ASTVผู้จัดการรายวัน – นายเจริญสุข วรพรรณโสภาค ผู้อำนวยการ ฝ่ายวางแผนโครงการ บมจ. จัดการแลพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวัออก หรือ EASTW เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2552 อยู่ที่ 3 พันล้านบาท จากปีนี้ที่มีรายได้ 2.4 พันล้านบาท เนื่องจากความต้องน้ำประปาจะขยายตัวเพิ่มขึ้น15% อย่างไรก็ตามจากสภาพเศรฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลต่อการขยายตัวของธุรกิจปิโตรเคมี และยอดขายน้ำดิบอาจปรับตัวลดลง จึงคาดว่าความต้องการใช้น้ำดิบในปี 2552 จะต่ำกว่าปีนี้ แต่จะไม่ทำให้บริษัทขาดทุน เนื่องจากในปีหน้ามีจะมีการปรับราคาน้ำเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 9.25 บาท ซึ่งจะมาชดเชยในส่วนความต้องการที่ขาดหายไป
สำหรับในปี 2552 บริษัทมีแผนจะลงทุนในโครงการน้ำประปา ที่จังหวัดสมุย ด้วยงบ 100 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิมที่ 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 6,000 ลูกบาศก์เมตร รวมถึงโครงการน้ำประปาที่ที่จังหวัดชลบุรี ด้วยเงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท และเตรียมจะลงทุนเพิ่มเติมต่างประเทศอีก 2 โครงการ คือ 1.โครงการรับเหมาวางระบบน้ำประปาที่อินเดีย มูลค่า 2 พันล้านบาท ที่เป็นการทำร่วมกับพันธมิตรในประเทศดังกล่าว และบริษัทมีสัดส่วนรายได้ 30% ของมูลค่าโครงการ 2.มีแผนจะเข้าไปซื้อหุ้นในโครงการที่เวียดนาม โดยปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรขอซื้อหุ้น
ขณะที่โครงการวางท่อส่งน้ำดิบเส้นที่ 3 ที่มาบตาพุดนั้นและมีกำหนดระยะเวลาโครงการ 2 ปีนั้นจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ประมาณ 30%ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการใช้น้ำประมาณ 10 ปี ส่วนโครงการวางท่อจากประแสร์ ไปคลองใหญ่ ด้วยงบลงทุน 1.7 พันล้านบาทรัฐบาลจะเป็นผู้ออกงบประมาณให้ 60% ส่วนอีก 40% ทางบริษัทจะจ่ายให้กับกรมชลประทานในรูปของค่าน้ำที่เก็บจากกรมชลประทาน ซึ่งขณะนี้เหลือระยะทางเพียง 120 เมตร และอยู่ระหว่างการรองบประมาณค้างจ่ายจากภาครัฐ แต่ถ้าภาครัฐไม่มีงบประมาณในส่วนดังกล่าว บริษัทจะขอดำเนินงานในส่วนที่เหลือเอง
สำหรับในปี 2552 บริษัทมีแผนจะลงทุนในโครงการน้ำประปา ที่จังหวัดสมุย ด้วยงบ 100 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิมที่ 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 6,000 ลูกบาศก์เมตร รวมถึงโครงการน้ำประปาที่ที่จังหวัดชลบุรี ด้วยเงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท และเตรียมจะลงทุนเพิ่มเติมต่างประเทศอีก 2 โครงการ คือ 1.โครงการรับเหมาวางระบบน้ำประปาที่อินเดีย มูลค่า 2 พันล้านบาท ที่เป็นการทำร่วมกับพันธมิตรในประเทศดังกล่าว และบริษัทมีสัดส่วนรายได้ 30% ของมูลค่าโครงการ 2.มีแผนจะเข้าไปซื้อหุ้นในโครงการที่เวียดนาม โดยปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรขอซื้อหุ้น
ขณะที่โครงการวางท่อส่งน้ำดิบเส้นที่ 3 ที่มาบตาพุดนั้นและมีกำหนดระยะเวลาโครงการ 2 ปีนั้นจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ประมาณ 30%ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการใช้น้ำประมาณ 10 ปี ส่วนโครงการวางท่อจากประแสร์ ไปคลองใหญ่ ด้วยงบลงทุน 1.7 พันล้านบาทรัฐบาลจะเป็นผู้ออกงบประมาณให้ 60% ส่วนอีก 40% ทางบริษัทจะจ่ายให้กับกรมชลประทานในรูปของค่าน้ำที่เก็บจากกรมชลประทาน ซึ่งขณะนี้เหลือระยะทางเพียง 120 เมตร และอยู่ระหว่างการรองบประมาณค้างจ่ายจากภาครัฐ แต่ถ้าภาครัฐไม่มีงบประมาณในส่วนดังกล่าว บริษัทจะขอดำเนินงานในส่วนที่เหลือเอง
