รอยเตอร์ - บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงไม่ยอมตอบอย่างตรงไปตรงมา เมื่อถูกถามในรายการทอล์กโชว์ของทีวีสหรัฐฯในวันอาทิตย์(7)ว่า เขาสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้หรือยัง
ในสหรัฐฯซึ่งบุหรี่และยาสูบในรูปแบบอื่นๆ เป็นตัวการรับผิดชอบการเสียชีวิตของผู้คนถึงราวหนึ่งในห้า อีกทั้งยังทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลรักษาสุขภาพปีละนับหมื่นๆ ล้านดอลลาร์ โอบามาจึงตกอยู่ใต้แรงกดดันให้ทำตัวเป็นแบบอย่าง ด้วยการเลิกสูบบุหรี่ซึ่งมีรายงานว่าเขาติดนิสัยนี้มาราว 20 ปีแล้ว
ระหว่างปรากฏตัวในรายการ "มีต เดอะ เพรส" ของเครือข่ายโทรทัศน์เอ็นบีซี ผู้สัมภาษณ์ซึ่งคือ ทอม โบรคอว์ บอกกับโอบามาว่า เขาบ่ายเบี่ยงไม่ตอบให้ตรงคำถาม ระหว่างที่ไปให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้วกับ บาร์บารา วอลเทอร์ส แห่งเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซี
โบรคอว์ตั้งข้อสังเกตว่าทำเนียบขาวนั้นเป็นเขตห้ามสูบบุหรี่ แล้วก็ตอบโอบามาว่า "คุณเลิกสูบบุหรี่หรือยัง"
"ผมเลิกครับ" โอบามาตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง "สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ มีหลายครั้งเหลือเกินที่ผมกลับไปติดอย่างเก่าอีก"
"เดี๋ยวก่อนนะ" โบรคอว์พูดแทรกขึ้นมา "นั่นหมายความว่าคุณยังไม่ได้เลิกบุหรี่นี่"
"พูดอย่างนั้นก็ได้" โอบามากล่าว "สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ ผมทำได้ดีมากๆ ภายใต้สภาพการณ์ของการทำให้ตัวผมเองมีสุขภาพดีขึ้น คุณจะไม่ได้เห็นการละเมิดกฎเกณฑ์ใดๆ เหล่านี้ในทำเนียบขาวหรอก"
ระหว่างการตระเวนรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ผ่านมา พวกผู้สื่อข่าวมักสังเกตเห็นว่าโอบามากำลังเคี้ยวหมากฝรั่ง "นิโคเรตต์" ซึ่งช่วยผ่อนเพลาอาการอยากบุหรี่ ทั้งนี้เขาเคยพยายามมาแล้วหลายครั้งที่จะเลิกบุหรี่ ทว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ
ว่าที่ประธานาธิบดีวัย 46 ปีผู้จะเข้าดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า เป็นผู้ที่ออกกำลังกายทุกวันในโรงยิม และบางครั้งยังเล่นบาสเกตบอลล์ด้วย แพทย์ประจำตัวของเขาแถลงในเดือนพฤษภาคมว่า โอบามามีสุขภาพดีเยี่ยม มักวิ่งจ๊อกกิ้งเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตรทุกวัน และฟิตเปรียะสำหรับการเข้าเป็นประธานาธิบดี
เว็บไซต์ www.cigaraficionado.com ระบุว่า เจอรัลด์ ฟอร์ด ผู้ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 1974-77 คือประธานาธิบดีสหรัฐฯคนสุดท้ายที่บริโภคยาสูบอยู่เป็นประจำ สำหรับระเบียบห้ามสูบบุหรี่ในทำเนียบขาวนั้น ออกโดยอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ฮิลลารี คลินตัน ซึ่งเวลานี้เป็นบุคคลที่โอบามาจะเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ
ในสหรัฐฯซึ่งบุหรี่และยาสูบในรูปแบบอื่นๆ เป็นตัวการรับผิดชอบการเสียชีวิตของผู้คนถึงราวหนึ่งในห้า อีกทั้งยังทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลรักษาสุขภาพปีละนับหมื่นๆ ล้านดอลลาร์ โอบามาจึงตกอยู่ใต้แรงกดดันให้ทำตัวเป็นแบบอย่าง ด้วยการเลิกสูบบุหรี่ซึ่งมีรายงานว่าเขาติดนิสัยนี้มาราว 20 ปีแล้ว
ระหว่างปรากฏตัวในรายการ "มีต เดอะ เพรส" ของเครือข่ายโทรทัศน์เอ็นบีซี ผู้สัมภาษณ์ซึ่งคือ ทอม โบรคอว์ บอกกับโอบามาว่า เขาบ่ายเบี่ยงไม่ตอบให้ตรงคำถาม ระหว่างที่ไปให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้วกับ บาร์บารา วอลเทอร์ส แห่งเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซี
โบรคอว์ตั้งข้อสังเกตว่าทำเนียบขาวนั้นเป็นเขตห้ามสูบบุหรี่ แล้วก็ตอบโอบามาว่า "คุณเลิกสูบบุหรี่หรือยัง"
"ผมเลิกครับ" โอบามาตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง "สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ มีหลายครั้งเหลือเกินที่ผมกลับไปติดอย่างเก่าอีก"
"เดี๋ยวก่อนนะ" โบรคอว์พูดแทรกขึ้นมา "นั่นหมายความว่าคุณยังไม่ได้เลิกบุหรี่นี่"
"พูดอย่างนั้นก็ได้" โอบามากล่าว "สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ ผมทำได้ดีมากๆ ภายใต้สภาพการณ์ของการทำให้ตัวผมเองมีสุขภาพดีขึ้น คุณจะไม่ได้เห็นการละเมิดกฎเกณฑ์ใดๆ เหล่านี้ในทำเนียบขาวหรอก"
ระหว่างการตระเวนรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ผ่านมา พวกผู้สื่อข่าวมักสังเกตเห็นว่าโอบามากำลังเคี้ยวหมากฝรั่ง "นิโคเรตต์" ซึ่งช่วยผ่อนเพลาอาการอยากบุหรี่ ทั้งนี้เขาเคยพยายามมาแล้วหลายครั้งที่จะเลิกบุหรี่ ทว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ
ว่าที่ประธานาธิบดีวัย 46 ปีผู้จะเข้าดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า เป็นผู้ที่ออกกำลังกายทุกวันในโรงยิม และบางครั้งยังเล่นบาสเกตบอลล์ด้วย แพทย์ประจำตัวของเขาแถลงในเดือนพฤษภาคมว่า โอบามามีสุขภาพดีเยี่ยม มักวิ่งจ๊อกกิ้งเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตรทุกวัน และฟิตเปรียะสำหรับการเข้าเป็นประธานาธิบดี
เว็บไซต์ www.cigaraficionado.com ระบุว่า เจอรัลด์ ฟอร์ด ผู้ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 1974-77 คือประธานาธิบดีสหรัฐฯคนสุดท้ายที่บริโภคยาสูบอยู่เป็นประจำ สำหรับระเบียบห้ามสูบบุหรี่ในทำเนียบขาวนั้น ออกโดยอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ฮิลลารี คลินตัน ซึ่งเวลานี้เป็นบุคคลที่โอบามาจะเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ
