ศูนย์ข่าวศรีราชา -กลุ่มผู้รักชาติในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอำเภอพนัสนิคม พร้อมจับตาการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้มากน้อยเพียงใด หรือเป็นเพียงการเข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์และอำนาจ เช่นเดียวกับรัฐบาลนอมินีทักษิณ เย้ยนายตำรวจใหญ่ที่ประกาศเดินหน้าตรวจสอบกลุ่มทุน และประชาชนที่สนับสนุนทุนในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ตรวจสอบความโปร่งใสของตนเองก่อน และพร้อมให้ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจที่เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นางศิริรัตน์ โพธิ์ทอง แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในพื้นที่อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เผยถึงการปรับวิถีชีวิตหลังเสร็จสิ้นการร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งในทำเนียบรัฐบาล และสนามบินสุวรรณภูมิว่า แม้ในวันนี้จะกลับมาดำเนินธุรกิจที่เคยทำ และทำกิจกรรมตามปกติ แต่ก็ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองรวมถึงการติดตามชมรายการต่างๆ ของ ASTV และนโยบายของแกนนำอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่การรวมกลุ่มของแนวร่วมในเขตอำเภอพนัสนิคม ก็ยังดำเนินไปตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์เพื่อพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ของกันและกัน รวมทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อพบปะสังสรรค์ ที่ตั้งใจว่าจะต้องมีในทุกเดือน นอกจากนั้นในอนาคตก็ยังจะมีการจัดตั้งชมรม เพื่อให้มีการรวมตัวกันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
“ส่วนสถานการณ์การเมืองขณะนี้เราก็ติดตาม และจะรอดูว่าการเปลี่ยนขั้วการเมืองจะรักษาผลประโยชน์ของชาติได้แค่ไหน เพราะหากพูดกันจริงๆ ก็คือเรายังไม่ไว้ใจคุณเนวิน ชิดชอบ”
นางศิริรัตน์ ยังเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ประกาศเดินหน้าตรวจสอบกลุ่มบริษัท ห้าง ร้านและผู้สนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยจะเอาผิดในโทษฐานก่อความรุนแรงในบ้านเมืองนั้น ตนและประชาชนที่ร่วมการชุมนุมทั้งหมด โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่อำเภอพนัสนิคม ที่ก่อนหน้านี้นายตำรวจผู้นี้มักเดินทางเข้ามาในพื้นที่เป็นประจำ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ส่วนจะเข้ามาในพื้นที่นี้บ่อยๆ ด้วยสาเหตุใดคนในอำเภอพนัสนิคม และนายตำรวจผู้นี้รู้อยู่แก่ใจดี แต่ที่มั่นใจ คือผู้สนับสนุนทุกคนทำธุรกิจด้วยความโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย
เช่นเดียวกับนายลำสัน พ่วงภู่ เจ้าของโรงหล่อในอำเภอพนัสนิคม ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่ง ที่ยอมสูญรายได้มากกว่า 1หมื่นบาทต่อวัน เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ และในบางเวลายังขอเป็นการด์อาสาดูแลความปลอดภัยของพี่น้อง เผยว่า เขาไม่เคยคำนึงถึงรายได้ที่สูญเสียไป แต่ต้องการแสดงอุดมการณ์รักชาติ จึงเข้าร่วมการชุมนุมและดาว กระจายไปยังสถานที่ต่างๆ ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยในช่วงที่หมดการชุมนุมก็ถือเป็นช่วงที่จะกลับมาดูแลงานที่คั่งค้างและปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
“ผมทำโรงหล่อ เมื่อไม่ได้ไปชุมนุมก็กลับมารับงานตามปกติ และผมก็ไม่กลัวกับคำขู่ของ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ที่สำคัญตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเข้ามาข่มขู่แต่อย่างใด และหากในอนาคตแกนนำเรียกชุมนุมอีกก็พร้อมจะไป เพราะผมชอบสังคมในพันธมิตรฯ บอกได้เลยว่าการชุมนุมให้อะไรแก่ผมมาก โดยเฉพาะอุดมการณ์และเพื่อนฝูงที่พร้อมร่วมเป็นและตายด้วยกัน ” นายลำสัน กล่าว