“เพื่อไทย” ชวนโหวตฉายา “ครม.ต่างตอบแทน-ไอ้โหนไอ้ห้อย” จ้องยื่น ป.ป.ช.เอาผิดเอสเอ็มเอสนายกฯ เชื่อเงิน 80 ล้านใช้ซื้อ ส.ส.โหวต “มาร์ค” นั่งนายกฯ สบโอกาสยื่นอัยการสูงสุดยุบ ปชป. เรียกปลัด กห.ชี้แจง กมธ.ทหารป้ายสีกองทัพจุ้นการเมือง
วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการตั้งฉายา ครม.อภิสิทธิ์ 1 ว่า ขณะนี้มี 2 ชื่อที่เราเห็นว่าน่าจะเป็นฉายาของครม.ชุดนี้คือ ครม.ต่างตอบแทน และครม.ไอ้โหนไอ้ห้อย โดย 2 ชื่อนี้เราขอเสนอให้ประชาชนช่วยโหวตมาที่พรรค โดยให้ส่งผลโหวตมาได้ที่พรรค และจะประกาศผลในสัปดาห์หน้ายื่น ป.ป.ช.ตัดสินเอสเอ็มเอสนายกฯ 22 ธ.ค.นี้
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า การส่งเอสเอ็มเอสของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชน เป็นการขอสนับสนุนจากบริษัทมือถือนั้น การส่งข้อความนั้นมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น เฉพาะของทรูเพียงบริษัทเดียวมีผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 10 ล้านเครื่อง หากส่งเอสเอ็มเอสครั้งละ 1 บาทก็เท่ากับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นถึง 10 ล้านบาท ซึ่งตามมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 นั้น ห้ามข้าราชการ นักการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ใดๆ เกิน 3,000 บาท ซึ่งออกในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย มีโทษตามมาตรา 122 คือจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 22 ธ.ค.ตนจะนำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อปปช. และ.จะต้องรับพิจารณาตามมาตรา 250 อนุ2 และอนุ 3 จะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้
“บางครั้งได้เป็นใหญ่เป็นโตเป็นรัฐบาลด้วยความรวดเร็ว จนลืมคิดไปว่าที่ตัวเองทำนั้นผิดกฎหมาย ผมร้องเรียนตามข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช.ที่ออกในสมัยรัฐบาลคุณชวนด้วย กรรมใดใครก่อนะ” นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยว่านายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรฐมนตรี บริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ 80 ล้านบาทนั้น แสดงว่านายวีระชัยเอาเงินมาบริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์จริง ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรค ออกมาปฏิเสธข่าวนั้น ทำให้เรื่องนี้ยังไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก แต่ตนมองว่าเงิน 80 ล้านบาทนั้นจะสงสัยเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นเงินที่เอาไปซื้อ ส.ส.เพื่อโหวตให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
“มาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองโดยวิธีการซึ่งไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตยนั้น ผมจะนำหลักฐาน รวมทั้งคำสัมภาษณ์ต่างๆ อัดลงวีซีดีเพื่อยื่นให้อัยการสูงสุดพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลได้ก็เพราะเงินก้อนนี้จะปฏิเสธไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณนิพิฏฐ์ซึ่งเป็นทนายฝีมือเอก นักกฎหมายชั้นแนวหน้าของประชาธิปัตย์ คงจะไม่ลงทุนไปซื้อตั๋วแลกเงินมาชดใช้หนี้”
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ภาพที่นายอภิสิทธิ์ไปกวาดทำเนียบรัฐบาลนั้น อยากให้กวาดพรรคตัวเองให้สะอาดก่อน จับไม้กวาดก็จับให้เป็น ถ้าลูกเจ๊กลูกจีนมาเห็นภาพก็จะบอกว่า “เจี๊ยะป้าบ่อสื่อจ่อ” จับไม้กวาดก็ยังจับไม่ถูกเลย ส่วนการควักดวงตาท้าวมหาพรหมประจำทำเนียบรัฐบาลนั้น ท่านกำลังจะทวงคืนทำเนียบฯ จากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่ประชาธิปไตย จากพรรคประชาธิปัตย์ และจากทหารที่อยู่เบื้องหลัง นายอภิสิทธิ์วันนี้ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าที่พูดเสมอว่าพรรคตัวเองขาวผ่องไม่ซื้อเสียงนั้น เงิน 80 ล้านบาทหายไปไหน เอาไปซื้ออะไร เพราะถ้าไม่มีมูลนายนิพิฏฐ์ก็คงจะไม่ออกมาพูด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการจ่ายเงินให้บริษัทมือถือในภายหลัง อาจจะทำให้ไม่เข้าข่ายได้นั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เขายืนยันชัดเจนว่าขอรับการสนับสนุน เท่ากับจำเลยรับสารภาพแล้ว ดังนั้นหากมีการจ่ายเงินให้ในภายหลังอย่างน้อยสังคมก็จะได้รับรู้ และจะได้รู้ด้วยว่ากระบวนการยุติธรรมนั้นยุติธรรมหรือไม่
ด้าน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรณีที่ทหารกลุ่มหนึ่งยังต้องการรักษาอำนาจตัวเองไว้ โดยไม่คำนึงถึงข้อบังคับของกระทรวงกลาโหม รวมทั้งผู้นำเหล่าทัพหลายท่านออกมาปรารภเสมอว่าว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองนั้น แต่สิ่งที่ปรากฎเวลานี้คือทหารออกมาก้าวก่ายการเมือง ดังนั้นเราจะเชิญปลัดกระทรวงกลาโหมและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการทหารของสภาผู้แทนราษฎรในวันอังคารที่ 23 ธ.ค.เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
“อดีตผู้นำเหล่าทัพหลายคนที่อยู่ซีก คมช.ออกมาพูดว่าทหารจำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก่อนที่การเมืองจะไปยุ่งเกี่ยวกับทหารนั้น ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าบุคคลระดับสูงของกองทัพประพฤติตนไม่สมควร ควรจะถูกตำหนิและถูกสอบสวน” พ.ต.ท.สมชาย กล่าว
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวด้วยว่า กรณีที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกระบุว่า การที่คณะกรรมาธิการฯ เชิญผู้นำเหล่าทัพไปชี้แจงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนั้น อยากให้ทหารหยุดปกป้องและหยุดเอาใจนายจนลืมข้อบังคับและวินัยของทหาร เพราะถ้าคอยปกป้องผู้บังคับบัญชาที่ทำผิดอยู่เรื่อยๆ จะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีและทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีของกองทัพยื่นศาลรธน.วินิจฉัยกองทัพสั่งซื้ออาวุธ
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวอีกว่า เราจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตีความตามมาตรา 190 กรณีที่กองทัพจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่างด้วยว่าสามารถที่จะทำได้หรือไม่ โดยจะยื่นภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบและวินิจฉัยว่าการทำสัญญาระหว่างกองทัพกับบริษัทที่ขายอาวุธให้นั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็จะต้องมีการยับยั้งเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกองทัพ