดังนั้นหากมีการจ่ายเงินให้ในภายหลังอย่างน้อยสังคมก็จะได้รับรู้ และจะได้รู้ด้วยว่ากระบวนการยุติธรรมนั้นยุติธรรมหรือไม่
**เรียกปลัดกลาโหมชี้แจง กมธ.ทหาร
ด้านพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรณีที่ทหารกลุ่มหนึ่งยังต้องการรักษาอำนาจตัวเองไว้ โดยไม่คำนึงถึงข้อบังคับของกระทรวงกลาโหม รวมทั้งผู้นำเหล่าทัพหลายท่านออกมาปรารภเสมอว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองนั้น แต่สิ่งที่ปรากฏเวลานี้คือทหารออกมาก้าวก่ายการเมือง
ดังนั้นเราจะเชิญปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการทหาร ของสภาผู้แทนราษฎรในวันอังคารที่ 23 ธ.ค.นี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
"อดีตผู้นำเหล่าทัพหลายคนที่อยู่ซีก คมช.ออกมาพูดว่า ทหารจำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก่อนที่การเมืองจะไปยุ่งเกี่ยวกับทหารนั้น ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า บุคคลระดับสูงของกองทัพประพฤติตนไม่สมควร ควรจะถูกตำหนิและถูกสอบสวน" พ.ต.ท.สมชาย กล่าวจวก
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวด้วยว่า กรณีที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุว่า การที่คณะกรรมาธิการฯเชิญผู้นำเหล่าทัพไปชี้แจงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนั้น อยากให้ทหารหยุดปกป้อง และหยุดเอาใจนายจนลืมข้อบังคับและวินัยของทหาร เพราะถ้าคอยปกป้องผู้บังคับบัญชาที่ทำผิดอยู่เรื่อยๆ จะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี และทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีของกองทัพ
**ยื่นศาล รธน.วินิจฉัยกรณีซื้ออาวุธ
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวอีกว่า เราจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตีความตามมาตรา 190 กรณีที่กองทัพจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่างด้วยว่า สามารถที่จะทำได้หรือไม่ โดยจะยื่นภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบและวินิจฉัยว่า การทำสัญญาระหว่างกองทัพ กับบริษัทที่ขายอาวุธให้นั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็จะต้องมีการยับยั้ง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกองทัพ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ และอดีตแกนนำ นปก. กล่าวถึงโฉมหน้าครม.ใหม่ว่า หน้าตาของครม.ชุดนี้ ชัดเจนว่าไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน เหมือนที่ตัวนายกรัฐมนตรีหรือหลายคนกล่าวอ้าง เพราะแทบจะไม่มีเก้าอี้ใดเลยที่ตั้ง ครม.โดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถ แต่แทบทุกเก้าอี้เป็นเรื่องของโควตา เรื่องของกลุ่มทางการเมือง และเป็นเรื่องการตอบแทนผลประโยชน์ ตามข้อตกลงในการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น
"ผมว่าถึงตรงนี้ คุณอภิสิทธิ์ เองก็น่าจะเกิดความรู้สึกอับอาย และไม่น่าคิดว่าภายใต้ครม.ในชุดปัจจุบันจะสามารถนำพาบ้านเมืองพ้นจากวิกฤตได้ ผมจะเรียกครม.ชุดนี้ว่า ครม.ร่วมกตัญญู ถ้าจะมีข้อดีอยู่ถ้าจะพยายามอธิบายในภาพที่ดีมันได้มุมเดียวคือ เรื่องของความกตัญญูรู้คุณคน ซึ่งครม.ชุดนี้ได้แสดงออกว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณในการช่วยให้พรรคของตัวเองเป็นรัฐบาลด้วยการตอบแทนผู้มีพระคุณทุกคนอย่างเต็มที่ แต่ว่าตั้งครม.อย่างนี้ เป็นความกตัญญูต่อผู้ช่วยตั้งรัฐบาล แต่ถือว่าอกตัญญูต่อประชาชน เพราะว่าไม่ให้เกียรติประชาชนเลย" นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ครม.ชุดนี้ไปไม่ได้นานแน่นอน เพราะนายอภิสิทธิ์ ต้องตอบคำถามอย่างมากมาย อาทิ ในการเป็นประธานอาเซียน ในการจัดการประชุมอาเซียนหรือการเดินทางไปเยือนกลุ่มประเทศอาเซียน นายอภิสิทธิ์ จะไปอธิบายกับประเทศกัมพูชาอย่างไร ในเมื่อนายกษิต ภิรมย์ รมว.รต่างประเทศ เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ประกาศว่าจะทวงเขาพระวิหารคืนด้วยวิธีการต่างๆ นานา
ดังนั้นการที่ให้นายกษิต มาเป็นรมว.ต่างประเทศ แสดงว่าในการเป็นประธานอาเซียน รัฐบาลจะบอกอาเซียนทั้งหมดว่า เราจะเอาเขาพระวิหารคืน และจะเป็นนโยบายของรัฐบาล ใช่หรือไม่ และจะอธิบายอย่างไรที่ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เสนาธิการใหญ่ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)เข้ามาเป็น รมว.กลาโหม ถือว่าเป็นการสืบทอดอำนาจจากเผด็จการ คมช.
"แล้ววันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ก็กลายเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ คมช.ไปแล้ว รวมทั้งจะตอบคำถามที่ดังออกมาจากคนในพรรคได้อย่างไร เรื่องการตั้งกลุ่มทุนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี เงิน 80 ล้านบาท ที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ บอกมาอยู่ที่ไหน รับบริจาคแล้วแจ้งบัญชีต่อ กกต.หรือไม่ และถ้ารับบริจาคเงินมากขนาดนั้น และไม่มีการแจ้งกกต. อาจจะมีความผิดถึงขั้นยุบพรรคด้วยซ้ำไป" นายณัฐวุฒิกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปชป.กำลังลำพองใจในการจัดรัฐบาลสองครั้งหลัง ทั้งนี้ จัดตั้งรัฐบาลได้เพราะกลุ่มงูเห่าจากกลุ่มอื่นทั้งนั้น จึงขอให้ระวัง หมองูจะตายเพราะงู และนี่กำลังเริ่มแล้ว จึงขอให้นายอภิสิทธิ์เตรียมตัว
เมื่อถามถึงปฏิกิริยาของคนเสื้อแดง ภายหลังเห็นหน้าตาครม. นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า แน่นอนหน้าตาครม.ออกมาอย่างนี้ ก็ยิ่งชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์ บริหารบ้านเมืองต่อไปไม่ได้ ดังนั้นวันที่ 28 ธ.ค.นี้ เราจะชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวง และข้อเรียกร้องหลังเห็นหน้าตาครม.คือ ต้องยุบสภาแล้วคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะพวกเรารับไม่ได้ ส่วนจะมีการเคลื่อนขบวนมายังรัฐสภา ที่จะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 29 ธ.ค.หรือไม่นั้น ก็จะต้องมีการหารือกัน แต่ทั้งนี้จะมีคนเขาไปอยู่แล้ว
** เชิญชวนโหวตฉายา"ครม.มาร์ค"
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการตั้งฉายา "ครม.อภิสิทธิ์ 1" ว่า ขณะนี้มี 2 ชื่อ ที่เราเห็นว่าน่าจะเป็นฉายาของครม.ชุดนี้คือ " ครม.ต่างตอบแทน" และ"ครม.ไอ้โหนไอ้ห้อย" โดย 2 ชื่อนี้เราขอเสนอให้ประชาชนช่วยโหวตมาที่พรรค โดยให้ส่งผลโหวตมาได้ที่พรรค และจะประกาศผลในสัปดาห์หน้า
**ยื่น ป.ป.ช.ตัดสินเอสเอ็มเอสนายกฯ
นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า การส่งเอสเอ็มเอส ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชน เป็นการขอสนับสนุนจากบริษัทมือถือนั้น การส่งข้อความนั้นมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น เฉพาะของทรูเพียงบริษัทเดียว มีผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 10 ล้านเครื่อง หากส่งเอสเอ็มเอสครั้งละ 1 บาท ก็เท่ากับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นถึง 10 ล้านบาท ซึ่งตามมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 นั้น ห้ามข้าราชการ นักการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ เกิน 3,000 บาท ซึ่งออกในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย มีโทษตามมาตรา 122 คือจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้นในวันนี้(22 ธ.ค.) ตนจะนำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อป.ป.ช. และจะต้องรับพิจารณาตามมาตรา 250 อนุ 2 และอนุ 3 จะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้
"บางครั้งได้เป็นใหญ่เป็นโตเป็นรัฐบาลด้วยความรวดเร็ว จนลืมคิดไปว่าที่ตัวเองทำนั้นผิดกฎหมาย ผมร้องเรียนตามข้อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ปปช. ที่ออกในสมัยรัฐบาลคุณชวนด้วย กรรมใดใครก่อนะ" นายสุรพงษ์กล่าว
**ยื่น อสส.ยุบ ปชป.กรณีเงิน 80 ล.
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยว่า นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรฐมนตรี บริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ 80 ล้านบาทนั้น แสดงว่า นายวีระชัย เอาเงินมาบริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์จริง ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรค ออกมาปฏิเสธข่าวนั้น ทำให้เรื่องนี้ยังไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก แต่ตนมองว่าเงิน 80 ล้านบาทนั้น จะสงสัยเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นเงินที่เอาไปซื้อส.ส.เพื่อโหวตให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
"มาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองโดยวิธีการซึ่งไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตยนั้น ผมจะนำหลักฐาน รวมทั้งคำสัมภาษณ์ต่างๆ อัดลงวีซีดีเพื่อยื่นให้อัยการสูงสุดพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลได้ก็เพราะเงินก้อนนี้ จะปฏิเสธไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณนิพิฏฐ์ ซึ่งเป็นทนายฝีมือเอก นักกฎหมายชั้นแนวหน้าของประชาธิปัตย์ คงจะไม่ลงทุนไปซื้อตั๋วแลกเงินมาชดใช้หนี้" นายสุรพงษ์กล่าว
**จี้ ปชป.แจงที่มาที่ไปเงิน 80 ล้าน
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ภาพที่นายอภิสิทธิ์ ไปกวาดทำเนียบรัฐบาลนั้น อยากให้กวาดพรรคตัวเองให้สะอาดก่อน จับไม้กวาดก็จับให้เป็น ถ้าลูกเจ็กลูกจีนมาเห็นภาพก็จะบอกว่า "เจียะป้าบ่อสื่อจ่อ" จับไม้กวาดก็ยังจับไม่ถูกเลย
ส่วนการควักดวงตาท้าวมหาพรหมประจำทำเนียบรัฐบาลนั้น ท่านกำลังจะทวงคืนทำเนียบฯจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากพรรคประชาธิปัตย์ และจากทหารที่อยู่เบื้องหลัง นายอภิสิทธิ์ วันนี้ต้องตอบสังคมให้ได้ว่า ที่พูดเสมอว่าพรรคตัวเองขาวผ่อง ไม่ซื้อเสียงนั้น เงิน 80 ล้านบาทหายไปไหน เอาไปซื้ออะไร เพราะถ้าไม่มีมูล นายพนิพิฏฐ์ ก็คงจะไม่ออกมาพูด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการจ่ายเงินให้บริษัทมือถือในภายหลัง อาจจะทำให้ไม่เข้าข่ายได้นั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่าเขายืนยันชัดเจนว่าขอรับการสนับสนุน เท่ากับจำเลยรับสารภาพแล้ว ดังนั้นหากมีการจ่ายเงินให้ในภายหลังอย่างน้อยสังคมก็จะได้รับรู้ และจะได้รู้ด้วยว่ากระบวนการยุติธรรมนั้นยุติธรรมหรือไม่
**เรียกปลัดกลาโหมชี้แจง กมธ.ทหาร
ด้านพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรณีที่ทหารกลุ่มหนึ่งยังต้องการรักษาอำนาจตัวเองไว้ โดยไม่คำนึงถึงข้อบังคับของกระทรวงกลาโหม รวมทั้งผู้นำเหล่าทัพหลายท่านออกมาปรารภเสมอว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองนั้น แต่สิ่งที่ปรากฏเวลานี้คือทหารออกมาก้าวก่ายการเมือง
ดังนั้นเราจะเชิญปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการทหาร ของสภาผู้แทนราษฎรในวันอังคารที่ 23 ธ.ค.นี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
"อดีตผู้นำเหล่าทัพหลายคนที่อยู่ซีก คมช.ออกมาพูดว่า ทหารจำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก่อนที่การเมืองจะไปยุ่งเกี่ยวกับทหารนั้น ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า บุคคลระดับสูงของกองทัพประพฤติตนไม่สมควร ควรจะถูกตำหนิและถูกสอบสวน" พ.ต.ท.สมชาย กล่าวจวก
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวด้วยว่า กรณีที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุว่า การที่คณะกรรมาธิการฯเชิญผู้นำเหล่าทัพไปชี้แจงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนั้น อยากให้ทหารหยุดปกป้อง และหยุดเอาใจนายจนลืมข้อบังคับและวินัยของทหาร เพราะถ้าคอยปกป้องผู้บังคับบัญชาที่ทำผิดอยู่เรื่อยๆ จะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี และทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีของกองทัพ
**ยื่นศาล รธน.วินิจฉัยกรณีซื้ออาวุธ
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวอีกว่า เราจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตีความตามมาตรา 190 กรณีที่กองทัพจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่างด้วยว่า สามารถที่จะทำได้หรือไม่ โดยจะยื่นภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบและวินิจฉัยว่า การทำสัญญาระหว่างกองทัพ กับบริษัทที่ขายอาวุธให้นั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็จะต้องมีการยับยั้ง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกองทัพ