ตาก – อดีตประธานหอฯตาก เชื่อ ถอนหมายจับ “กบฏ 9 แกนนำ พธม.” ลดความร้อนแรงวิกฤตการเมือง ช่วยเพิ่มโอกาสการเจรจาขึ้นได้ พร้อมเสนอตั้งคณะกรรมการชำระเหตุการณ์ “7 ตุลา 51”
นายสุชาติ ตรีรัตนวัฒนา ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก อดีตประธานหอการค้าจังหวัดตาก 2 สมัย กล่าวถึงกรณีศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งเพิกถอนหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ 9 คน ในข้อหากบฏและสะสมกำลัง ว่า นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ทั้งสองฝ่าย ทั้งรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯจะได้มีการเจรจากันในเวลาเหมาะสม เป็นการลดความร้อนแรงของสถานการณ์ ที่นำไปสู่ความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกหน้าหนึ่ง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า วันนี้ประเทศไทยเราขาดโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจไปอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่นิ่ง เช่น พื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีการค้าขายระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน อดีตมียอดส่งออก-นำเข้า เดือนละกว่า 1,500-2,000 ล้านบาท ปัจจุบันหายไปกว่าครึ่ง ไม่นับภาพรวมของประเทศ สิ่งเหล่านี้ผู้เกี่ยวข้องทุกๆฝ่ายต้องหันหน้าเข้ามาหาค้นหาสาเหตุ ปัจจัย ที่นำไปสู่ปัญหาเหล่านี้
ทั้งนี้ ในเหตุการณ์ความรุนแรงที่ผ่านมานั้น ถือว่าประเทศชาติได้รับความเสียหายอย่างมาก เป็นที่จับตาสื่อมวลชนทั่วโลก ส่วนตัวคิดว่าปัญหานี้ไม่น่าจะบานปลายจนนำมาสู่ความรุนแรง จนมีความสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน หลายคนต้องสูญเสียอวัยวะ แขนขาขาด ฝ่ายตำรวจเองก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่ค้างในใจของทุกๆ คน เชื่อว่า หากรัฐบาลชี้แจงมวลชน ชี้แจงมิตรประเทศต่างๆ ในลักษณะปิดบังหรือบิดเบือน ก็จะทำให้ความน่าเชื่อถือในรัฐบาล และประเทศชาติขาดหายไป
ทางออกที่ดี หลังจากนี้ก็คือ การตั้งคณะกรรมการอิสระ ร่วมชำระเหตุการณ์ “7 ตุลา 51” เพื่อพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ในส่วนของชนวนเหตุของการปะทะ ระหว่างตำรวจและกลุ่มพันธมิตร เพื่อหาข้อเท็จจริง บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ฯลฯ เพราะตอนนี้เพิ่งผ่านเหตุการณ์ใหม่ สถานที่ หลักฐาน บุคคลที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ ยังคงอยู่อย่างครบถ้วน ท้ายที่สุดจะได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย “ 7 ตุลา 51” เพื่อเป็นกรณีศึกษาแก่อนุชนต่อไปอย่างถูกต้องไม่บิดเบือน
นายสุชาติ ตรีรัตนวัฒนา ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก อดีตประธานหอการค้าจังหวัดตาก 2 สมัย กล่าวถึงกรณีศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งเพิกถอนหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ 9 คน ในข้อหากบฏและสะสมกำลัง ว่า นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ทั้งสองฝ่าย ทั้งรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯจะได้มีการเจรจากันในเวลาเหมาะสม เป็นการลดความร้อนแรงของสถานการณ์ ที่นำไปสู่ความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกหน้าหนึ่ง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า วันนี้ประเทศไทยเราขาดโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจไปอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่นิ่ง เช่น พื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีการค้าขายระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน อดีตมียอดส่งออก-นำเข้า เดือนละกว่า 1,500-2,000 ล้านบาท ปัจจุบันหายไปกว่าครึ่ง ไม่นับภาพรวมของประเทศ สิ่งเหล่านี้ผู้เกี่ยวข้องทุกๆฝ่ายต้องหันหน้าเข้ามาหาค้นหาสาเหตุ ปัจจัย ที่นำไปสู่ปัญหาเหล่านี้
ทั้งนี้ ในเหตุการณ์ความรุนแรงที่ผ่านมานั้น ถือว่าประเทศชาติได้รับความเสียหายอย่างมาก เป็นที่จับตาสื่อมวลชนทั่วโลก ส่วนตัวคิดว่าปัญหานี้ไม่น่าจะบานปลายจนนำมาสู่ความรุนแรง จนมีความสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน หลายคนต้องสูญเสียอวัยวะ แขนขาขาด ฝ่ายตำรวจเองก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่ค้างในใจของทุกๆ คน เชื่อว่า หากรัฐบาลชี้แจงมวลชน ชี้แจงมิตรประเทศต่างๆ ในลักษณะปิดบังหรือบิดเบือน ก็จะทำให้ความน่าเชื่อถือในรัฐบาล และประเทศชาติขาดหายไป
ทางออกที่ดี หลังจากนี้ก็คือ การตั้งคณะกรรมการอิสระ ร่วมชำระเหตุการณ์ “7 ตุลา 51” เพื่อพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ในส่วนของชนวนเหตุของการปะทะ ระหว่างตำรวจและกลุ่มพันธมิตร เพื่อหาข้อเท็จจริง บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ฯลฯ เพราะตอนนี้เพิ่งผ่านเหตุการณ์ใหม่ สถานที่ หลักฐาน บุคคลที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ ยังคงอยู่อย่างครบถ้วน ท้ายที่สุดจะได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย “ 7 ตุลา 51” เพื่อเป็นกรณีศึกษาแก่อนุชนต่อไปอย่างถูกต้องไม่บิดเบือน