xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นคึกรับ“อภิสิทธ์”นั่งนายกฯวอลุ่มเฉียด2หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยสุดคึกคัก รับ “อภิสิทธิ์” นั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ดัชนีบวกกว่า 12 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉียด 2 หมื่นล้านบาท พร้อมแรงหนุนจากตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า “ภัทรียา” มั่นใจการเมืองคลี่คลายจะช่วยดึงเม็ดเงินต่างชาติคืนหวนคืนตลาดหุ้น แต่ต้องจับตาทีมเศรษฐกิจ-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน ด้านโบรกเกอร์ แนะจับตาผลการประชุมเฟด
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (15 ธ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาปิดครั้งก่อน ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่มีเข้ามาอย่างคึกคัก หลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้รับการลงทุนมติให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย แม้ว่าจะมีกระแสคัดค้านจากฝ่ายตรงข้ามบ้าง รวมทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายแตะระดับต่ำสุดที่ 424.30 จุด ก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นหนุนให้ดัชนีปรับตัวแตะระดับสูงสุดที่ 438.12 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 437.06 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 12.27 จุด หรือคิดเป็น 2.89% มูลค่าการซื้อขายรวม 19,485.97 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 5.76 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 663.75 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 657.99 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ได้รับเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และทำให้นักลงทุนความเชื่อมั่นทางการเมืองทางมีพัฒนาการที่ดีและเป็นจุดเริ่มต้นรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะต้องรอติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญอันดับแรกที่รัฐบาลใหม่จะต้องดูและเร่งดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยตั้งความหวังไว้กับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ หากผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและมีเอกภาพในการทำงาน และสามารถทำงานร่วมกับหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม และมีความเชื่อมโยง กันเป็นไปทิศทางเดียวกัน
“ทุกคนต้องให้กำลังใจรัฐบาลชุดนี้ให้มีการทำงาน และชื่อว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ จะทำงานได้นาน”
สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้นมีการตอบรับนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมากกว่า 10% แต่ทิศทางตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของรัฐบาล ความมีเอกภาพของรัฐบาล ทีมเศรษฐกิจ
“เชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย จากมีความเชื่อมั่นใจสถานการณ์ทางการเมืองที่มีทิศทางดีขึ้น ทั้งนี้ จากการหารือกับนักลงทุนต่างประเทศนั้นมองว่ามีการพัฒนาที่ดี หลังจากมีการแก้ปัญหาทางการเมืองด้วยกระบวนทางรัฐสภา ดังนั้น หากปัญหาวิกฤตทางการเงินในต่างประเทศคลี่คลายนักลงทุนต่างประเทศพร้อมที่จะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง”
นางภัทรียา กล่าวว่า หากรัฐบาลจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอแผนการพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งมี 6 เรื่อง คือ 1. การปรับโครงสร้างของตลาดหลักทรัพย์ฯ และแปรรูปตลาดหลักทรัพย์และการแก้ไขกฎหมายการแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดมหาชน 2. การเตรียมตัวในการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ 3. การเพิ่มบริษัทจดทะเบียนให้มากขึ้น และสินค้าให้มากขึ้น ซึ่งปีหน้านั้นตลาดทุนจะเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญของบริษัทเอกชน 4. การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทจดทะเบียนที่จะต้องมีการดำเนินงานต่อเนื่อง 5. การพัมนาตลาดตราสารหนี้ และ 6. การปรับเกณฑ์ต่างๆให้การดำเนินงานทางภาคธุรกิจมีการดำเนินการไปได้สะดวกไม่ติดตาม เช่น เรื่องภาษีการควบรวมกิจการ

***โบรกนอกหวังทีมศก.ดันจีดีพีปีหน้า
มล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ น่าจะมีเสถียรภาพได้ จากที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากในที่ประชุมสภาฯ ทั้งนี้ต้องรอดูทีมงานด้านเศรษฐกิจ และนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาล
“หากมีการประกาศนโยบายออกมาและสามารถที่จะมีการพลักดันโครงการต่างๆ ออกมาได้จริงและรวดเร็ว จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งรัฐบาลควรจะช่วยเหลือธุรกิจส่งออก การท่องเที่ยว ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะปรับตัวดีขึ้น จากปัจจุบันที่มีหน่วยงานต่างประเทศปรับลดจีดีพีปีหน้า 2% หรือบางแห่งมองว่าจะไม่ถึง 2%”
มล.ทองมกุฎ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้ตอบรับกับนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 พอสมควร แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.95 จุด หรือ 5.71% จากการคาดว่านายอภิสิทธิ จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่จะส่งผลดีต่อเนื่องหรือไม่นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลชุดใหม่

***หุ้นพุ่งรับ “อภิสิทธิ์” นายกฯ คนที่ 27**
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. ฟาร์อีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้รับเลือก ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นพุ่งขึ้นเกือบ 3% เพราะนักลงทุนคลายความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองได้ในระดับหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ยังได้รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศ ทั้งจีน ญี่ปุ่น และเยอรมันประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการคาดการณ์ธนาคารสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50-0.75% ทำให้ดัชนีตลาดต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า
สำหรับแนวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นน่าจะยืนในแดนบวก โดยนักลงทุนต้องติดตามผลการประชุมเฟด และแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธนาคาร ที่จะได้รับอานิสงส์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฟด ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารต่างๆ ทั่วโลกต่างต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน ทั้งนี้ประเมินแนวรับอยู่ที่ 423430 จุด และแนวต้านที่ 450 จุด
นายมงคล พ่วงเกดรา เจ้าหน้าที่วิเคราะห์อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือASL กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน ขานรับนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นหลัก
“แม้ตลาดหุ้นจะได้รับข่าวร้ายจากกรณีที่สหรัฐฯ ไม่อนุมัติแผนช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ได้คาดการณ์ว่า นายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ จะหาเงินจากส่วนอื่นมาช่วยเหลืออย่างแน่นอน”
นายมงคล กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นภายหลังการเมืองเปลี่ยนขั้ว ซึ่งทำให้ปัญหาต่างๆ ดูเหมือนจะเริ่มคลี่คลายลงในระยะหนึ่ง แต่นักลงทุนต้องติดตามแนวทางการแก้ปัญหากลุ่มอุตสากรรมยานยนต์สหรัฐฯ ส่วนกลยุทธ์การลงทุนควรซื้อเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นกลุ่มปตท. เนื่องจากยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี

*** ลุ้นเฟดลดดอกเบี้ย***
ด้านนายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือSYRUS กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังประธานาธิบดีคนใหม่ สหรัฐฯ ประกาศช่วยเหลืออตุสาหกรรมยานยนต์ แม้วุฒิสมาชิกคว่ำแผนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มดังกล่าว บวกกับปัจจัยการเมืองที่นายอภิสิทธิ์ ได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ คนใหม่
“ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังคงแกว่งตัวหนักไปทางบวก โดยต้องติดตามผลการประชุมเฟดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50-0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้หรือไม่ รวมถึงทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยให้แนวรับที่ 420-430 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 444-451 จุด”
กำลังโหลดความคิดเห็น