พันธมิตรฯ เมิน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลั่นปักหลักไล่ลูกกรอกทรราช

5 แกนนำพันธมิตรฯ ไม่สน รบ.ประกาศภาวะฉุกเฉิน ยันชุมนุมต่อจนกว่า รบ.ชั่วจะลาออก สับ “หมัก” สร้างสถานการณ์ฉวยโอกาสประกาศภาวะฉุกเฉินอย่างไม่ชอบธรรม ย้ำหากทหารทำให้ประชาชนเลือดตกยางออก เท่ากับว่ากองทัพสนับสนุน รบ.ทรราช พร้อมเปิดช่องเจรจาทหาร ย้ำจากนี้จะมีมาตรการเข้มข้นขึ้น

วันนี้ (2 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.15 น. นายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ เปิดแถลงข่าวที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล โดยนายพิภพ กล่าวว่า ทันทีที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แกนนำพันธมิตรฯ ได้มีประชุมและได้ข้อสรุปว่าจะมีการชุมนุมต่อไปเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงของพันธมิตรฯ ตั้งแต่ต้น คือ นายกฯ และรัฐบาลชุดนี้ต้องลาออก เหตุผลของการประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นข้ออ้างของฝ่ายรัฐบาลซึ่งไม่มีเหตุผลเพียงพอ เพราะการชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นไปอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ตามมาตรา 63 แต่รัฐบาลเป็นฝ่ายที่ละเมิดกฎหมายจากการสร้างสถานการณ์เมื่อคืนให้เกิดความวุ่นวาย โดยกลุ่มหนึ่งรัฐบาลเป็นฝ่ายสร้างคนขึ้นมาเพื่อให้เกิดการปะทะ ฝ่ายพันธมิตรฯ ไม่ได้มีการเดินขบวนออกจากที่ตั้งแต่อย่างใด แต่รัฐบาลดึงดันประกาศสถานการณ์ภาวะฉุกเฉิน เป็นการประกาศที่ไม่ชอบต้องการทำลายความชอบธรรมของพันธมิตรฯ ทางพันธมิตรฯ มีสิทธิที่จะไม่ทำตาม รัฐบาลควรจะลาออกไป

“ผมเห็นว่านายสมัครมีความคิดลึกซึ้ง หลังจากใช้ตำรวจเข้ามสลายการชุมนุมมาแล้วก็กำลังจะใช้ทหารออกมาเผชิญกับประชาชนอีก หากไม่ระวังเหตุการณ์จะเหมือนที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 และเหตุการณ์ 16 ตุลา ขณะเดียวกัน หาก พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็จะใช้เหตุนี้ในการปลดจากออกจากตำแแหน่ง และเตรียมคนรุ่นเดียวกับทักษิณขึ้นมาแทน ซึ่งอาจจะมองได้ว่าเหตุการณ์นี้โยงใยกับทักษิณทั้งสิ้น” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการสลายการชุมนุม พันธมิตรฯ จะรับมืออย่างไร นายพิภพ กล่าวว่า เราจะปักหลักอยู่ในทำเนียบ เราไม่พยายามเผชิญหน้าเจ้าหน้าที่ เพราะเราไม่มีอาวุธอะไร หากทหารทำให้ประชาชนเลือดตกยางออก เท่ากับว่ากองทัพสนับสนุนรัฐบาลทรราช ขณะนี้คนที่เข้ามาร่วมชุมนุมมีความพร้อม เพราะว่าถึงแม้ว่าจะมีการ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ยังคงชุมนุมต่อไปไม่ได้เดินทางกลับบ้าน ซึ่งเราไม่ได้บังคับ ขณะเดียวกันยังเดินทางมาร่วมชุมนุมจำนวนมากขึ้น และเราพร้อมที่จะใช้มาตรการขัดขืนที่เข้มข้นขึ้น

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าทหารจะใช้วิธีใดเข้าสลายการชุมนุม ซึ่งตนในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ พร้อมที่จะติดต่อประสานงานเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจา แต่เป้าหมายยังเหมือนเดิมคือต้องออกไป เพราะถึงวินานี้นายสมัครไม่มีความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัว ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีอนาคตทางการเมือง แต่กลับไม่คำนึงถึงความเสียหายของบ้านเมือง หรือแม้ความเสียหายของพรรคพลังประชาชนเอง ซึ่งแตกต่างกับนายกฯ ญี่ปุ่นที่ประกาศลาออกจากตำแหน่ง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทรบว่ามีการจ้างคนมาชุมนุมกับ นปก.คนละ 500 บาท ซึ่งเหตุแบบนี้เคยมีมาหลายครั้งแล้ว พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตทุกครั้งที่จะมีการประกาศของ นปก.ว่าจะบุกตั้งแต่เวลา 16.00 น.ระยะทางจากสนามหลวงประมาณ 2 กิโลเมตร ไม่เห็นมีตำรวจเข้ามาดูแล สุดท้ายก็อ้างว่าควบคุมเพียงพอแล้ว แต่พอหลังเกิดเหตุก็อ้างว่าเป็นการจลาจลเพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศภาวะฉุกเฉิน ทั้งที่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลสร้างขึ้น รัฐบาลชุดนี้จึงขาดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไป จากความผิดหลายกรณี ดังนั้นนายสมัครจึงไม่มีอำนาจที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน