จากกรณีที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคพลังประชาชน แถลงขึ้นบัญชีดำบริษัท ห้างร้านต่างๆ โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้ให้การสนับสนุนพันธมิตรฯ จึงประกาศรวมกลุ่มกันบอยคอต หรืองดการใช้บริการ รวมถึงการทำร้ายพนักงานบริษัทฯ เหล่านั้นอีกด้วย
ทั้งนี้ สินค้าและบริการต่างๆ ที่ถูกนายสุทินอ้างอิงถึงนั้นมีหลายแบรนด์ เช่น แบงก์กรุงเทพฯ แบงก์สิกรไทย ปูนทีพีไอ ดีแทค มิตซูบิชิ ลีโอน่า พอนด์ส เลย์ ยาดมท่านเจ้าคุณ เซียงเพียวอิ๊ว เบบี้ดอลล์ เบียร์สิงห์ ลีโอ ปั๊มน้ำมันปิโตรนาส ปลากระป๋องอายัม ซีเอ็ดส์บุ๊คส์ เป๊ปซี่ ซัยโจเดนกิ สินค้าเครือสหพัฒน์ คาราบาวแดง กระทิงแดง น้ำปลาตราคนแบกกุ้ง ไลปอนเอฟ มิตรผล อาหารเสริมคิวเทน ไวตามิ้ลค์ กรีนสปอต รองเท้าแพน น้ำแร่มองเฟอร์ โชโกบุตซึ ยากันยุงคินโช เครื่องดูดฝุ่นนิวแฮนด์ ศาลเจ้าจีนธนูทอง ซีพี กระดาษเช็ดหน้าและเครื่องสำอางบีเอสซี ทิฟฟานี่โชว์ ยาสีฟันดอกบัวคู่ ซอสหอยนางรมตราช้อยส์ สายการบินไทย
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะโน้มเอียงทางใดทางหนึ่ง หรือ กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่ผ่านมาก็ไม่พบว่ากระแสข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมของธนาคาร ซึ่งการฝาก-ถอนเงิน ยังเป็นไปตามปกติ และธนาคารได้มีการอธิบายให้ผู้ถือหุ้นและลูกค้าเข้าใจแล้ว ธนาคารกรุงเทพเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนมาก นายโฆสิต ยังกล่าวด้วยว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีผลกระทบต่อประเทศมากพออยู่แล้ว
**กสิกรฯงดยูนิฟอร์มเพื่อปลอดภัย
ด้านธนาคารกสิกรไทย พนักงานเปิดเผยว่า ผู้บริหารธนาคารฯ เป็นห่วงความปลอดภัยของพนักงาน เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) จึงได้มีคำสั่งให้งดการแต่งชุดพนักงาน หรือเครื่องแบบที่มีสัญลักษณ์ของธนาคารกสิกรไทย ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมิได้ออกมาเป็นประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการบอกกล่าวกันภายในธนาคาร จากหัวหน้าสายงานด้านต่างๆ
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก ส.ส.พรรคพลังประชาชนและกลุ่ม นปช. ซึ่งคาดว่าเป็นพวกเดียวกันได้ออกมาข่มขู่ทั้งบนดินและใต้ดินว่า ธนาคารกสิกรไทย มีส่วนช่วยในการสนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ เช่นเดียวกับธนาคารกรุงเทพ
**เครือสหพัฒน์ย้ำไม่เลือกข้าง
รายงานข่าวจากเครือสหพัฒน์ แจ้งว่า เครือฯเป็นบริษัทคนไทย เทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และยึดมั่นในความสุจริต มีธรรมาภิบาล ย้ำจุดยืนว่ามีนโยบายเป็นกลางทางการเมือง ไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝายหนึ่ง
**อิงการเมืองก็โง่แล้ว
แหล่งจากบริษัทรายใหญ่ของไทย ซึ่งมีสินค้าจำนวนหลายแบรนด์ ที่ถูกพาดพิงคราวนี้ด้วย กล่าวหนักแน่นว่า ไม่มีนักธุรกิจรายไหนที่นำธุรกิจของตัวเองไปผูกพันกับการเมืองแล้วเปิดตัวอย่างเปิดเผยแน่นอน ถ้าหากสนับสนุนจริงก็ทำปรกติเป็นกลางๆ
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าหากมองด้วยความเป็นกลางแล้ว ธุรกิจโดยปกติไม่มีการแบ่งค่าย และจะไม่อิงกับการเมือง เพราะว่าการเมืองเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามอำนาจที่มีอยู่ ไม่คิดว่าธุรกิจจะผูกติดกับการเมืองตลอดเวลา
ส่วนการที่เจ้าของสินค้าไปลงโฆษณาในสื่อใดสื่อหนึ่ง หรือแม้แต่สื่อ เอเอสทีวี ก็ถือเป็นช่องทางหนึ่งในการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าเท่านั้น หากเจ้าของสินค้าเห็นว่าสื่อดังกล่าวสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และตรงกับสินค้าตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นเอเอสทีวี ที่อยู่อีกฝ่ายกับรัฐบาล ก็มีค่าโฆษณาที่ต่ำด้วยเมื่อเทียบกับฟรีทีวี ส่วนฟรีทีวีสินค้ารายเดียวกันก็ลงโฆษณาด้วยไม่ใช่ว่าไม่ลงโฆษณา
รายงานข่าวจากบริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด เจ้าของยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว ซึ่งเป็นหนึ่งที่ถูกกล่าวพาดพิงด้วย ชี้แจงว่า บริษัทฯไม่มีนโยบายการดำเนินธุรกิจที่นำธุรกิจเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมือง บริษัทฯ ขอยืนยันว่าจุดยืนของบริษัทฯต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันว่า ความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด บริษัทฯ เชื่อในการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในสถานการณ์ปัจจุบันบริษัทฯมีความห่วงใยต่อประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน ขอสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี
ขณะที่เครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซี.พี.แสดงจุดยืนว่า เครือฯไม่มีนโยบายให้การสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และยังมีความปรารถนาที่จะให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติสุขโดยเร็ว ทั้งนี้เครือฯได้แจ้งให้พนักงานของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือฯได้รับทราบโดยทั่วกันแล้วถึงจุดยืนดังกล่าว โดยยึดมั่นในนโยบาย “3 ประโยชน์” ในการทำธุรกิจ กล่าวคือ 1.ประโยชน์แก่ประเทศชาติ 2.ประโยชน์ต่อประชาชน 3.ประโยชน์ต่อบริษัท พนักงานและผู้ถือหุ้น
*
**จวกส.ส.รัฐบาลบีบเอกชน
แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า การที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.เขต จังหวัดมหาสารคราม พรรคพลังประชาชน ออกมาแถลงข่าวให้ผู้บริโภคขึ้นบัญชีดำสินค้าอุปโภคบริโภค และสถาบันการเงินนั้น เป็นการบงการให้ประชาชนเลือกข้าง แบ่งพรรคแบ่งพวกอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้จริยธรรม และขาดคุณสมบัติของผู้ที่อาสาประชาชนเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งต้องสำนึกว่าการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกผู้แทนราษฎรนั้นจะต้องสร้างความสามัคคี และไม่สร้างความแตกแยกให้เกิดแก่ประชาชนในประเทศ
โดยการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่สร้างความเสียหาย ให้เกิดแก่บริษัทเอกชนที่ถูกกล่าวอ้างให้ขึ้นบัญชีดำดังกล่าว คล้ายกับกรณีของบริษัทให้บริการโทรศัพท์มือถือ AIS ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าบริษัทดังกล่าวหายไปกว่า 30% ทั้งนี้ข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ประกอบการเอกชนเหล่านั้นให้การสนับสนุนหรือจ่ายเงินให้กลุ่มพันธมิตรฯ จริงหรือไม่
“มองอีกมุมหนึ่ง การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำเชิงการตลาดที่มุ่งทำลายคู่แข่งในกลุ่มธุรกิจเดียวกันโดยอาศัยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในความเห็นส่วนตัวแล้วผู้ประกอบการบริษัทเอกชนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้ว และเอกชนทุกรายต้องการที่จะประกอบธุรกิจของตนเองเท่านั้น ดังนั้นการกล่าวหา และชี้นำดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมากในฐานะผู้แทนราษฎร"
ทั้งนี้ สินค้าและบริการต่างๆ ที่ถูกนายสุทินอ้างอิงถึงนั้นมีหลายแบรนด์ เช่น แบงก์กรุงเทพฯ แบงก์สิกรไทย ปูนทีพีไอ ดีแทค มิตซูบิชิ ลีโอน่า พอนด์ส เลย์ ยาดมท่านเจ้าคุณ เซียงเพียวอิ๊ว เบบี้ดอลล์ เบียร์สิงห์ ลีโอ ปั๊มน้ำมันปิโตรนาส ปลากระป๋องอายัม ซีเอ็ดส์บุ๊คส์ เป๊ปซี่ ซัยโจเดนกิ สินค้าเครือสหพัฒน์ คาราบาวแดง กระทิงแดง น้ำปลาตราคนแบกกุ้ง ไลปอนเอฟ มิตรผล อาหารเสริมคิวเทน ไวตามิ้ลค์ กรีนสปอต รองเท้าแพน น้ำแร่มองเฟอร์ โชโกบุตซึ ยากันยุงคินโช เครื่องดูดฝุ่นนิวแฮนด์ ศาลเจ้าจีนธนูทอง ซีพี กระดาษเช็ดหน้าและเครื่องสำอางบีเอสซี ทิฟฟานี่โชว์ ยาสีฟันดอกบัวคู่ ซอสหอยนางรมตราช้อยส์ สายการบินไทย
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะโน้มเอียงทางใดทางหนึ่ง หรือ กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่ผ่านมาก็ไม่พบว่ากระแสข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมของธนาคาร ซึ่งการฝาก-ถอนเงิน ยังเป็นไปตามปกติ และธนาคารได้มีการอธิบายให้ผู้ถือหุ้นและลูกค้าเข้าใจแล้ว ธนาคารกรุงเทพเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนมาก นายโฆสิต ยังกล่าวด้วยว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีผลกระทบต่อประเทศมากพออยู่แล้ว
**กสิกรฯงดยูนิฟอร์มเพื่อปลอดภัย
ด้านธนาคารกสิกรไทย พนักงานเปิดเผยว่า ผู้บริหารธนาคารฯ เป็นห่วงความปลอดภัยของพนักงาน เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) จึงได้มีคำสั่งให้งดการแต่งชุดพนักงาน หรือเครื่องแบบที่มีสัญลักษณ์ของธนาคารกสิกรไทย ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมิได้ออกมาเป็นประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการบอกกล่าวกันภายในธนาคาร จากหัวหน้าสายงานด้านต่างๆ
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก ส.ส.พรรคพลังประชาชนและกลุ่ม นปช. ซึ่งคาดว่าเป็นพวกเดียวกันได้ออกมาข่มขู่ทั้งบนดินและใต้ดินว่า ธนาคารกสิกรไทย มีส่วนช่วยในการสนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ เช่นเดียวกับธนาคารกรุงเทพ
**เครือสหพัฒน์ย้ำไม่เลือกข้าง
รายงานข่าวจากเครือสหพัฒน์ แจ้งว่า เครือฯเป็นบริษัทคนไทย เทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และยึดมั่นในความสุจริต มีธรรมาภิบาล ย้ำจุดยืนว่ามีนโยบายเป็นกลางทางการเมือง ไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝายหนึ่ง
**อิงการเมืองก็โง่แล้ว
แหล่งจากบริษัทรายใหญ่ของไทย ซึ่งมีสินค้าจำนวนหลายแบรนด์ ที่ถูกพาดพิงคราวนี้ด้วย กล่าวหนักแน่นว่า ไม่มีนักธุรกิจรายไหนที่นำธุรกิจของตัวเองไปผูกพันกับการเมืองแล้วเปิดตัวอย่างเปิดเผยแน่นอน ถ้าหากสนับสนุนจริงก็ทำปรกติเป็นกลางๆ
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าหากมองด้วยความเป็นกลางแล้ว ธุรกิจโดยปกติไม่มีการแบ่งค่าย และจะไม่อิงกับการเมือง เพราะว่าการเมืองเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามอำนาจที่มีอยู่ ไม่คิดว่าธุรกิจจะผูกติดกับการเมืองตลอดเวลา
ส่วนการที่เจ้าของสินค้าไปลงโฆษณาในสื่อใดสื่อหนึ่ง หรือแม้แต่สื่อ เอเอสทีวี ก็ถือเป็นช่องทางหนึ่งในการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าเท่านั้น หากเจ้าของสินค้าเห็นว่าสื่อดังกล่าวสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และตรงกับสินค้าตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นเอเอสทีวี ที่อยู่อีกฝ่ายกับรัฐบาล ก็มีค่าโฆษณาที่ต่ำด้วยเมื่อเทียบกับฟรีทีวี ส่วนฟรีทีวีสินค้ารายเดียวกันก็ลงโฆษณาด้วยไม่ใช่ว่าไม่ลงโฆษณา
รายงานข่าวจากบริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด เจ้าของยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว ซึ่งเป็นหนึ่งที่ถูกกล่าวพาดพิงด้วย ชี้แจงว่า บริษัทฯไม่มีนโยบายการดำเนินธุรกิจที่นำธุรกิจเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมือง บริษัทฯ ขอยืนยันว่าจุดยืนของบริษัทฯต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันว่า ความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด บริษัทฯ เชื่อในการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในสถานการณ์ปัจจุบันบริษัทฯมีความห่วงใยต่อประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน ขอสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี
ขณะที่เครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซี.พี.แสดงจุดยืนว่า เครือฯไม่มีนโยบายให้การสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และยังมีความปรารถนาที่จะให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติสุขโดยเร็ว ทั้งนี้เครือฯได้แจ้งให้พนักงานของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือฯได้รับทราบโดยทั่วกันแล้วถึงจุดยืนดังกล่าว โดยยึดมั่นในนโยบาย “3 ประโยชน์” ในการทำธุรกิจ กล่าวคือ 1.ประโยชน์แก่ประเทศชาติ 2.ประโยชน์ต่อประชาชน 3.ประโยชน์ต่อบริษัท พนักงานและผู้ถือหุ้น
*
**จวกส.ส.รัฐบาลบีบเอกชน
แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า การที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.เขต จังหวัดมหาสารคราม พรรคพลังประชาชน ออกมาแถลงข่าวให้ผู้บริโภคขึ้นบัญชีดำสินค้าอุปโภคบริโภค และสถาบันการเงินนั้น เป็นการบงการให้ประชาชนเลือกข้าง แบ่งพรรคแบ่งพวกอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้จริยธรรม และขาดคุณสมบัติของผู้ที่อาสาประชาชนเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งต้องสำนึกว่าการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกผู้แทนราษฎรนั้นจะต้องสร้างความสามัคคี และไม่สร้างความแตกแยกให้เกิดแก่ประชาชนในประเทศ
โดยการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่สร้างความเสียหาย ให้เกิดแก่บริษัทเอกชนที่ถูกกล่าวอ้างให้ขึ้นบัญชีดำดังกล่าว คล้ายกับกรณีของบริษัทให้บริการโทรศัพท์มือถือ AIS ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าบริษัทดังกล่าวหายไปกว่า 30% ทั้งนี้ข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ประกอบการเอกชนเหล่านั้นให้การสนับสนุนหรือจ่ายเงินให้กลุ่มพันธมิตรฯ จริงหรือไม่
“มองอีกมุมหนึ่ง การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำเชิงการตลาดที่มุ่งทำลายคู่แข่งในกลุ่มธุรกิจเดียวกันโดยอาศัยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในความเห็นส่วนตัวแล้วผู้ประกอบการบริษัทเอกชนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้ว และเอกชนทุกรายต้องการที่จะประกอบธุรกิจของตนเองเท่านั้น ดังนั้นการกล่าวหา และชี้นำดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมากในฐานะผู้แทนราษฎร"