ธอส.รับเศรษฐกิจชะลอเลื่อนแผนขยายสาขาออกไปปีหน้า ขณะที่เคาท์เตอร์บริการทางการเงินยังทยอยเปิดตามความเหมาะสมของพื้นที่ ด้านสาขาราชดำเนินเตรียมโยกไปถ.พระสุเมรุ ใกล้สะพานผ่านฟ้าลงทุนปีแรก 20 ล้านบาทรองรับลูกค้าเงินฝากสถาบันที่มีปริมาณเงินฝากสูงสุดกว่า 7 หมื่นล้านบาท
นายธาดา ไชยคุปต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายกิจการสาขา ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารต้องชะลอแผนการเปิดสาขาบางแห่งที่ตั้งเป้าหมายจะเปิดในปีนี้ออกไปในช่วงต้นปีหน้าจำนวน 6 สาขา เนื่องจากธนาคารได้ทบทวนความเหมาะสมในการเปิดสาขากับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ทำให้ธนาคารต้องชะลอแผนการเปิดสาขาบางแห่งออกไปก่อน
โดยแผนการเปิดสาขาในปีนี้จะเป็นสาขาหลัก คือที่ อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนสาขาย่อยมีแผนที่จะเปิดจำนวน 8 แห่ง และได้ดำเนินการไปแล้วในปีนี้จำนวน 2 แห่งคือ สาขาลพบุรีและสาขาเกาะสมุย ส่วนสาขาย่อยอีก 6 สาขาที่เหลือจะทยอยเปิดในปีหน้าคือ สาขาสงขลา พัทลุง น่าน หนองคาย สุรินทร์และศรีสะเกษ และตามแผนเดิมในปี 2552 จะเปิดอีก 4 สาขา ส่วนศูนย์บริการ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือ(OSS) ก็จะทยอยเปิดปีละ 4 แห่งเช่นเดิม
“เป้าหมายการขยายสาขาที่ไม่มากนักเนื่องจากธนาคารประเมินแล้วว่าสภาพเศรษฐกิจยังไม่ดีมากนัก ซึ่งธนาคารต้องพิจารณาจากจำนวนลูกค้าและการทำธุรกรรมว่ามีความเหมาะสมและคุ้มค่าต่อการลงทุนเปิดสาขาหรือไม่หากเปิดแล้วต้องปิดสาขาลงอาจส่งผลกระทบต่อธนาคารและการทำธุรกรรมของลูกค้าธอส.ได้ แต่อย่างไรก็ตามจำนวนสาขาของธนาคารที่มีอยู่ในปัจจุบันถือว่าครอบคลุมการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าธนาคารครอบคลุมทุกพื้นที่อยู่แล้วการเปิดสาขาเพิ่มเติมนั้นเป็นการเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นเท่านั้น” นายธาดากล่าว
นายธาดากล่าวว่า สำหรับสาขาราชดำเนินที่ธนาคารเช่าอาคารของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นที่ทำการสาขานั้น ธนาคารยังคงเช่าสถานที่ดังกล่าวอยู่เนื่องจากขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างเจรจาข้อตกลงการเช่าที่ดินกับเอกชนเพื่อปรับปรุงทำสำนักงานสาขาราชดำเนินแห่งใหม่บริเวณ ถนนพระสุเมรุ ใกล้เคียงกับสะพานผ่านฟ้า ซึ่งหากการเจรจาได้ข้อยุติจะเสนอให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณาต่อไป
สำหรับข้อตกลงในเบื้องต้นในการเช่าที่ดินบริเวณถนนพระสุเมรุนั้นธนาคารจะทำสัญญาเช่าระยะ 6 ปี และเจ้าของที่ดินสามารถเจรจาปรับขึ้นค่าเช่าได้เมื่อครบสัญญาเช่า 6 ปี โดยสาขาที่จะสร้างขึ้นทดแทนนี้จะมีเนื้อที่ประมาณ 600 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนในการปรับปรุงอาคารและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปีแรกประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนค่าเช่าที่ดินในปีต่อๆ ไปขึ้นเป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญาระหว่างธนาคารและเจ้าของที่ดิน
“ที่ตั้งของสาขาราชดำเนินในปัจจุบันตามมาสเตอร์แพลนโครงการฌอง เอลิเซ่ ของสำนักงานทรัพย์สินฯ นั้น จะทุบอาคารฝั่งเดียวกับลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ยาวเรื่อยมาจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเปิดเป็นพื้นที่โล่งธอส.จึงจำเป็นต้องย้ายออกไปจากบริเวณดังกล่าว แต่ในระยะยาวธอส.จำเป็นจะต้องหาที่ดินบริเสณดังกล่าวเพื่อใช้เป็นที่ทำการถาวรของธนาคารไม่ต้องเช่าที่ดินจากเอกชนต่อไป เนื่องจากสาขาราชดำเนินเป็นสาขาที่มีความสำคะญต่อธอส.มาก” นายธาดากล่าว
ทั้งนี้สาขาราชดำเนินเป็นสาขาของที่มีปริมาณเงินฝากสูงที่สุดของธนาคารประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประเภทสถาบัน คือส่วนราชการที่ตั้งอยู่บริเวณดังกล่าว ทั้งกรุงเทพมหานคร สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดังนั้นการย้ายสาขาราชดำเนินจะต้องไม่ไกลจากที่เดิมนักเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ากลุ่มนี้
นายธาดา ไชยคุปต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายกิจการสาขา ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารต้องชะลอแผนการเปิดสาขาบางแห่งที่ตั้งเป้าหมายจะเปิดในปีนี้ออกไปในช่วงต้นปีหน้าจำนวน 6 สาขา เนื่องจากธนาคารได้ทบทวนความเหมาะสมในการเปิดสาขากับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ทำให้ธนาคารต้องชะลอแผนการเปิดสาขาบางแห่งออกไปก่อน
โดยแผนการเปิดสาขาในปีนี้จะเป็นสาขาหลัก คือที่ อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนสาขาย่อยมีแผนที่จะเปิดจำนวน 8 แห่ง และได้ดำเนินการไปแล้วในปีนี้จำนวน 2 แห่งคือ สาขาลพบุรีและสาขาเกาะสมุย ส่วนสาขาย่อยอีก 6 สาขาที่เหลือจะทยอยเปิดในปีหน้าคือ สาขาสงขลา พัทลุง น่าน หนองคาย สุรินทร์และศรีสะเกษ และตามแผนเดิมในปี 2552 จะเปิดอีก 4 สาขา ส่วนศูนย์บริการ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือ(OSS) ก็จะทยอยเปิดปีละ 4 แห่งเช่นเดิม
“เป้าหมายการขยายสาขาที่ไม่มากนักเนื่องจากธนาคารประเมินแล้วว่าสภาพเศรษฐกิจยังไม่ดีมากนัก ซึ่งธนาคารต้องพิจารณาจากจำนวนลูกค้าและการทำธุรกรรมว่ามีความเหมาะสมและคุ้มค่าต่อการลงทุนเปิดสาขาหรือไม่หากเปิดแล้วต้องปิดสาขาลงอาจส่งผลกระทบต่อธนาคารและการทำธุรกรรมของลูกค้าธอส.ได้ แต่อย่างไรก็ตามจำนวนสาขาของธนาคารที่มีอยู่ในปัจจุบันถือว่าครอบคลุมการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าธนาคารครอบคลุมทุกพื้นที่อยู่แล้วการเปิดสาขาเพิ่มเติมนั้นเป็นการเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นเท่านั้น” นายธาดากล่าว
นายธาดากล่าวว่า สำหรับสาขาราชดำเนินที่ธนาคารเช่าอาคารของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นที่ทำการสาขานั้น ธนาคารยังคงเช่าสถานที่ดังกล่าวอยู่เนื่องจากขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างเจรจาข้อตกลงการเช่าที่ดินกับเอกชนเพื่อปรับปรุงทำสำนักงานสาขาราชดำเนินแห่งใหม่บริเวณ ถนนพระสุเมรุ ใกล้เคียงกับสะพานผ่านฟ้า ซึ่งหากการเจรจาได้ข้อยุติจะเสนอให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณาต่อไป
สำหรับข้อตกลงในเบื้องต้นในการเช่าที่ดินบริเวณถนนพระสุเมรุนั้นธนาคารจะทำสัญญาเช่าระยะ 6 ปี และเจ้าของที่ดินสามารถเจรจาปรับขึ้นค่าเช่าได้เมื่อครบสัญญาเช่า 6 ปี โดยสาขาที่จะสร้างขึ้นทดแทนนี้จะมีเนื้อที่ประมาณ 600 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนในการปรับปรุงอาคารและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปีแรกประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนค่าเช่าที่ดินในปีต่อๆ ไปขึ้นเป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญาระหว่างธนาคารและเจ้าของที่ดิน
“ที่ตั้งของสาขาราชดำเนินในปัจจุบันตามมาสเตอร์แพลนโครงการฌอง เอลิเซ่ ของสำนักงานทรัพย์สินฯ นั้น จะทุบอาคารฝั่งเดียวกับลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ยาวเรื่อยมาจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเปิดเป็นพื้นที่โล่งธอส.จึงจำเป็นต้องย้ายออกไปจากบริเวณดังกล่าว แต่ในระยะยาวธอส.จำเป็นจะต้องหาที่ดินบริเสณดังกล่าวเพื่อใช้เป็นที่ทำการถาวรของธนาคารไม่ต้องเช่าที่ดินจากเอกชนต่อไป เนื่องจากสาขาราชดำเนินเป็นสาขาที่มีความสำคะญต่อธอส.มาก” นายธาดากล่าว
ทั้งนี้สาขาราชดำเนินเป็นสาขาของที่มีปริมาณเงินฝากสูงที่สุดของธนาคารประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประเภทสถาบัน คือส่วนราชการที่ตั้งอยู่บริเวณดังกล่าว ทั้งกรุงเทพมหานคร สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดังนั้นการย้ายสาขาราชดำเนินจะต้องไม่ไกลจากที่เดิมนักเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ากลุ่มนี้