xs
xsm
sm
md
lg

ว่าที่ ปธน.สหรัฐฯ ลั่นเดินหน้าแก้วิกฤติ ศก.ทันทีหลังรับตำแหน่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันอังคาร (4) หลังการหารือกับคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจว่า สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่มากที่สุด และเขาจะเข้ามาแก้ปัญหานี้ทันทีหลังเข้ารับตำแหน่ง

“ทันทีที่ผมเป็นประธานาธิบดี ผมจะต่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่ด้วยการออกทุกมาตรการที่จำเป็น เพื่อบรรเทาภาวะสินเชื่อตึงตัว และให้ความช่วยเหลือครอบครัวที่ทำงานหนัก รวมถึงฟื้นตัวเลขการเติบโตและความเจริญทางเศรษฐกิจ” โอบามากล่าว

นอกจากนี้โอบามายังได้กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของเขา โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศว่า เขาจะตัดสินใจเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งรีบและรอบคอบต่อไป

โอบามายังได้กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชที่ออกมาระบุว่าจะถ่ายโอนอำนาจให้กับเขาด้วยความราบรื่น พร้อมกล่าวว่าจะไม่พยายามแทรกแซงนโยบายเศรษฐกิจของบุช ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า

“แน่นอนที่ผมจะให้การสนับสนุนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะผ่านสภาคองเกรสก่อนหรือหลังการรับตำแหน่ง และจะให้ความสำคัญไปที่การช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอันดับแรก” โอบามาระบุ

ว่าที่ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวถึงโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านว่า เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และเห็นว่าอิหร่านจะต้องยุติการให้การสนับสนุนองค์กรก่อการร้าย ซึ่งหลังเข้ารับตำแหน่งเขาจะหาโอกาสเจรจากับประเทศที่เป็นศัตรูของสหรัฐฯ อย่าง อิหร่าน เกาหลีเหนือ และคิวบาต่อไป

รายงานข่าว แจ้งว่า โอบามาเริ่มวันที่ 3 ของการเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยการเดินทางไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนของมาเลีย วัย 10 ปี และชาชา วัย 7 ปี พร้อมมิเชล ภรรยา ซึ่งลูกสาวทั้ง 2 คนของโอบามาถือเป็นสมาชิกครอบครัวหมายเลขหนึ่งที่มีอายุน้อยที่สุดในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

หลังจากนั้นโอบามาได้ร่วมประชุมเพื่อวางแผนเกี่ยวกับการถ่ายโอนอำนาจของเขา และเข้าฟังการบรรยายสรุปจากสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ซึ่งกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของโอบามาในขณะนี้

ขณะที่ผู้ช่วยของโอบามา ระบุว่า โอบามาจะโทรศัพท์ถึงหัวหน้ารัฐบาลของแต่ละประเทศ หลังได้ทักทายและพูดคุยกับประเทศพันธมิตรทั้ง 9 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิสราเอล ญี่ปุ่น เม็กซิโก และเกาหลีใต้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น