xs
xsm
sm
md
lg

คลังหนุนรัฐบาลใหม่ลดภาษี เยียวยาศก.ก่อนสาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – คลังหนุนรัฐบาลชุดใหม่ประกาศใช้มาตรการภาษีเยียวยาเศรษฐกิจก่อนสายเกินแก้ ผลักดันคลอดแพ็กเกจสำรองช่วยประคับประคองให้เดินหน้าต่อไปได้ ค้านบุคคลธรรมดาเหตุยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าจะสามารถกลับคืนรัฐบาลได้มากเพียงใด ขณะที่ภาษีน้ำมันจำเป็นต้องปรับเพิ่มอีก 1 บาทอย่างเร่งด่วนก่อนเศรษฐกิจหดตัวรุนแรงเชื่อไม่กระทบราคาสินค้าแน่นอน

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สสค.) กล่าวถึงการใช้มาตรการภาษีในการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า สศค.เตรียมศึกษาไว้หลายประเภทภาษีแต่การเลือกนำมาใช้ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยจากแนวคิดที่จะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 25% การปรับเพิ่มภาษีเบียร์จาก 55%เป็น 57% และการปรับเพิ่มภาษีน้ำมันทั้งในส่วนของเบนซินและดีเซลอีก 1 บาทกว่าต่อลิตรนั้นจำเป็นต้องนำมาใช้โดยเร็วแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการหรือตั้งรัฐบาลใหม่ เพราะหากยิ่งทิ้งระยะเวลานานเกินไปก็ทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงรุนแรง

“สศค.เสนอภาษีไปมากกว่านี้ แต่การนำมาใช้ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีคลัง ซึ่งตัวที่เลือกมานี้อาจไม่เพียงพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 52 หากจีดีพีขยายตัวต่ำกว่า 2%หรือ อยู่ในระดับ 0% จริงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล เพราะเดิมยังคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 3% ดังนั้นในอนาคตก็อาจมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมได้ รวมทั้งภาษีที่ดิน ภาษีฟุ่มเฟือยที่ขณะนี้ถูกส่งกลับมานั้นก็จะเสนอรัฐบาลใหม่ด้วยโดยจะปรับปรุงเพิ่มเติม เช่นกรณีของภาษีที่ดินก็จะยกเว้นภาษีที่จัดเก็บจากเกษตรกรตามเกณฑ์ที่จะออกมาในภายหลังเพื่อให้กฎหมายผ่านง่ายขึ้น “ นายสมชัย กล่าวและว่ายังมองในแง่ดีเศรษฐกิจปีหน้าไม่น่าเหลือศูนย์ เพราะเชื่อว่าหลังมีครม.ใหม่ก็ต้องเร่งออกมาตรการดูแลเศรษฐกิจของประเทศก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงทาการเมือง เช่น การยุบสภา เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลได้คะแนนนิยมด้วยซ้ำ

ส่วนเหตุผลที่ไม่ปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพราะอาจทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้มากเกินไป ในภาวะเศรษฐกิจหดตัวนั้นจะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้อยู่แล้ว ขณะที่ข้อเสนอลดภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเพราะไม่มีข้อมูลชี้ชัดว่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและมีรายได้กลับคืนมามากกว่าส่วนที่หายไป สำหรับการปรับเพิ่มภาษีน้ำมันนั้นนอกจากจะกลับไปที่อัตราภาษีเดิมหลังครบกำหนดใช้ 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาลแล้วยังเป็นการปรับเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 1 บาทกว่าด้วย เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้ราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างมากและมีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น หากเพิ่มภาษีซึ่งส่งผลให้ราคาขายปลีกสูงขึ้นตามไปด้วยนั้นไม่น่าจะกระทบกับผู้ใช้ และราคาสินค้าให้ปรับสูงขึ้น

นายสมชัย กล่าวอีกว่าในส่วนของงบกลางปี 1 แสนล้านบาทนั้นแม้จะชะลอออกไปก็มองว่ายังสามารถใช้ได้ทันเดือนเม.ย. 52 ตามที่วางแผนไว้ เพราะหลังมีรัฐบาลใหม่ก็น่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน โดยอาจนำเข้าครม.และเข้าสภาผ่าน 3 วาระรวดในเดือนก.พ.ก็ได้ ส่วนโครงการต่างๆ ที่จะขอใช้เงินนั้นเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

ทั้งนี้แนวคิดในการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 25% เหลือ 20% นั้น สศค.ได้บรรจุลงในแผนปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบไปแล้ว ซึ่งในสมัยที่นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังก็เคยยื่นไปแล้วครั้งหนึ่งแต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติก็ต้องเปลี่ยนตัวรมว.คลังคนใหม่ ซึ่งสศค.อยู่ในระหว่างการยื่นเสนออีกครั้ง

สำหรับความเหมาะสมที่จะปรับลดภาษีนิติบุคคลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจระดับนโยบายของ รมว.คลังเป็นผู้พิจารณา โดยการปรับลดหรือไม่จะต้องดูเงื่อนเวลาในการปรับลดอัตราภาษีลงว่ามีความสำคัญเพียงใดและจะสามารถบรรเทาผลกระทบและความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มธุรกิจใดบ้าง แต่นโยบายของรมว.คลังคนปัจจุบันจะเน้นการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับประชาชนที่ยากจนเป็นลำดับแรกก่อน

“นโยบายการลดภาษีนิติบุคคลในขณะนี้อาจยังมองดูว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนนัก แต่หากมีโอกาสที่จะลดลงก็ควรทำเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน” นายสมชัยกล่าวและว่า ขณะเดียวกันรมว.คลังก็เน้นเพิ่มรายได้ให้กับรากหญ้าและเอสเอ็มอีซึ่งเมื่อกลุ่มนี้มีรายได้และสามารถชดเชยภาษีส่วนที่จะขาดไปนั้นก็สามารถไปลดภาษีนิติบุคคลโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น