xs
xsm
sm
md
lg

เสธ.แดงขู่ใช้ค.60ถล่มASTV

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - หลังเกิดระเบิด 3 จุด 4 ลูก เสธ.แดงปูดแผนถล่มซ้ำ ASTV ด้วยปืน ค.60 แถมขู่หากพันธมิตรฯ ไปบุกบ้านตนจะเจอระเบิดเคโมว์ โชว์บารมีถาม "อนุพงษ์" ห่วงประเทศชาติ หรือห่วงตัวเอง

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ"เสธ.แดง" ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เปิดเผยว่า แม้ที่ผ่านมาจะงอนที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่โจมตีตนอย่างรุนแรง จึงตั้งใจว่าจะไม่แจ้งเตือนว่าจะเกิดระเบิดที่ไหนอีก แต่ขณะนี้รู้สึกห่วงคนหลงผิดที่มาร่วมชุมนุม และยังเป็นห่วงคนของ เอเอสทีวี ที่อาจจะมีการโจมตีด้วยระเบิดอีกครั้ง
ทั้งนี้ เมื่อคืนวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดใน 2 จุดทั้งหมด 4 ลูก โดย 2 ลูกแรก ที่บริเวณป้อมตำรวจ และสวนสาธารณะบางลำพู ไม่รู้เป็นฝีมือใคร ส่วนอีก 2 ลูกหลังที่ยิงไปที่เอเอสทีวี เท่าที่วิเคราะห์น่าจะเป็นการยิงด้วยกระสุนเจาะเกราะ เอ็ม -79 รุ่นใหม่ หัวสีดำ เป็นการยิงแบบสอดระยะ 2 ลูก เพราะส่งผลให้ผนังปูนหลุดและแตกทั้งแผ่น ถ้าเป็น เอ็ม –79 เป็นกระสุนสังหารบุคคล ปูนจะไม่แตก
"จุดประสงค์ของคนที่ยิง น่าจะต้องการทำลายจานดาวเทียมของ สถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี เพื่อยุติการออกอากาศ พร้อมกับ หวังผลในการเจาะกำแพง เพราะฉะนั้น วันนี้ขอเตือนพนักงาน เอเอสทีวี ทุกคนออกจากตึก เพราะสิ่งที่ผมวิเคราะห์แม่นทุกครั้ง แม่นกว่าหมอดูวารินทร์ เสียอีก เพราะต่อจากนี้ คนที่จองกฐินจะใช้ปืน ค.60 ยิง ซึ่งอานุภาพของมันทั้งเจาะเกราะ และสามารถทำให้ตึกทั้งหลังถล่มลงมาได้ ปฏิบัติการอีกครั้ง"
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวต่อไปว่า เมื่อคืนนี้ พธม.ประกาศว่าจะบุกบ้าน ผบ.ทบ. , ผบ.ตร. บ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา และบ้านของ เสธ.แดง ขอเตือนว่ามีคนที่ไม่ยอมแน่ เพราะมีคนรัก เสธ.แดงเยอะ และคนเหล่านี้ก็เตือนว่า ถ้าเข้ามาก็ให้แบกโลงศพมาด้วย เพราะงานนี้ เอ็ม -67 หรือ เอ็ม -79 คงไม่มา หรือ อาร์พีจี ก็คงไม่มาเช่นกัน แต่เท่าที่ทราบจะเป็น เคโมว์ หรือ เอ็ม 18 เอ 1 ที่ขับด้วยซีโฟร์ จะมาแทน เวลายิงจะไปเป็นแผง 800 นัด ทะลุได้ 3 คน ซึ่ง เสี่ยแหย เคยเจอมาแล้วกับพรรคพวกกลางศาล เสร็จไป 12 ศพ
เสธ.แดง กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 23 พ.ย. เป็นต้นมา มีการใช้สงครามข่าวสารโจมตีกัน มีการปล่อยข่าวว่า เสธ.แดง ใส่กางเกงในตัวเดียว วิ่งออกจากโรงแรมราชา หนีตำรวจ ฟังแล้วอยากจะหัวเราะ เพราะเป็นเท็จทั้งสิ้น เพราะนักรบไม่ใส่กางเกงใน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องจริง หรือแม้กระทั่งมีข่าวปล่อยว่า เสธ.แดง ถูกทหาร หรือตำรวจ ล็อกตัวไว้แล้ว ก็ขอให้พันธมิตรฯ เข้าใจไปอย่างนั้น เพราะถ้าวันนี้ มีอาร์พีจี หรือ เอ็ม–79 ก็คงไม่เกี่ยวกับ เสธ.แดง เพราะถูกจับไปแล้ว
เสธ.แดง ยังฝากข้อความถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ว่า ต้องใคร่ครวญว่า ความเสียหายของประเทศ กับความอยู่รอดปลอดภัยของตัวเอง สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน เพราะความสงบสุขของบ้านเมือง และชาติเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เอาอคติ เรื่องไม่รัก ไม่ชอบมาเป็นที่ตั้ง
"ในฐานะที่ท่านเป็น ผบ.ทบ. คุมกำลังพล และ อาวุธยุทโธปกรณ์มากที่สุด คุม กอ.รมน.มีอำนาจ มีตำแหน่งเป็นถึงรอง ผอ.รมน ท่านต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างบุคคล หรือคณะบุคคล ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับอำนาจรัฐ หรือจะเลือกรักษาระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ถ้ายึดระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขก็ต้องคำนึงถึงเสียงข้างมาก อย่าเอาเสียงข้างน้อยมาควบคุมประเทศ " พล.ต.ขัตติยะกล่าว
ทั้งนี้ เวลา 03.40 น.หรือเช้ามืดวันที่ 24 พ.ย. ร.ต.ท.จำรัส ดอกไม้เทศ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ชนะสงคราม รับแจ้งเหตุระเบิดที่ป้อมตำรวจจราจรสี่แยกบางลำพู ถนนจักรพงษ์ ตัดถนนพระสุเมรุ และบริเวณสวนหย่อมถนนสิบสามห้าง แขวงตลาดยอด เขตพระนคร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอยังที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วิชาญ บริรักษ์กุล พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บช.น.
ที่เกิดเหตุจุดแรกอยู่หน้าห้างนิวเวิลด์เก่า เจ้าหน้าที่พบป้อมจราจรถูกแรงระเบิดจนกระจกแตกกระจายเกลื่อนถนน แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบโดยรอบบริเวณจุดเกิดเหตุพบสะเก็ดระเบิดตกอยู่จำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนจุดที่ 2 ที่บริเวณสวนหย่อม ถนนสิบสามห้าง เจ้าหน้าที่พบว่าแรงระเบิดทำให้ขอบปูนที่ก่อขึ้นรอบต้นไม้ในสวนหย่อมแตกกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ และมีชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไปตรวจสอบ
จากการสอบถามนายเอ็ดเวิร์ด ลิ้ม อายุ 57 ปี ชาวแคนาดา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังนั่งคุยอยู่กับ รปภ.ที่เกสต์เฮาส์ข้าวสารเซ็นเตอร์ จากนั้นเวลาประมาณ 03.30 น.ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้งซ้อน โดยลูกแรกเสียงดังกว่าลูกที่สองมาก พวกตนเลยรีบวิ่งออกมาดูที่บริเวณสวนหย่อมก็พบว่าบริเวณขอบปูนถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหายดังกล่าว
พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าระเบิดที่ใช้น่าจะเป็นระเบิดแสวงเครื่อง แต่จะเป็นระเบิดชนิดไหนนั้นต้องรอผลพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน สำหรับสาเหตุนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ว่า คนร้ายต้องการแค่สร้างความวุ่นวาย แต่ถ้ามีคนเดินอยู่ใกล้กับบริเวณจุดเกิดเหตุก็อาจจะทำให้ถูกสะเก็ดระเบิดหรือเศศกระจกจนเสียชีวิตได้

**อีก 2 ลูกบึ้มหลังเอเอสทีวี**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุระเบิดทั้ง 2 จุดดังกล่าวแล้ว ยังระเบิดอีก 2 ลูก ในเวลาไล่เลี่ยกันในแม่น้ำเจ้าพระยาด้านหลังอาคารสำนักงานเอเอสทีวี ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนครอีกด้วย
โดยจากการสอบถามการ์ดพันธมิตรฯ ที่มาช่วยดูแลความปลอดภัยที่เอเอสทีวี เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุระเบิดใกล้กับสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ซึ่งคาดว่าจะยิงมาจากฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ ทำให้การ์ดพันธมิตรฯ ที่รักษาความปลอดภัยอยู่ตรงจุดดังกล่าวต่างก้มหลบเพื่อให้พ้นจากวิถีกระสุน แต่การ์ดพันธมิตรฯ ไม่ได้ละสายตาจากฝั่งตรงข้าม จึงเห็นแสงไฟสว่างคล้ายพลุ จากนั้นได้ยินเสียงวี้ดตามมา และเพียงไม่ถึง 2 วินาที จึงเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวที่บริเวณกลางน้ำ
“ถัดมาอีกไม่กี่วินาที ระเบิดลูกที่ 2 ถูกยิงมาจากจุดเดิม โดยระเบิดลูกดังกล่าวตกลงในแม่น้ำเฉียดหัวเรือผู้จัดการ ซึ่งลอยลำเอาไว้ใช้ทำข่าวฉุกเฉินไปเพียง 2-3 เมตรเท่านั้น คาดว่าคนร้ายน่าจะตั้งใจที่จะยิงระเบิดใส่สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี แต่คงกะระยะไม่ถึง ทำให้ระเบิดทั้ง สองลูกตกลงในแม่น้ำดังกล่าว ส่วนจุดที่ยิงนั้นน่าจะยิงมาจากเรือที่ลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา” การ์ดพันธมิตรฯ ระบุ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีในทำเนียบฯ เมื่อเวลา 06.20 น.ว่า คนร้ายจงใจที่จะยิงระเบิดเข้าใส่ โดยยิงที่สี่แยกบางลำพูก่อน หลังจากนั้นก็มีการยิงเข้าใส่เอเอสทีวี แต่ลูกระเบิดถูกตาข่ายที่กั้นไว้ จึงตกลงน้ำเสียก่อน

**"สุชาติ"ห่วงมือที่ 3 ป่วน**
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวว่าจากการตรวจสอบที่บ้านเจ้าพระยา คนร้ายน่าจะใช้เครื่องยิง M-203 ยิงกระสุน M-79 จากระยะไม่ไกลและกระสุนตกในน้ำ ส่วนที่สวนหย่อมถนนสิบสามห้างคาดเป็นระเบิดแรงดันต่ำแบบเดียวกับป้อมประชาเกษม ไม่ประสงค์ชีวิตแต่สร้างสถานการณ์ ส่วนที่ป้อมจราจร คาดว่าเป็นระเบิดแรงดันสูงหวังชีวิต ซึ่งได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งสืบหาตัวคนร้าย
พล.ต.ท.สุชาติกล่าวถึงสถานการณ์การดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนไปยังอาคารรัฐสภาว่า ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบไม่มีอะไรน่าห่วง จะห่วงก็แต่มือที่ 3 ซึ่งตำรวจทำได้แค่เพียงการป้องกันมือที่ 3 เข้าแทรกแซงและป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาปะทะเท่านั้น ส่วนการสกัดกั้นผู้ชุมนุมไม่ให้เคลื่อนขบวนนั้นเราทำไม่ได้ หากเป็นการชุมนุมโดยสงบ ส่วนยุทธศาสตร์ดาวกระจายก็เช่นกัน หากเดินไปที่ไหนตำรวจลำบากใจในการป้องกันมือที่ 3
พล.ต.ท.สุชาติ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ผู้ชุมนุมจะมาปิดล้อม บช.น.ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถทำได้แต่คงไม่สามารถให้เข้ามายังกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ คงต้องเจรจาด้านนอกเท่านั้น แต่ตำรวจพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกอย่างที่ร้องขอ แต่ต้องไม่เกินความสามารถ
นอกจากนี้จะมีการเสริมกำลังตำรวจบางจุด โดยวางกำลังด้านในของสวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดิน จำนวน 200 นาย ซึ่งส่วนนี้จะใช้หลักการเจรจาเป็นหลัก แต่หากกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้ความรุนแรงเจ้าหน้าที่จะเริ่มจากการเจรจา หากไม่สำเร็จคงจะใช้รถดับเพลิงของ กทม.ฉีดน้ำสกัด แต่ยืนยันจะใช่ความนุ่มนวลละมุนละม่อมที่สุด.
กำลังโหลดความคิดเห็น