“เบื้อก” ย้ำ บช.น.มีหน้าที่ดูแลเหตุปะทะวิภาวดี ซ.3 ส่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 ดูแลรับผิดชอบ บอกหนักใจกับเหตุระเบิดรายวัน ปลอบใจตัวเองเดี๋ยวคงมีทางออกไม่กี่วัน ชี้ตรวจพฤติกรรมการก่อเหตุน่าจะคล้ายกัน แต่ยังไม่ฟันธงเป็นกลุ่มเดียวทำหรือไม่ ต้องรอตรวจพิสูจน์ก่อน ส่วนเหตุปะทะ-ยิงกันได้รวบรวมหลักฐานเตรียมดำเนินคดีคนก่อเหตุแล้ว
วันนี้ (26 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนเดิม ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงการควบคุมสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อนเดินทางไปประชุมคณะกรรมการติดตามความสงบเรียบร้อย ร่วมกับผู้บัญชาการแต่ละเหล่าทัพ ที่กองบัญชาการกองทัพบกว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ไปอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ส่วนบช.น. นั้นต้องรับผิดชอบในส่วนของเหตุปะทะกันที่วิภาวดี ซอย 3 จากการตั้งจุดตรวจจุดสกัดได้อาวุธมากมาย มีการดำเนินคดีในเรื่องมีอาวุธอยู่ ส่วนความผิดต่างๆ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ
เมื่อถามว่า เหตุระเบิดรายวันที่มีอย่างต่อเนื่องหนักใจหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า หนักใจ แต่เชื่อว่าเดี๋ยวคงจะมีทางออกที่เรียบร้อยภายในไม่กี่วัน คำว่าไม่กี่วันจริงๆ กว่าจะผ่านไปแต่ละวันมันก็เหนื่อย สำหรับเหตุระเบิดที่ผ่านมาให้หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ก็มีการดำเนินคดีตรวจสอบ จากการวิเคราะห์เหตุระเบิดแต่ละครั้งลักษณะการทำ พฤติกรรมหรือการดำเนินการน่าจะคล้ายกัน แต่จะเป็นชุดเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกันหรือไม่ต้องใช้เวลาในการตรวจพิสูจน์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ในภาพรวมของประเทศคงตอบไม่ได้ แต่ในเขตนครบาลขณะนี้ยังดูแลเรียบร้อยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการสำคัญรอบใน ยกเว้นทำเนียบรัฐบาลที่ถูกยึดไปแล้ว รัฐสภาก็ยังเรียบร้อยอยู่ และส่วนที่ต้องดูแล คือ สนามบินดอนเมืองที่รัฐบาลใช้เป็นที่ทำการชั่วคราว ส่วนเหตุยิงกันที่มีภาพชัดเจนก็จะดำเนินคดีอยู่แล้ว
“สิ่งใดที่กระทำผิดกฎหมาย ตำรวจต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ต้องเอาคนที่กระทำผิดมาลงโทษตามกบิลเมืองตามตัวบทกฎหมายทุกอย่าง ทุกวันนี้เราต้องเก็บภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวทั้งหมด หลักฐานต่างๆ เราขอมาหมดแล้ว ขณะนี้เราต้องตั้งว่าภาพรวมที่ออกมา เช่นขณะนี้ถ้าพูดกันตรงๆ เข้าองค์ประกอบข้อหากบฏ จะต้องทำงานเป็นลักษณะทีมงานสอบสวน หรือว่าดีเอสไอ ต้องดูว่าตรงนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ อนุมัติมาดำเนินการและระดมพนักงานสอบสวนทั้งตำรวจ ดีเอสไอ และอัยการที่ต้องร่วมกันทำ เพราะกระบวนการยุติธรรมหรือคนที่ถือกฎหมายไม่ใช่เฉพาะตำรวจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ทำ เราทำเต็มที่ แต่ก็อยากจะขอความเมตตาบ้าง ตำรวจเรามีอยู่เท่าที่เห็น ที่ไหนมีเหตุเราก็ต้องส่งไปทีละ 1-2 กองร้อย เราจะเอากำลังที่ไหนไปตั้งด่านตรวจด่านสกัด เอาตรงไหนไปดูแลประชาชน แล้วพอเกิดคดีขึ้นเราก็ต้องทำ เพราะฉะนั้นขอความเห็นใจ เราทำทุกอย่าง ทำหมด ยืนยันทำงานจนตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต ไม่หลับไม่นอน เราก็จะทำ แต่ขอเวลาให้เราหายใจหน่อย” ผบช.น.กล่าวทิ้งท้าย
วันนี้ (26 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนเดิม ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงการควบคุมสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อนเดินทางไปประชุมคณะกรรมการติดตามความสงบเรียบร้อย ร่วมกับผู้บัญชาการแต่ละเหล่าทัพ ที่กองบัญชาการกองทัพบกว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ไปอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ส่วนบช.น. นั้นต้องรับผิดชอบในส่วนของเหตุปะทะกันที่วิภาวดี ซอย 3 จากการตั้งจุดตรวจจุดสกัดได้อาวุธมากมาย มีการดำเนินคดีในเรื่องมีอาวุธอยู่ ส่วนความผิดต่างๆ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ
เมื่อถามว่า เหตุระเบิดรายวันที่มีอย่างต่อเนื่องหนักใจหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า หนักใจ แต่เชื่อว่าเดี๋ยวคงจะมีทางออกที่เรียบร้อยภายในไม่กี่วัน คำว่าไม่กี่วันจริงๆ กว่าจะผ่านไปแต่ละวันมันก็เหนื่อย สำหรับเหตุระเบิดที่ผ่านมาให้หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ก็มีการดำเนินคดีตรวจสอบ จากการวิเคราะห์เหตุระเบิดแต่ละครั้งลักษณะการทำ พฤติกรรมหรือการดำเนินการน่าจะคล้ายกัน แต่จะเป็นชุดเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกันหรือไม่ต้องใช้เวลาในการตรวจพิสูจน์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ในภาพรวมของประเทศคงตอบไม่ได้ แต่ในเขตนครบาลขณะนี้ยังดูแลเรียบร้อยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการสำคัญรอบใน ยกเว้นทำเนียบรัฐบาลที่ถูกยึดไปแล้ว รัฐสภาก็ยังเรียบร้อยอยู่ และส่วนที่ต้องดูแล คือ สนามบินดอนเมืองที่รัฐบาลใช้เป็นที่ทำการชั่วคราว ส่วนเหตุยิงกันที่มีภาพชัดเจนก็จะดำเนินคดีอยู่แล้ว
“สิ่งใดที่กระทำผิดกฎหมาย ตำรวจต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ต้องเอาคนที่กระทำผิดมาลงโทษตามกบิลเมืองตามตัวบทกฎหมายทุกอย่าง ทุกวันนี้เราต้องเก็บภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวทั้งหมด หลักฐานต่างๆ เราขอมาหมดแล้ว ขณะนี้เราต้องตั้งว่าภาพรวมที่ออกมา เช่นขณะนี้ถ้าพูดกันตรงๆ เข้าองค์ประกอบข้อหากบฏ จะต้องทำงานเป็นลักษณะทีมงานสอบสวน หรือว่าดีเอสไอ ต้องดูว่าตรงนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ อนุมัติมาดำเนินการและระดมพนักงานสอบสวนทั้งตำรวจ ดีเอสไอ และอัยการที่ต้องร่วมกันทำ เพราะกระบวนการยุติธรรมหรือคนที่ถือกฎหมายไม่ใช่เฉพาะตำรวจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ทำ เราทำเต็มที่ แต่ก็อยากจะขอความเมตตาบ้าง ตำรวจเรามีอยู่เท่าที่เห็น ที่ไหนมีเหตุเราก็ต้องส่งไปทีละ 1-2 กองร้อย เราจะเอากำลังที่ไหนไปตั้งด่านตรวจด่านสกัด เอาตรงไหนไปดูแลประชาชน แล้วพอเกิดคดีขึ้นเราก็ต้องทำ เพราะฉะนั้นขอความเห็นใจ เราทำทุกอย่าง ทำหมด ยืนยันทำงานจนตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต ไม่หลับไม่นอน เราก็จะทำ แต่ขอเวลาให้เราหายใจหน่อย” ผบช.น.กล่าวทิ้งท้าย
