ผกก.สน.ชนะสงคราม ระบุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ปืนอาก้า 47 ลอบยิงเอเอสทีวีจากกลางลำน้ำเจ้าพระยาทะลุห้องสตูดิโอ คาดคนร้ายเพื่อข่มขู่ไม่หวังเอาชีวิต บอกไม่หนักใจกับเหตุระเบิดรายวัน แต่ยอมรับไม่ใช่เรื่องง่ายในการหาตัวคนร้าย เพราะกล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพได้
จากเหตุการณ์ที่คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้เครื่องยิงระเบิดและอาวุธปืนยิงเข้าไปที่บริเวณด้านหลังของสำนักงานเอเอสทีวี อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.จนกระจกด้านหลังสำนักงาน และบริเวณกระจกภายในอาคารตั้งแต่ชั้น 1-4 ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 01.50 วันที่ 28 พ.ย.ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (28 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ต.ธีนันต์ นครินทร์พงษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาที่สำนักงานเอเอสทีวี อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.เพื่อตรวจพิสูจน์และเก็บหลักฐานภายหลังจากเกิดเหตุ
พ.ต.อ.ขิง กล่าวว่า ในวันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยได้เข้าตรวจทั้งหมด 7 จุด และได้ลงเรือไปกลางแม่น้ำเพื่อตรวจหาลักษณะวิถีโค้งและลักษณะแนวการยิงของคนร้าย นอกจากนี้ทางบรรณาธิการบริหารของสำนักงานเอเอสทีวีได้นำหลักฐานเป็นสะเก็ดระเบิด ปลอกกระสุนอาก้า 47 และแผ่นซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุที่กำลังมีการถ่ายทำรายการอยู่ มามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในการหาเบาะแสของคนร้าย
พ.ต.อ.ขิง กล่าวต่อว่า สำหรับปลอกกระสุนนั้นพบภายในห้องสตูดิโอ 3 ซึ่งเป็นสถานที่ในการถ่ายทำรายการของเอเอสทีวี โดยคนร้ายได้ยิงอาก้า 47 มาจากทางด้านหลังของอาคารและทะลุเข้าไปภายในสำนักงาน แต่โชคดีที่ขณะเกิดเหตุพิธีกรและพนักงานไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าคนร้ายต้องการที่จะข่มขู่แต่ไม่ได้หวังชีวิต ซึ่งคนร้ายน่าจะลอยเรืออยู่กลางแม่น้ำแล้วยิงเข้ามา แต่คงไม่ได้เป็นการตั้งใจที่จะยิงจานดาวเทียใมของเอเอสทีวีเนื่องจากอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ไม่สามารถที่จะยิงจานดาวเทียมได้ เพราะแรงดันต่ำ และวิถีกระสุนก็ไม่ตรงกันกับลักษณะการที่จะยิงจานดาวเทียม
“ขณะที่เกิดเหตุมีชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่บริเวณอาคารจุลดิษฐ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับสำนักงานเอเอสทีวี ได้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าช่วงที่เกิดเหตุเห็นเรือ จำนวน 1 ลำเป็นเรือโบตคล้ายกับยี่ห้อโซดิแอดลอยอยู่กลางลำน้ำและมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ปืนซึ่งน่าจะเป็นปืนบาซูก้าลักษณะใช้แบกยิง เล็งเข้าไปที่สำนักงานเอเอสทีวี แต่ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนทำให้พยานมองเห็นเหตุการณ์ไม่ชัด เบื้องต้นจะต้องให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับเหตุระเบิดรายวันที่เกิดขึ้นผมไม่ได้รู้สึกหนักใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการหาตัวคนร้ายเพราะกล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพใดๆ ได้ อีกทั้งสถานการณ์เช่นนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่ผมก็จะเร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว” พ.ต.อ.ขิง กล่าว
สัตว์นรก! ก่อกวนอีก ยิงระเบิดถล่ม ASTV ซ้ำ
จากเหตุการณ์ที่คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้เครื่องยิงระเบิดและอาวุธปืนยิงเข้าไปที่บริเวณด้านหลังของสำนักงานเอเอสทีวี อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.จนกระจกด้านหลังสำนักงาน และบริเวณกระจกภายในอาคารตั้งแต่ชั้น 1-4 ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 01.50 วันที่ 28 พ.ย.ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (28 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ต.ธีนันต์ นครินทร์พงษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาที่สำนักงานเอเอสทีวี อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.เพื่อตรวจพิสูจน์และเก็บหลักฐานภายหลังจากเกิดเหตุ
พ.ต.อ.ขิง กล่าวว่า ในวันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยได้เข้าตรวจทั้งหมด 7 จุด และได้ลงเรือไปกลางแม่น้ำเพื่อตรวจหาลักษณะวิถีโค้งและลักษณะแนวการยิงของคนร้าย นอกจากนี้ทางบรรณาธิการบริหารของสำนักงานเอเอสทีวีได้นำหลักฐานเป็นสะเก็ดระเบิด ปลอกกระสุนอาก้า 47 และแผ่นซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุที่กำลังมีการถ่ายทำรายการอยู่ มามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในการหาเบาะแสของคนร้าย
พ.ต.อ.ขิง กล่าวต่อว่า สำหรับปลอกกระสุนนั้นพบภายในห้องสตูดิโอ 3 ซึ่งเป็นสถานที่ในการถ่ายทำรายการของเอเอสทีวี โดยคนร้ายได้ยิงอาก้า 47 มาจากทางด้านหลังของอาคารและทะลุเข้าไปภายในสำนักงาน แต่โชคดีที่ขณะเกิดเหตุพิธีกรและพนักงานไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าคนร้ายต้องการที่จะข่มขู่แต่ไม่ได้หวังชีวิต ซึ่งคนร้ายน่าจะลอยเรืออยู่กลางแม่น้ำแล้วยิงเข้ามา แต่คงไม่ได้เป็นการตั้งใจที่จะยิงจานดาวเทียใมของเอเอสทีวีเนื่องจากอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ไม่สามารถที่จะยิงจานดาวเทียมได้ เพราะแรงดันต่ำ และวิถีกระสุนก็ไม่ตรงกันกับลักษณะการที่จะยิงจานดาวเทียม
“ขณะที่เกิดเหตุมีชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่บริเวณอาคารจุลดิษฐ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับสำนักงานเอเอสทีวี ได้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าช่วงที่เกิดเหตุเห็นเรือ จำนวน 1 ลำเป็นเรือโบตคล้ายกับยี่ห้อโซดิแอดลอยอยู่กลางลำน้ำและมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ปืนซึ่งน่าจะเป็นปืนบาซูก้าลักษณะใช้แบกยิง เล็งเข้าไปที่สำนักงานเอเอสทีวี แต่ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนทำให้พยานมองเห็นเหตุการณ์ไม่ชัด เบื้องต้นจะต้องให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับเหตุระเบิดรายวันที่เกิดขึ้นผมไม่ได้รู้สึกหนักใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการหาตัวคนร้ายเพราะกล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพใดๆ ได้ อีกทั้งสถานการณ์เช่นนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่ผมก็จะเร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว” พ.ต.อ.ขิง กล่าว
สัตว์นรก! ก่อกวนอีก ยิงระเบิดถล่ม ASTV ซ้ำ