xs
xsm
sm
md
lg

ภาคเอกชนเชื่อ ศก.ฟื้น TDRI กรี๊ดเต่า-ประสาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ธุรกิจภาคเอกชนขานรับ รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำทีมของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มั่นใจรัฐบาลใหม่เดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่อเนื่อง มั่นใจเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน แนะต้องตั้งทีมเศรษฐกิจที่เป็นที่ยอมรับ ทีดีอาร์ไอเชียร์ขาดใจ "หม่อมเต่า-ประสาร" ร่วมทีมเศรษฐกิจ โรงแร-นักธุรกิจภูธรแนะฟื้นฟูภาพลักษณ์ต่างชาติ

นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีซีแอล กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ว่า ในความเห็นของตนไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของพรรคใด สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือการแก้ไขปัญหาของประเทศ คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจะต้องเร่งการใช้จ่าย ซึ่งส่วนหนึ่งคือการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงมั่นใจว่า รัฐบาลใหม่จะดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.)ในฐานะประธานคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ( รฟม.) เปิดเผย ว่า การจัดตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการดำเนินโครงการเมกกะโปรเจกต์ของประเทศโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ได้เดินหน้าไปแล้ว เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่,สายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-ท่าพระ-บางแค, รถไฟสายสายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และบางซื่อ-รังสิต และรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่และแบริ่ง-สมุทรปราการ เพราะได้ผ่านกระบวนการการพิจารณาอนุมัติมาแล้ว นอกจากนี้ การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ แต่สำหรับโครงการใหม่ ที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณา ก็จะต้องขึ้นกับนโยบายของรัฐบาลต่อจากนี้

**เอกชนขานรับอภิสิทธิ์

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ว่า นักธุรกิจหวังว่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้อีกระดับหนึ่ง โดยสิ่งที่ภาคธุรกิจต้องการ คือ เร่งตั้งทีมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งการที่ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้การแก้ไขปัญหา รวดเร็วและมีทิศทางเดียวกัน

นายบุญยสิทธิ์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการบริษัทไอซีซีอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนไทยและต่างชาติน่าจะให้การต้อนรับนายอภิสิทธิ์เพราะถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ที่ดี ซึ่งสิ่งแรกที่ต้องการเห็นคือการเร่งเยียวยาปัญหาเศรษฐกิจที่ไทยจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก รัฐบาลใหม่ควรจะมองเรื่องการอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อรักษาระดับการจ้างงานไว้เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ซึ่งนโยบายประชาธิปัตย์ที่ระบุว่าจะเร่งแก้เศรษฐกิจและสร้างความสมานฉันท์ของชาติถือว่าเดินมาถูกทางแล้วแต่จะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกและความร่วมมือจากหน่วยงานในประเทศ

นายอุนสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า นาย ต้องลดเงื่อนไขทางการเมือง รวมถึงความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้ง พร้อมทั้งเร่งช่วยเหลือผู้ที่กำลังจะว่างงานจากปัญหาเศรษฐกิจโลก

***มั่นใจ “มาร์ค” เรียกความเชื่อมั่น

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า หลังจากได้รัฐบาลใหม่ รัฐบาลจะต้องเร่งสร้างภาพพจน์ว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนทั้งหมด ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก และไม่ให้เกิดความรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวแทนของคนทั้งประเทศ อีกทั้งยังควรเร่งรัดตั้งคณะรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจโดยเลือกคนที่มีคุณภาพจริงๆ เข้ามาทำงาน

โดยงานแรกที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เพราะความวุ่นวายทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจประเทศซบเซามากแล้ว โดยหอการค้าไทยกำลังรอนัดหมายกับรัฐบาลใหม่ เพื่อหารือถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือเอกชน อย่างไรก็ตาม หวังว่ากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะไม่ทำอะไรที่วุ่นวายมากไปกว่านี้

นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า รัฐบาลใหม่ต้องคัดเลือกทีมเศรษฐกิจที่มีความสามารถ และแถลงนโยบายโดยเร็ว เพราะหากทีมเศรษฐกิจดี จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาเร็ว และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในด้านการส่งออก คาดว่าจะฟื้นตัวเป็นบวกได้ในไตรมาส 2 จากเดิมที่ประเมินติดลบหรือขยายตัว 0% แล้วจึงจะฟื้นตัวราวไตรมาส 3 เพราะการมีรัฐบาลเร็ว จะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณ และโครงการเมกะโปรเจกต์จะทำได้เร็วขึ้น

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ควรคำนึงถึงประเทศมากกว่าโควตาพรรคการเมือง และหารัฐมนตรีที่เป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะในกระทรวงเศรษฐกิจ อย่าง คลัง พาณิชย์ อุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น ส่วนงานสำคัญที่ต้องเร่งทำ คือ 1. หยุดความขัดแย้งเร็วที่สุด 2.บริหารประเทศโดยใช้หลักนิติรัฐไม่ใช่แค่รัฐศาสตร์ 3.ทุ่มเทแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ที่กำลังแย่ทั้งด้านบริโภค ท่องเที่ยว ลงทุน ความเชื่อมั่น

นายวัลลภ วิตนากร เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่มห่มไทย กล่าวว่า หลังจากนี้อะไรๆ จะดีขึ้น สิ่งที่ต้องทำคือ แก้ไขเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมที่มีปัญหา บางอุตสาหกรรมปลดคนงานแล้ว และกำลังเข้าขั้นวิกฤติ รัฐบาลต้องเร่งเพิ่มการค้า ท่องเที่ยว และออกมาตรการดึงนักลงทุนและคู่ค้าให้กลับมา ส่วนเรื่องม็อบเชื่อว่ารัฐบาลจัดการได้ แต่ห่วงเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลเพราะเสียงชนะห่างกันไม่มากนัก จึงไม่ควรเอาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นรัฐมนตรีมากนัก

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในภาพพจน์ของรัฐบาลมากขึ้น โดยเฉพาะตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และทุกคนยอมรับในจุดนี้ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นในสายตาของนักลงทุนและต่างประเทศ หากเทียบกับรัฐบาลชุดเดิมถือว่าดีกว่ามาก เพราะชุดเดิมแทบไม่มีตัวที่จะใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว เพราะแต่ละคนเป็นนักการเมืองโดยแท้ ที่สำคัญยังไม่มีความรู้ที่จะเข้ามาบริหารด้านเศรษฐกิจเลย หากยังดื้อปล่อยให้ขั้วเดิมกลับเข้ามาบริหารก็ยังคาดการณ์ไม่ได้เศรษฐกิจปีหน้าจะเป็นอย่างไร

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนฝากให้เร่งดำเนินการใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย การพิจารณาตั้งคณะรัฐมนตรี ในการดูแลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถ สร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนได้ ส่วนจะเป็นใครนั้น คงต้องให้โอกาสในการทำงานก่อน และรัฐบาลจะต้องเร่งความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ดูแลภาคการส่งออกของประเทศ แรงงาน และ กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศให้มากขึ้น ขณะที่กลุ่มที่จะมีการต่อต้านรัฐบาลใหม่ รัฐบาลก็จะต้องใช้ฝีมือในการควบคุม

**ทีดีอาร์ไอเชียร์หม่อมเต่า-ประสาร

นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัย เพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลตั้งคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่มีความรู้หลากหลายรอบด้าน มาดูแลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกรุนแรง และการที่ นายอภิสิทธิ์ จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองนั้น เป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้มีอำนาจในการสั่งการอย่างเต็มที่ ไม่มีปัญหาเหมือนเช่นที่ผ่านมา และหากมีชื่อของ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าฯ ธปท.และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง กับ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ลูกหม้อ ธปท. อดีตเลขาฯ ก.ล.ต. จะถือว่าเหมาะสมมาก เพราะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลาย เข้าใจการทำงานทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน ขณะที่รัฐบาลจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจอื่นเข้ามาแอบแฝง และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้เข้ามาทาบทามให้เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หลังจากมีกระแสข่าวว่า ได้ทาบทามให้ ม.ร.ว.จัตุมงคล เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงยังไม่ได้หารือกันในเบื้องต้น

**ธุรกิจโรงแรมตีปีกขานรับ

นายประกิจ ชินอมรพงษ์   นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า  ต้องการให้รัฐบาลใหม่ ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เร่งสร้างความเชื่อมั่น ให้ประจักษ์แก่สายตาชาวต่างชาติ ให้เน้นเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยรุกตลาดเอเชีย และ ญี่ปุ่นให้กลับมาโดยเร็ว เพราะ ประเทศในกลุ่มนี้ จะเป็นตัวสะท้อนได้ดีว่า รัฐบาลประเทศใดมีหรือไม่มีเสถียรภาพ เพราะ หากไม่มี นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็จะหายไปด้วย ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเป็นกลไกหลัก ในการรับประกันความปลอดภัย และ ยืนยันว่าประเทศไทยสงบแล้ว  ซึ่งควรทำให้ได้ก่อนเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 26 ม.ค.52 เพราะ จะได้ดึงนักท่องเที่ยวชาวจีนกลับคืนมา

นอกจากนั้น ควรเร่งสะสางโครงการที่คั่งค้างจากรับบาลชุดที่ผ่านมา  เช่น การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม โดยเลือกโครงการที่จะเป็นเร่งด่วนก่อน และชะลอโครงการที่ไม่เร่งด่วน อย่างเช่น ศูนย์ประชุมนานาชาติ จ.เชียงใหม่  เพราะ ปีหน้า เศรษฐกิจไม่ดี รับควรนำงบมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจก่อน

นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า  ต้องการให้รัฐบาลกู้ภาพลักษณ์ประเทศ พร้อมกับการดูแลแก้ปัญหาแบบองค์รวม ใน 3 ภาคส่วน คือ การค้า การลงทุน และ การท่องเที่ยว  นอกจากนั้นยังต้องการให้ นายกรัฐมนตรี เขามาดูแลด้านการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง เพื่อให้งานเป็นระบบ เพราะท่องเที่ยวเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน  โดยจัดทำเป็นแผนแบบบูรณาการ จากปัจจุบัน ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยว กระทรวงต่างประเทศ บีโอไอ เป็นต้น ทำแผนแบบต่างคนต่างทำ  นอกจากนั้น ต้องมีการเตรียมมาตรการ ป้องกัน ไม่ให้ เกิดเหตุการณ์ปิดล้อมสถานที่สำคัญอย่างที่ผ่านมาอีก  หรือ ไม่ก็ต้องมีแผนรองรับที่ชัดเจน เมื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน

**ตจว.แนะแก้ภาพลักษณ์ ตปท.

นายสมบูรณ์ บุญธำรงกิจ ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยหลังผลโหวตการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 เสร็จสิ้นลงว่า ตนเองขอให้ทุกฝ่ายอดทนและติดตามการทำงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีและคณะก่อนที่จะดำเนินการประท้วงหรือขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากขณะนี้ประเทศมาถึงทางตันที่ต้องหาทางออกให้ได้ ซึ่งอยากจะเห็นทีมเศรษฐกิจว่าจะมีแนวทางการฟื้นวิกฤติเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อย่างไร

ทั้งนี้ สำหรับภาคธุรกิจในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลกต่างตอบรับผลการโหวต นายกรัฐมนตรีในครั้งนี้โดยเห็นว่าการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองจะได้เห็นแนวทางการทำงานที่แตกต่างออกไปจากเดิม ซึ่งจะเป็นอย่างไรคงต้องให้โอกาสรัฐบาลชุดใหม่แสดงฝีมือก่อนที่จะพิจารณาว่าเหมาะสมที่จะบริหารประเทศต่อไปหรือไม่

นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า พร้อมสนับสนุนและเปิดโอกาสให้นายอภิสิทธิ์ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเร่งแก้ปัญหาของประเทศไทยที่กำลังประสบอยู่ในหลายๆด้านโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งสร้างความมั่นใจและภาพลักษณ์ให้ชาวต่างประเทศกลับเข้ามาประเทศไทย รวมทั้งการสร้างความสามัคคีของประชาชนในประเทศชาติไม่มีการแบ่งแยกเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ซึ่งอาจจะนำไปสู่การแบ่งแยกเป็นภูมิภาคนิยมในอนาคต

ในส่วนของการประชุมอาเซียนซัมมิทที่เดิมทีกำหนดจัดขึ้นในเดือนธันวาคม ก่อนเลื่อนไปเดือนมีนาคมนั้น อยากเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่เลื่อนการประชุมให้เร็วขึ้นเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 โดยจัดที่จังหวัดเชียงใหม่เหมือนเดิม ซึ่งในช่วงดังกล่าวยังอยู่ในช่วงไฮซีซั่น เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้จังหวัดเชียงใหม่ด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น