วานนี้ (28 พ.ย.) เวลาประมาณ 01.50 น. มีเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่องหลายครั้ง ตามด้วยเสียงปืนหลายนัด เหตุเกิดที่บริเวณด้านหลังสำนักงานเอเอสทีวี อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. ทำให้พนักงานเกิดความแตกตื่นวิ่งหาที่หลบกันจ้าละหวั่น
หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.ชาญ จังวัง ร้อยเวร สน.ชนะสงคราม เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม และสารวัตรทหารเรือ เบื้องต้นตำรวจได้ควบคุมตัวนายพรชัย สงวนพงษ์ อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอาคารเจ้าพระยาไปสอบสวนที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุเนื่องจากตรวจค้นตัวพบกระสุนปืนหลายนัด และอาวุธมีด และจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้น พบร่องรอยกระสุนปืนหลายนัดบริเวณกระจกด้านหลังสำนักงานเอเอสทีวี ส่วนบริเวณกระจกภายในอาคาร ตั้งแต่ชั้น 1-4 ได้รับความเสียหายเช่นกัน
**ผู้ประกาศวิ่งหลบกระสุน
นายวรรัฐ ภูษาทอง ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวี กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนอยู่ภายในสำนักงานเอเอสทีวี กำลังจะออกเวร จึงเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้านก็ได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง จึงรีบวิ่งออกมาด้านนอกอาคาร หลังจากนั้นก็มีเสียงปืนดังต่อเนื่อง ประมาณ 5-10 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลงจึงเข้าไปดูภายในห้องส่ง ซึ่งขณะนั้นนายรัฐวุฒิ มิตรมาก ผู้ดำเนินรายการกำลังอ่านสรุปข่าวเที่ยงคืน จากการตรวจสอบพบกระจกสตูดิโอแตกเป็นรูพรุนหลายจุด ส่วนนายรัฐวุฒิ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บริเวณง่ามนิ้วมือมีเลือดไหลจากการถูกกระจกบาดมือระหว่างหลบกระสุน
**คนร้ายนั่งเรือยิงถล่ม**
นอกจากนี้ จากการสอบถามการ์ดพันธมิตรฯ ที่รักษาความปลอดภัยบ้านเจ้าพระยา กล่าวว่า คนร้ายใช้เรือยนต์หางยาวเป็นพาหนะ ขับล่องมาจากด้านสะพานพระราม 8 มุ่งหน้าไปทางสะพานพระปิ่นเกล้า เมื่อใกล้จะถึงสำนักงานเอเอสทีวี คนร้ายได้ยิงระเบิด 2 ครั้ง น่าจะเป็นระเบิดเอ็ม 79 โดยเล็งไปบริเวณชั้น 4 คาดว่าเป้าหมายการยิงระเบิดอยู่ที่จานดาวเทียมบนอาคาร แต่ระเบิดที่ยิงขึ้นไปถูกตาข่ายที่ดักไว้ที่ชั้น 4 และเกิดระเบิดขึ้นก่อนทั้งหมด ซึ่งแรงระเบิดทำให้กระจกห้องทำงานที่ชั้น 4 แตกเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจจับตัวไปนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่คนร้าย แต่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบ้านเจ้าพระยา ที่วิ่งไปดูที่เกิดเหตุด้านหลังอาคารเป็นคนแรก และถูกเจ้าหน้าที่สายสืบ สน.ชนะสงคราม ควบคุมตัวไปสอบปากคำ
**พฐ.เก็บหลักฐานที่เกิดเหตุ**
ต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.ต.ธีนันต์ นครินทร์พงษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาที่สำนักงาน เอเอสทีวี อาคารบ้านเจ้าพระยา เพื่อตรวจพิสูจน์และเก็บหลักฐานภายหลังจากเกิดเหตุ
พ.ต.อ.ขิง กล่าวว่าได้ให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยได้เข้าตรวจทั้งหมด 7 จุด และได้ลงเรือไปกลางแม่น้ำเพื่อตรวจหาลักษณะวิถีโค้งและลักษณะแนวการยิงของคนร้าย นอกจากนี้ทางบรรณาธิการบริหารของสำนักงานเอเอสทีวี ได้นำหลักฐานเป็นสะเก็ดระเบิด ปลอกกระสุนอาก้าขนาด เอเค 47 และแผ่นซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุที่กำลังมีการถ่ายทำรายการอยู่ มามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในการหาเบาะแสของคนร้าย
**ตร.เร่งสรุปคนร้ายยิงข่มขู่
พ.ต.อ.ขิง กล่าวต่อว่า สำหรับปลอกกระสุนนั้นพบภายในห้องสตูดิโอ 3 ซึ่งเป็นสถานที่ในการถ่ายทำรายการของเอเอสทีวี โดยคนร้ายได้ยิง อาก้า 47 มาจากทางด้านหลังของอาคารและทะลุเข้าไปภายในสำนักงาน แต่โชคดีที่ขณะเกิดเหตุพิธีกร และพนักงานไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าคนร้ายต้องการที่จะข่มขู่แต่ไม่ได้หวังชีวิต ซึ่งคนร้ายน่าจะลอยเรืออยู่กลางแม่น้ำแล้วยิงเข้ามา แต่คงไม่ได้เป็นการตั้งใจที่จะยิงจานดาวเทียมของเอเอสทีวี เนื่องจากอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ไม่สามารถที่จะยิงจานดาวเทียมได้ เพราะแรงดันต่ำ และวิถีกระสุนก็ไม่ตรงกันกับลักษณะการที่จะยิงจานดาวเทียม
**ชาวต่างชาติเห็นคนร้ายขณะยิงถล่ม
“ขณะที่เกิดเหตุมีชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่บริเวณอาคารจุลดิษฐ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับสำนักงานเอเอสทีวี ได้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ช่วงที่เกิดเหตุเห็นเรือ จำนวน 1 ลำ เป็นเรือโบตคล้ายกับยี่ห้อโซดิแอด ลอยอยู่กลางลำน้ำและมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ปืนซึ่งน่าจะเป็นปืนบาซูก้าลักษณะใช้แบกยิง เล็งเข้าไปที่สำนักงานเอเอสทีวี แต่ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทำให้พยานมองเห็นเหตุการณ์ไม่ชัด เบื้องต้นจะต้องให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับเหตุระเบิดรายวันที่เกิดขึ้นผมไม่ได้รู้สึกหนักใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการหาตัวคนร้าย เพราะกล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพใดๆได้ อีกทั้งสถานการณ์เช่นนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่ผมก็จะเร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว" พ.ต.อ.ขิงกล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. เวลาประมาณ 03.40 น. เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเข้าใส่สำนักงานเอเอสทีวี จากทางแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 2 ลูก แต่ระเบิดถูกตาข่ายกั้นจึงตกลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้สร้างความเสียหายแต่อย่างใด หลังจากนั้นได้มีการยิงปืน และประทัดยักษ์ก่อกวนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีการยิงระเบิด และอาวุธปืนเข้าใส่อีกครั้ง
หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.ชาญ จังวัง ร้อยเวร สน.ชนะสงคราม เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม และสารวัตรทหารเรือ เบื้องต้นตำรวจได้ควบคุมตัวนายพรชัย สงวนพงษ์ อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอาคารเจ้าพระยาไปสอบสวนที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุเนื่องจากตรวจค้นตัวพบกระสุนปืนหลายนัด และอาวุธมีด และจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้น พบร่องรอยกระสุนปืนหลายนัดบริเวณกระจกด้านหลังสำนักงานเอเอสทีวี ส่วนบริเวณกระจกภายในอาคาร ตั้งแต่ชั้น 1-4 ได้รับความเสียหายเช่นกัน
**ผู้ประกาศวิ่งหลบกระสุน
นายวรรัฐ ภูษาทอง ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวี กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนอยู่ภายในสำนักงานเอเอสทีวี กำลังจะออกเวร จึงเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้านก็ได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง จึงรีบวิ่งออกมาด้านนอกอาคาร หลังจากนั้นก็มีเสียงปืนดังต่อเนื่อง ประมาณ 5-10 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลงจึงเข้าไปดูภายในห้องส่ง ซึ่งขณะนั้นนายรัฐวุฒิ มิตรมาก ผู้ดำเนินรายการกำลังอ่านสรุปข่าวเที่ยงคืน จากการตรวจสอบพบกระจกสตูดิโอแตกเป็นรูพรุนหลายจุด ส่วนนายรัฐวุฒิ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บริเวณง่ามนิ้วมือมีเลือดไหลจากการถูกกระจกบาดมือระหว่างหลบกระสุน
**คนร้ายนั่งเรือยิงถล่ม**
นอกจากนี้ จากการสอบถามการ์ดพันธมิตรฯ ที่รักษาความปลอดภัยบ้านเจ้าพระยา กล่าวว่า คนร้ายใช้เรือยนต์หางยาวเป็นพาหนะ ขับล่องมาจากด้านสะพานพระราม 8 มุ่งหน้าไปทางสะพานพระปิ่นเกล้า เมื่อใกล้จะถึงสำนักงานเอเอสทีวี คนร้ายได้ยิงระเบิด 2 ครั้ง น่าจะเป็นระเบิดเอ็ม 79 โดยเล็งไปบริเวณชั้น 4 คาดว่าเป้าหมายการยิงระเบิดอยู่ที่จานดาวเทียมบนอาคาร แต่ระเบิดที่ยิงขึ้นไปถูกตาข่ายที่ดักไว้ที่ชั้น 4 และเกิดระเบิดขึ้นก่อนทั้งหมด ซึ่งแรงระเบิดทำให้กระจกห้องทำงานที่ชั้น 4 แตกเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจจับตัวไปนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่คนร้าย แต่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบ้านเจ้าพระยา ที่วิ่งไปดูที่เกิดเหตุด้านหลังอาคารเป็นคนแรก และถูกเจ้าหน้าที่สายสืบ สน.ชนะสงคราม ควบคุมตัวไปสอบปากคำ
**พฐ.เก็บหลักฐานที่เกิดเหตุ**
ต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.ต.ธีนันต์ นครินทร์พงษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาที่สำนักงาน เอเอสทีวี อาคารบ้านเจ้าพระยา เพื่อตรวจพิสูจน์และเก็บหลักฐานภายหลังจากเกิดเหตุ
พ.ต.อ.ขิง กล่าวว่าได้ให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยได้เข้าตรวจทั้งหมด 7 จุด และได้ลงเรือไปกลางแม่น้ำเพื่อตรวจหาลักษณะวิถีโค้งและลักษณะแนวการยิงของคนร้าย นอกจากนี้ทางบรรณาธิการบริหารของสำนักงานเอเอสทีวี ได้นำหลักฐานเป็นสะเก็ดระเบิด ปลอกกระสุนอาก้าขนาด เอเค 47 และแผ่นซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุที่กำลังมีการถ่ายทำรายการอยู่ มามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในการหาเบาะแสของคนร้าย
**ตร.เร่งสรุปคนร้ายยิงข่มขู่
พ.ต.อ.ขิง กล่าวต่อว่า สำหรับปลอกกระสุนนั้นพบภายในห้องสตูดิโอ 3 ซึ่งเป็นสถานที่ในการถ่ายทำรายการของเอเอสทีวี โดยคนร้ายได้ยิง อาก้า 47 มาจากทางด้านหลังของอาคารและทะลุเข้าไปภายในสำนักงาน แต่โชคดีที่ขณะเกิดเหตุพิธีกร และพนักงานไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าคนร้ายต้องการที่จะข่มขู่แต่ไม่ได้หวังชีวิต ซึ่งคนร้ายน่าจะลอยเรืออยู่กลางแม่น้ำแล้วยิงเข้ามา แต่คงไม่ได้เป็นการตั้งใจที่จะยิงจานดาวเทียมของเอเอสทีวี เนื่องจากอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ไม่สามารถที่จะยิงจานดาวเทียมได้ เพราะแรงดันต่ำ และวิถีกระสุนก็ไม่ตรงกันกับลักษณะการที่จะยิงจานดาวเทียม
**ชาวต่างชาติเห็นคนร้ายขณะยิงถล่ม
“ขณะที่เกิดเหตุมีชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่บริเวณอาคารจุลดิษฐ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับสำนักงานเอเอสทีวี ได้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ช่วงที่เกิดเหตุเห็นเรือ จำนวน 1 ลำ เป็นเรือโบตคล้ายกับยี่ห้อโซดิแอด ลอยอยู่กลางลำน้ำและมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ปืนซึ่งน่าจะเป็นปืนบาซูก้าลักษณะใช้แบกยิง เล็งเข้าไปที่สำนักงานเอเอสทีวี แต่ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทำให้พยานมองเห็นเหตุการณ์ไม่ชัด เบื้องต้นจะต้องให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับเหตุระเบิดรายวันที่เกิดขึ้นผมไม่ได้รู้สึกหนักใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการหาตัวคนร้าย เพราะกล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพใดๆได้ อีกทั้งสถานการณ์เช่นนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่ผมก็จะเร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว" พ.ต.อ.ขิงกล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. เวลาประมาณ 03.40 น. เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเข้าใส่สำนักงานเอเอสทีวี จากทางแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 2 ลูก แต่ระเบิดถูกตาข่ายกั้นจึงตกลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้สร้างความเสียหายแต่อย่างใด หลังจากนั้นได้มีการยิงปืน และประทัดยักษ์ก่อกวนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีการยิงระเบิด และอาวุธปืนเข้าใส่อีกครั้ง