นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการปฏิบัติราชการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.มีมติให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ดอนเมือง ลานกระบัง กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี บางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ลง วันที่ 27 พ.ย.51 ตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในการเข้าควบคุม ระงับ ยับยั้งเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิและ สนามบินดอนเมือง หลังผู้ชุมนุมได้ยุติลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ครม.ได้แสดงความคิดเห็นกันพอสมควร เช่น นายวิชาญ มีนชัยอนันนท์ รักษาการรมช.สาธารณสุข เสนอให้มีการประเมินผลการ ปฏิบัติจากการมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะว่าตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีประกาศฉบับนี้รัฐบาลละหนึ่งครั้ง แต่ผลที่เกิดขึ้น ก็ไม่มีความชัดเจน ไม่เป็นรูปธรรม จึงได้มีการเสนอให้ประเมินผลในการปฎิบัติเพื่อเป็นข้อมูลหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะหวังผลคลี่คลายสถานการณ์การบังคับใช้กฎหมายภายใต้ประกาศนี้ได้มากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รักษาการ รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลควบคุมสถานการณ์ในประกาศภาวะฉุกเฉินทั้ง 2 ฉบับ ท่านก็เห็นว่า ประกาศฉบับนี้ได้ผลในแง่ของการให้ความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติว่า การดำเนินการ ใดๆ ก็ตาม มีกฎหมายรอง ในการควบคุมสถานการณ์ในการเข้ายึดสนามบินทั้ง 2 แห่ง ที่เพิ่งผ่านมานั้นเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง แล้วก็มีความมั่นใจว่า จะคลี่คลายสถานการณ์ได้ตามปกติโดยสันติวิธีได้ แต่ปัญหาหรือข้อจำกัดสำคัญที่ รมว.มหาดไทย นำเสนอต่อที่ประชุมว่า อัตรากำลังที่จะนำมาสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีไม่เพียงพอ แน่นอนเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่รับผิดชอบโดยหลัก ก็มีอัตรากำลังอยู่แล้ว และในฐานะเป็นรมว.มหาดไทยก็ไปเอากำลังอาสมัครมาเพิ่ม แต่ว่ากำลังจากฝ่ายทหารถือว่าน้อย มาเพียงไม่กี่กองร้อย แล้วก็ไม่เพียงพอในการปฏิบัติ คลี่คลายสถานการณ์ ดังนั้นท่านก็เลยบอกว่า ประกาศฉบับนี้ถ้าจะให้ได้ผลในการปฎิบัติการต้องมีกำลังเพียงพอต่อสถานการณ์ด้วย
ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการ รมว.คมนาคม ได้เสนอในครม.ว่า ครม.ควรมอบหมายให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ได้แจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำ หรือผู้ชุมนุมเกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อที่จะให้เป็นแนวทาง ในการปฏิบัติ และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่จะเข้ายึดสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญโดยผิด กฎหมาย และเสียหายในวงกว้าง
นอกจากนี้คณะกรรมการสำรวจทรัพย์สินของส่วนราชการในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้รายงานผลการสำรวจทรัพย์สิน ของส่วนราชการในทำเนียบณ ต่อที่ประชุมครม. เบื้องต้นการสำรวจความเสียหายในระบบภูมิทัศน์ของทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นอาคาร สนามหญ้า ต้นไม้ในทำเนียบ ตลอดจนระบบสปริงเกอร์หน้าตึกไทยคู่ฟ้าเสียหายทั้งหมด ประมาณการตัวเลข 25 ล้านบาท ถ้าจะฟื้นฟูให้คงสภาพเดิม นอกจากนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้แจ้งว่ามีรถยนต์หาย 4 คัน ตามกลับมาได้แล้ว 1 คัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เมื่อเข้าไปที่ทำเนียบฯ ยังไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ เพราะว่า วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ เกิดการสูญหาย และเสียหาย คอมพิวเตอร์กลุ่มคนที่ร่วมกับผู้ชุมนุมให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ไอทีมาก คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องหายหมด จึงให้แต่ละส่วนราชการเจียดจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 52 ของแต่ละหน่วยงาน เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาวัสดุทดแทน ซ่อมแซมพัสดุที่เสียหายก่อน หากส่วนราชการมีงบประมาณปกติไม่เพียงพอ ให้เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณฯ 52 งบกลางเพื่อใช้ในการดำเนินการต่อไป นำสู่ครม.อนุมัติ ซึ่งคาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะสรุปรายละเอียดรายการความเสียหายได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ครม.ได้แสดงความคิดเห็นกันพอสมควร เช่น นายวิชาญ มีนชัยอนันนท์ รักษาการรมช.สาธารณสุข เสนอให้มีการประเมินผลการ ปฏิบัติจากการมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะว่าตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีประกาศฉบับนี้รัฐบาลละหนึ่งครั้ง แต่ผลที่เกิดขึ้น ก็ไม่มีความชัดเจน ไม่เป็นรูปธรรม จึงได้มีการเสนอให้ประเมินผลในการปฎิบัติเพื่อเป็นข้อมูลหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะหวังผลคลี่คลายสถานการณ์การบังคับใช้กฎหมายภายใต้ประกาศนี้ได้มากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รักษาการ รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลควบคุมสถานการณ์ในประกาศภาวะฉุกเฉินทั้ง 2 ฉบับ ท่านก็เห็นว่า ประกาศฉบับนี้ได้ผลในแง่ของการให้ความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติว่า การดำเนินการ ใดๆ ก็ตาม มีกฎหมายรอง ในการควบคุมสถานการณ์ในการเข้ายึดสนามบินทั้ง 2 แห่ง ที่เพิ่งผ่านมานั้นเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง แล้วก็มีความมั่นใจว่า จะคลี่คลายสถานการณ์ได้ตามปกติโดยสันติวิธีได้ แต่ปัญหาหรือข้อจำกัดสำคัญที่ รมว.มหาดไทย นำเสนอต่อที่ประชุมว่า อัตรากำลังที่จะนำมาสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีไม่เพียงพอ แน่นอนเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่รับผิดชอบโดยหลัก ก็มีอัตรากำลังอยู่แล้ว และในฐานะเป็นรมว.มหาดไทยก็ไปเอากำลังอาสมัครมาเพิ่ม แต่ว่ากำลังจากฝ่ายทหารถือว่าน้อย มาเพียงไม่กี่กองร้อย แล้วก็ไม่เพียงพอในการปฏิบัติ คลี่คลายสถานการณ์ ดังนั้นท่านก็เลยบอกว่า ประกาศฉบับนี้ถ้าจะให้ได้ผลในการปฎิบัติการต้องมีกำลังเพียงพอต่อสถานการณ์ด้วย
ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการ รมว.คมนาคม ได้เสนอในครม.ว่า ครม.ควรมอบหมายให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ได้แจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำ หรือผู้ชุมนุมเกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อที่จะให้เป็นแนวทาง ในการปฏิบัติ และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่จะเข้ายึดสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญโดยผิด กฎหมาย และเสียหายในวงกว้าง
นอกจากนี้คณะกรรมการสำรวจทรัพย์สินของส่วนราชการในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้รายงานผลการสำรวจทรัพย์สิน ของส่วนราชการในทำเนียบณ ต่อที่ประชุมครม. เบื้องต้นการสำรวจความเสียหายในระบบภูมิทัศน์ของทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นอาคาร สนามหญ้า ต้นไม้ในทำเนียบ ตลอดจนระบบสปริงเกอร์หน้าตึกไทยคู่ฟ้าเสียหายทั้งหมด ประมาณการตัวเลข 25 ล้านบาท ถ้าจะฟื้นฟูให้คงสภาพเดิม นอกจากนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้แจ้งว่ามีรถยนต์หาย 4 คัน ตามกลับมาได้แล้ว 1 คัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เมื่อเข้าไปที่ทำเนียบฯ ยังไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ เพราะว่า วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ เกิดการสูญหาย และเสียหาย คอมพิวเตอร์กลุ่มคนที่ร่วมกับผู้ชุมนุมให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ไอทีมาก คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องหายหมด จึงให้แต่ละส่วนราชการเจียดจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 52 ของแต่ละหน่วยงาน เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาวัสดุทดแทน ซ่อมแซมพัสดุที่เสียหายก่อน หากส่วนราชการมีงบประมาณปกติไม่เพียงพอ ให้เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณฯ 52 งบกลางเพื่อใช้ในการดำเนินการต่อไป นำสู่ครม.อนุมัติ ซึ่งคาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะสรุปรายละเอียดรายการความเสียหายได้ชัดเจน