xs
xsm
sm
md
lg

“โข่ง-ชยุตม์ ทองมี” กับวงดนตรี “ฅ.คนกู้ชาติ” แนวหน้าแนวรบวัฒนธรรมพันธมิตรสงขลาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชยุตม์ ทองมี หรือ โข่ง หัวหน้า วง ฅ.คนกู้ชาติ
รายงาน
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่

รวมเวลากว่า 6 เดือนที่กลุ่มประชาชนทุกหย่อมหญ้าทั่วประเทศรวมตัวกันในนาม “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ลุกขึ้นชุมนุมต่อสู้กับรัฐบาลนอมินีภายใต้ปีกโอบของ “ระบบทรราชทักษิณ” ในทุกหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาค โดยยึดหัวใจการต่อสู้ด้วยหลักการสันติและอหิงสา ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่สังคมไทยได้เห็นผู้คนในสังคมกล้าลุกขึ้นแสดงออกและ “เลือกข้าง” มากขึ้น

ศิลปินนักแสดงทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าที่โดดขึ้นเวทีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง, จอย-ศิริลักษณ์ ผ่องโชค, เต๊ะ-ศตวรรษ เศรษฐกร เป็นต้น รวมถึงกองทัพศิลปินเพลงเพื่อชีวิตสายเลือดสะตอที่เข้าร่วมสร้างสีสันในการกู้ชาติอีกไม่นับถ้วน เขาเหล่านั้นเคยขับกล่อมบทเพลงและปลุกเร้าพี่น้องพันธมิตรฯ ให้ฮึกเหิมในยามรบ และปลุกปลอบใจในยามเหนื่อยล้า

แต่เมื่อแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศยุติการชุมนุม บทเพลงก็ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งที่แทนความรู้สึกของผองน้องพี่พันธมิตรฯ ที่ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ดังเช่นเพลง “แด่ดอกไม้พันธมิตรฯ” ซึ่งถ่ายทอดสดุดีความกล้า “น้องโบว์-น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ” ต้นแบบวีรสตรีในยุค 2551

สำหรับเนื้อหาใจความของเพลงนี้ ถือเป็นบันทึกอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงในห้วงเวลาการต่อสู้ทางการเมืองของพลังมวลชนด้วยสองมือเปล่า กับฝ่ายรัฐที่มีอาวุธอันมาจากภาษีของประชาชนอย่างพรั่งพร้อม ดังคำร้องว่า…

...เช้าตรู่ 7 ตุลา 51
วันที่โลกตะลึงฟ้าสะเทือน
ดอกไม้พันธมิตรฯ บานกลางเมือง
เรืองรองปรองดองปกป้องไทย
บานทายท้าอธรรม อำนาจรัฐเถื่อน
มือจับมือเพื่อนพันธมิตรฯ ทั่วไทย
อุดมการณ์แน่วแน่ แม้ทางยาวไกล
มีธรรมในใจส่องนำทาง
ใครสาดกระสุนใส่ พรากเธอไปจากพวกเรา
เธอสู้แค่สองมือเปล่า แล้วทำไมต้องฆ่าเธอ
เธอสู้แค่สองมือเปล่า แล้วทำไมต้องเป็นเธอ
หลับเถอะ หลับให้สบาย
เธอจะไม่ได้ตายไปจากใจเรา
แม้วันนี้โลกดูเศร้า
แต่พวกเราจะไม่ลืมเธอ

นายชยุตม์ ทองมี หรือ โข่ง หัวหน้า วง ฅ.คนกู้ชาติ และผู้ประพันธ์เพลง “แด่ดอกไม้พันธมิตรฯ” เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้อยู่ในเหตุการณ์ชุลมุนหน้ารัฐสภา จึงไม่แปลกที่เนื้อหาสาระจะพรั่งพรูออกมาจากความรู้สึก ณ บัดนั้น

ซ้ำร้ายวันเวลาที่เคลื่อนผ่านเพียงไม่นานวันเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นกับ “น้องโบว์-กมลวรรณ หมื่นหนู” ดอกไม้พันธมิตรฯ แห่งเมืองพัทลุงเสียอีก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ได้ขัดเกลาและเรียบเรียงดนตรีสำเร็จพอดี แต่อาจจะโชคไม่เข้าข้างที่วันฌาปนกิจ ณ วัดทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เมื่อ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา ตนก็ยังไม่สามารถร้องเพลงนี้ได้ตามใจเรียกร้อง เมื่ออุปกรณ์ดนตรีครานั้นไม่มีความพร้อม

แต่ท้ายที่สุดก็ได้เดี่ยวเพลง “แด่ดอกไม้พันธมิตรฯ” ได้เต็มรูปแบบได้ในวันที่ 9 ธันวาคมถัดมา ซึ่งเป็นวาระฌาปนกิจ “น้องชัย-รณชัย ไชยศรี” อีกหนึ่งดอกไม้พันธมิตรฯที่ถือเป็นวีรบุรุษผู้กล้าได้สมความตั้งใจ
บนเวทีกับเพื่อนร่วมวง ที่สร้างสีสันและบทเพลงแด่พี่น้องพันธมิตรฯ
นอกจากนี้แล้วตนยังเตรียมที่จะใช้เพลง “แด่ดอกไม้พันธมิตรฯ” เป็นเพลงอาลัยให้แก่ “น้องติ๊ก-ศศิธร เชยโสภณ” การ์ดอาสากลุ่มพันธมิตรฯชาว จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งได้เสียชีวิตลงอย่างสงบจากอุบัติเหตุตกจากรถยนต์กระบะ ขณะช่วยเก็บข้าวของออกจากทำเนียบรัฐบาล จากการยุติชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา

นายชยุตม์บอกเล่าให้ฟังว่า ในระยะเวลาที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก่อตั้งมานับแต่ปี 2549 และลุกขึ้นต่อกรกับระบอบทักษิณนั้น ตนก็ได้เข้าร่วมต่อสู้ทางการเมืองในฐานะมวลชนของพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย จนกระทั่งมีโอกาสได้ขึ้นเวทีร้องเพลง และคลุกวงในเหตุการณ์จริง จึงได้บันทึกเรื่องราวความรู้สึกถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงและเผยแพร่มาแล้วประมาณ 5-6 เพลง

“โดยเริ่มจากเพลงด้ามขวานไทย ซึ่งเป็นเรื่องราวของเหตุการณ์วิกฤตไฟใต้ ซึ่งสร้างความไม่สงบอย่างรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และรวมอีก 4 อำเภอของ จ.สงขลา ที่ปะทุหนักในช่วงต้นสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร” นายชยุตม์กล่าวและว่า

ต่อมาช่วงเมื่อต้นปี 2551 นี้ หลังจากที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฟื้นขึ้นอีกครั้ง เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และขับไล่รัฐบาลทรราช ฆาตกร หุ่นเชิด ขายชาติ อันขยายบทบาทเป็นการต่อต้านระบอบทักษิณเต็มรูปแบบ ทำให้ได้แต่งเพลงขึ้นมาอีกหลายเพลง เพื่อใช้ร้องในเวทีพันธมิตรฯ ทั้งในภูมิภาคและส่วนกลาง

“เพลงสดุดีพันธมิตรฯ บทเพลงนี้ตั้งใจแต่งขึ้นเพื่อใช้ออกจรยุทธ์ในพื้นที่ จ.สงขลา ซึ่งถือเป็นศิลปินใต้วงแรกที่ออกดาวกระจายร่วมกับคณะทำงานพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย อันเป็นการจรยุทธ์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการลุกขึ้นสู้กับระบอบทักษิณ และส่วนหนึ่ง ก็เพื่อระดมทุนทรัพย์จัดกิจกรรมและส่งพี่น้องประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ”

หัวหน้าวง ฅ.คนกู้ชาติ เล่าถึงเพลงสัญญามัฆวานฯว่า ถือเป็นอีกบทเพลงหนึ่งที่แต่งขึ้นจากประสบการณ์จริง หลังจากที่ได้ร่วมชุมนุมกับผองพี่น้องพันธมิตรฯ ณ ทำเนียบรัฐบาล และได้เห็นสตรีผู้สูงวัย คนหนุ่มฉกรรจ์ วัยรุ่น นักศึกษา ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกเล็กเด็กแดงที่เดินทางมาร่วมชุมนุมอย่างยาวนาน แต่ตัวเขาเองสามารถเดินทางไปร่วมได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น จึงเป็นที่มาของเพลงนี้ด้วยความคารวะทุกพี่น้องว่า เราจะเดินทางมาร่วมชุมนุมอีกถ้ามีโอกาส

“193 วันที่พี่น้องพันธมิตรฯ จากทั่วทุกหัวระแหงร่วมชุมนุมกันมาต่อเนื่อง คนจำนวนมากไม่เคยจากไปไหนนานๆ จะกลับบ้านก็เพื่อทำธุระ หรือหาทุนทรัพย์มาบริจาคเพิ่มเท่านั้น ผมเองก็อยู่ตรงนี้ แต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ก็เลยเขียนเพลงเพื่อเป็นการตอบแทนและให้กำลังใจซึ่งกันและกันแทน” นายชยุตม์บอกเล่าความในใจ ก่อนจะเสริมว่า

หรือแม้แต่เพลงมุ่งมั่น ก็ต้องนับเป็นอีกบทเพลง ที่เรียบเรียงขึ้นจากบทกวีของรุ่นพี่ที่สนิทกันคือ นายปิยะโชติ อินทรนิวาส หัวหน้าศูนย์ข่าว ASTV ผู้จัดการ หาดใหญ่ พี่เขาเขียนเป็นบทกลอนมาก่อน แล้วเอามามอบให้ตนใส่ทำนองและดนตรี เพื่อนำไปขับร้องให้แก่พี่น้องพันธมิตรฯ ได้ฟังในทุกๆ ค่ำคืนที่มีการชุมนุม ณ ลานประวัติศาสตร์ สถานีรถไฟหาดใหญ่ และก็ได้นำขึ้นร้องบทเวทีพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ ตลอดมาด้วย

นายชยุตม์กล่าวถึงมูลเหตุของการต่อสู้ของเหล่าพี่น้องประชาชนต่ออำนาจรัฐนับตั้งแต่อดีตว่า ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการลุแก่อำนาจของนักการเมือง หรือไม่ก็การบริหารบ้านเมืองของข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม ทำให้ประชาชนถูกกดขี่จนต้องลุกขึ้นสู้

สำหรับเขาเอง ก็เคยมีประสบการณ์การถูกกดขี่โดยความอยุติธรรมในสังคมมาแล้วเช่นกัน นั่นจึงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เขาสละความสุขส่วนตัวได้ เพื่อต่อสู้ให้ได้มาเพื่อการเมืองใหม่ ด้วยหัวใจที่พองโตและเปี่ยมหวังว่าจะสามารถสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างแท้จริงในสักวันหนึ่ง

“ตัวผมเองเปิดร้านขายอาหารและเครื่องดื่มเล็กๆ ในเมืองหาดใหญ่เลี้ยงครอบครัว บางคนเรียกว่าร้านน้ำชา แล้วเราก็เล่นเพลงโฟล์กซองขับกล่อมลูกค้า ผมกับน้องๆ ที่ร่วมงานกันเรายึดถือความสุจริตเป็นที่ตั้ง แต่อยู่มาวันหนึ่งกลับถูกนายตำรวจนอกเครื่องแบบจับตัว ขณะกำลังเล่นดนตรีอยู่บนเวที ด้วยไม่พอใจที่เขาเรียกเงินแล้วผมไม่ให้ เพราะเราสื่อสารไม่ตรงกัน จากนั้นผมก็ถูกยัดข้อหาไม่มีใบอนุญาตประกอบสถานบันเทิง แล้วนำไปขังไว้กว่า 2 ชั่วโมง มีเรื่องต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ทั้งที่ร้านอยู่มานานถึงกว่า 7 ปี” นายชยุตม์ ระบายให้ฟัง

ดังนั้น เมื่อมีการชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯ เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณที่โกงบ้านกินเมือง เอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้องคอร์รัปชั่น เป็นการชุมนุมเพื่อล้างชาติบ้านเมืองและร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ สิ่งนี้ได้ทำให้เขาพร้อมที่จะเสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อส่วนรวม

แม้ว่าเสียงรอบข้างจะหาว่าเขาบ้า ทั้งการยอมทิ้งร้าน ฝากลูกชายคนเดียวไว้กับคนอื่นดูแล เสียทั้งเงินทองและเวลาเพื่อไปร่วมกับการชุมนุมก็ตาม กระทั่งบ้าบิ่นถึงขั้นตัดสินใจฉับพลันหลังส่งลูกไปโรงเรียนในเช้าวันหนึ่ง แล้วหุนหันพาภรรยาขึ้นเครื่องบินแบบทุ่มทุนครั้งแรกในชีวิต เพียงเพื่อไปช่วยพันธมิตรฯ ยึดทำเนียบรัฐบาล เพราะไม่สามารถอดทนเดินทางด้วยรถไฟหรือรถทัวร์ที่ใช้เวลานานถึง 12 ชั่วโมงได้

“ศิลปินเพื่อชีวิตส่วนมากประกาศว่า เขาอยู่ข้างประชาชน แต่เมื่อมีชื่อเสียงแล้วการเงียบเฉยต่อปฏิกิริยาที่คนนับล้านไปร่วมชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ แล้วยังเป็นฝ่ายถูกกระทำด้วยความรุนแรง ถ้าอ้างว่าเป็นศิลปินเพื่อชีวิต แต่ยังแคร์ค่ายเทปอยู่ ผมว่านั่นไม่ใช่ หรือจะอ้างว่าถ้าปิดร้านแล้วจะไม่มีเงิน ขณะที่ชาติกำลังต้องการคุณ ก็ต้องรู้แล้วว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไร”

นี่คือคำกล่าวทิ้งท้ายของ “โข่ง-ชยุตม์ ทองมี” หัวหน้าวง ฅ.คนกู้ชาติ ซึ่งชื่อวงนี้ถูกเรียกขานแปรเปลี่ยนไปจากเพื่อนพ้องน้องพี่พันธมิตรฯ หลังจากเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของศิลปินเพลงเพื่อชีวิตบนเวทีกู้ชาติ และต่อสู้กับระบอบทักษิณมายาวนาน จากที่เคยถูกเรียกขานถึงคือ วง ฅ.คนคอโฟล์กซึ่งก็เป็นอีกสิ่งที่เขาภาคภูมิใจในชีวิต

กำลังโหลดความคิดเห็น