ASTVผู้จัดการรายวัน – เอสแอนด์พี มั่นใจ อาหารยังเป็นปัจจัยแรกของผู้บริโภค ไม่หวั่นเศรษฐกิจโลกกระทบปีหน้า เดินเครื่องขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 30 สาขาทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ปีนี้มั่นใจรายได้ขยับโต 10%ตามแผน
นายประเวศวุฒิ ไรวา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเค็ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มสภาพเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ที่มองว่าธุรกิจทั่วโลกต่างก็จะได้รับผลกระทบกันทั้งหมด ขณะที่ประเทศไทยนั้น เชื่อว่าปัจจัยภายในทั้งสภาพเศรษฐกิจและการเมืองจะมีผลกระทบกับธุรกิจมากกว่าปัจจัยภาพนอก แต่สำหรับกลุ่มธุรกิจร้านอาหารแล้ว ยังมองเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจนี้อยู่ เพราะเชื่อมั่นว่าธุรกิจดังกล่าวจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากอาหารยังถือเป็นปัจจัยแรกที่ผู้บริโภคยังพร้อมที่จ่ายอยู่
ดังนั้นแผนการดำเนินงานในปีหน้า บริษัทฯจะยังคงเดินหน้าขยายาสาขาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าไม่ต่ำกว่า 30 สาขา เท่ากับปีก่อนๆโดยจะลงทุนในสาขาเล็กไม่เกิน 1ล้านบาทส่วนสาขาใหญ่ประมาณ7-8 ล้านบาท ทั้งนี้จะเริ่มที่สาขาเล็กก่อนเพราะความเสี่ยงต่ำ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สรุปว่าจะเป็นสาขาใหญ่ประมาณกี่สาขา นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯจะขยายสาขาในต่างประเทศเพิ่มด้วยอีก 2-3 ประเทศ คือ ยุโรป จีน และญี่ปุ่น ขณะที่ปัจจุบันเอสแอนด์พี เปิดให้บริการกว่า 280 สาขา ซึ่งเป็นสาขาขนาดใหญ่ที่เปิดในประเทศไทยถึง 90 สาขา ส่วนต่างประเทศเปิดให้บริการอยู่แล้ว 20 สาขา
อย่างไรก็ตาม ด้านภาพรวมเศรษฐกิจที่ผ่านมาในปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับกับปีที่แล้ว มองว่ามีผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากพบว่ากลางปีที่ผ่านมายอดขายยังโตขึ้นจากปีที่แล้ว10% และเริ่มตกลงเพียงช่วงวิกฤติที่เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิในเรื่องของนักท่องเที่ยวที่มีผลต่อการใช้เงินต่อคนไทยและต่างชาติเพียงเล็กน้อย แต่ทั้งปียังมองว่า บริษัทฯจะยังมียอดการเติบโตรวมที่ 10% ได้แน่
นายประเวศวุฒิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บริษัทฯได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลิตสินค้าจึงได้ทำระบบจัดการความปลอดภัยในอาหารตามมาตรฐานระบบ GMP เข้ามาตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัยของอาหารในส่วนของร้านอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในส่วนของการผลิตอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ตั้งแต่ปี 2547 โดยทางบริษัทฯยังจะเดินหน้านำระบบการจัดการควบคุมระดับมาตรฐานตามระบบ GMPกับร้านอาหารและเบเกอรี่ชอปทุกสาขา รวม 280 สาขา ล่าสุดบริษัทฯ จะปรับเปลี่ยนสาขาให้ได้มาตรฐานเพิ่มอีก 2 สาขาในปีนี้คือ สาขาสุขุมวิท 26 และบางพลี
นายประเวศวุฒิ ไรวา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเค็ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มสภาพเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ที่มองว่าธุรกิจทั่วโลกต่างก็จะได้รับผลกระทบกันทั้งหมด ขณะที่ประเทศไทยนั้น เชื่อว่าปัจจัยภายในทั้งสภาพเศรษฐกิจและการเมืองจะมีผลกระทบกับธุรกิจมากกว่าปัจจัยภาพนอก แต่สำหรับกลุ่มธุรกิจร้านอาหารแล้ว ยังมองเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจนี้อยู่ เพราะเชื่อมั่นว่าธุรกิจดังกล่าวจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากอาหารยังถือเป็นปัจจัยแรกที่ผู้บริโภคยังพร้อมที่จ่ายอยู่
ดังนั้นแผนการดำเนินงานในปีหน้า บริษัทฯจะยังคงเดินหน้าขยายาสาขาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าไม่ต่ำกว่า 30 สาขา เท่ากับปีก่อนๆโดยจะลงทุนในสาขาเล็กไม่เกิน 1ล้านบาทส่วนสาขาใหญ่ประมาณ7-8 ล้านบาท ทั้งนี้จะเริ่มที่สาขาเล็กก่อนเพราะความเสี่ยงต่ำ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สรุปว่าจะเป็นสาขาใหญ่ประมาณกี่สาขา นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯจะขยายสาขาในต่างประเทศเพิ่มด้วยอีก 2-3 ประเทศ คือ ยุโรป จีน และญี่ปุ่น ขณะที่ปัจจุบันเอสแอนด์พี เปิดให้บริการกว่า 280 สาขา ซึ่งเป็นสาขาขนาดใหญ่ที่เปิดในประเทศไทยถึง 90 สาขา ส่วนต่างประเทศเปิดให้บริการอยู่แล้ว 20 สาขา
อย่างไรก็ตาม ด้านภาพรวมเศรษฐกิจที่ผ่านมาในปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับกับปีที่แล้ว มองว่ามีผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากพบว่ากลางปีที่ผ่านมายอดขายยังโตขึ้นจากปีที่แล้ว10% และเริ่มตกลงเพียงช่วงวิกฤติที่เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิในเรื่องของนักท่องเที่ยวที่มีผลต่อการใช้เงินต่อคนไทยและต่างชาติเพียงเล็กน้อย แต่ทั้งปียังมองว่า บริษัทฯจะยังมียอดการเติบโตรวมที่ 10% ได้แน่
นายประเวศวุฒิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บริษัทฯได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลิตสินค้าจึงได้ทำระบบจัดการความปลอดภัยในอาหารตามมาตรฐานระบบ GMP เข้ามาตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัยของอาหารในส่วนของร้านอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในส่วนของการผลิตอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ตั้งแต่ปี 2547 โดยทางบริษัทฯยังจะเดินหน้านำระบบการจัดการควบคุมระดับมาตรฐานตามระบบ GMPกับร้านอาหารและเบเกอรี่ชอปทุกสาขา รวม 280 สาขา ล่าสุดบริษัทฯ จะปรับเปลี่ยนสาขาให้ได้มาตรฐานเพิ่มอีก 2 สาขาในปีนี้คือ สาขาสุขุมวิท 26 และบางพลี