เมกาเชฟ ผนึกโอซูกะยักษ์ใหญ่บริษัทยาแดนปลาดิบ ชูวิจัย-พัฒนาสินค้าใหม่ หวังสร้างตลาดเครื่องปรุงรสพรีเมียม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เดินเกมจุดขายเพื่อสุขภาพ ปูพรมส่งน้ำปลาสำหรับผู้แพ้อาหารทะเล แตกไลน์ซอสหอยนางรม-น้ำพริกเผาระดับบน ดึงแอมบาสเดอร์ เดวิด ทอมป์สัน เชฟระดับโลก สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ สิ้นปีโต 30% กวาด 130 ล้านบาท
นายภาส นิธิปิติกาญจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สินวารีพัฒนา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำปลาเมกาเชฟ เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทวางเป้าหมาย 3 ปี ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตเครื่องปรุงรสระดับพรีเมียมภายใต้คอนเซปต์เพื่อสุขภาพ ล่าสุดได้จับมือร่วมกับบริษัทโอซูกะ ผู้ดำเนินธุรกิจยาในประเทศญี่ปุ่นเพื่อนำเทคโนโลยีใหม่มาพัฒนาเครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพ หรือกระทั่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่สร้างสีสันให้ตลาดเครื่องปรุงรสที่เริ่มอิ่มตัว โดยปีนี้บริษัทได้ใช้งบวิจัยและพัฒนา 3-5 ล้านบาท นำร่องเปิดตัวน้ำปลาสำหรับผู้ที่แพ้อาหารทะเล
สำหรับกลยุทธ์ในช่วงแรกของการทำตลาดทั้งต่างประเทศและในประเทศ บริษัทใช้แอมบาสเดอร์ “เดวิด ทอมป์สัน” เชฟระดับโลก เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และสะท้อนภาพลักษณ์การเป็นสินค้าสำหรับผู้เชี่ยวชาญการทำอาหารระดับมืออาชีพ และเข้าไปทำประชาสัมพันธ์ทางสถาบันอาหาร ในระยะ 3 ปี มุ่งเน้นการส่งออกโดยเพิ่มสัดส่วนจาก 10% เป็น 50% คาดว่า ขยายตลาด 8-10 ประเทศ ปูพรมที่ประเทศออสเตรเลีย ยุโรป เยอรมนี เป็นต้น ซึ่งปีนี้ส่งออกซอสหอยนางรม และปีหน้าส่งออกน้ำพริกเผา น้ำปลาสำหรับผู้ที่แพ้อาหารทะเลในญี่ปุ่น
“กลยุทธ์ของเราเจาะผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร ผ่านการเสนอแนะ ซึ่งในตลาดต่างประเทศ กลุ่มเป้าหมายหลัก เจาะกลุ่มร้านอาหาร ภัตรคาร โดยวางเป้าหมายต้องการสร้างแบรนด์เมกาเชฟเป็นที่รู้จักทั่วโลก จากที่ผ่านมา บริษัทส่งออกไปเฉพาะตลาดในเอเชียเท่านั้น”
สำหรับในประเทศบริษัทแตกโปรดักส์ไลน์ซอสหอยนางรม น้ำพริกเผาระดับพรีเมียม เริ่มวางจำหน่ายซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ อีกทั้งยังได้ปรับโฉมฉลากและฝาปิดน้ำปลาเมกาเชฟใหม่ หลังจากดำเนินการตลาดมากว่า 3 ปี เพื่อรักษาคุณสมบัติน้ำปลาให้ดีขึ้น โดยบริษัทได้ใช้งบการตลาด 15 ล้านบาท เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเชฟ และผู้บริโภคระดับบน กลุ่มวัยทำงานมีการศึกษาและใช้ชีวิตในเมืองเป็นหลัก เนื่องจากเครื่องปรุงรสเมกาเชฟ วางราคาสูงกว่าสินค้าระดับแมส 60-70% อาทิ น้ำพริกเผา ราคา 39 บาท ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ภายในประเทศ 3 ปี จาก 90% เหลือเป็น 50%
สภาพตลาดน้ำปลามูลค่า 5,000 ล้านบาท เริ่มอิ่มตัวทำให้ตลาดเติบโต 5% อีกทั้งตลาดยังไม่มีสินค้าหรือนวัตกรรมใหม่มากระตุ้นตลาดให้เติบโต ด้านการแข่งขันมีการใช้กลยุทธ์ราคาค่อนข้างรุนแรง โดยน้ำปลาระดับพรีเมียมมูลค่า 500 ล้านบาท เติบโต 5-10% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้น้ำปลาเมกาเชฟ ส่วนแบ่งเพิ่ม 25% เป็น 30% หรือมีการเติบโต 10% รั้งอันดับ 2 ของตลาดรองจากหอยนางรมทอง มีส่วนแบ่ง 35-40% และ 3 ปี ขึ้นเป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งมากกว่า 35% ส่วนรายได้โดยรวมปีนี้เติบโต 30% หรือมีรายได้ 130 ล้านบาท แบ่งเป็น น้ำปลา 60% ซอสหอยนางรม 20% และน้ำพริกเผา 20%
นายภาส นิธิปิติกาญจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สินวารีพัฒนา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำปลาเมกาเชฟ เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทวางเป้าหมาย 3 ปี ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตเครื่องปรุงรสระดับพรีเมียมภายใต้คอนเซปต์เพื่อสุขภาพ ล่าสุดได้จับมือร่วมกับบริษัทโอซูกะ ผู้ดำเนินธุรกิจยาในประเทศญี่ปุ่นเพื่อนำเทคโนโลยีใหม่มาพัฒนาเครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพ หรือกระทั่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่สร้างสีสันให้ตลาดเครื่องปรุงรสที่เริ่มอิ่มตัว โดยปีนี้บริษัทได้ใช้งบวิจัยและพัฒนา 3-5 ล้านบาท นำร่องเปิดตัวน้ำปลาสำหรับผู้ที่แพ้อาหารทะเล
สำหรับกลยุทธ์ในช่วงแรกของการทำตลาดทั้งต่างประเทศและในประเทศ บริษัทใช้แอมบาสเดอร์ “เดวิด ทอมป์สัน” เชฟระดับโลก เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และสะท้อนภาพลักษณ์การเป็นสินค้าสำหรับผู้เชี่ยวชาญการทำอาหารระดับมืออาชีพ และเข้าไปทำประชาสัมพันธ์ทางสถาบันอาหาร ในระยะ 3 ปี มุ่งเน้นการส่งออกโดยเพิ่มสัดส่วนจาก 10% เป็น 50% คาดว่า ขยายตลาด 8-10 ประเทศ ปูพรมที่ประเทศออสเตรเลีย ยุโรป เยอรมนี เป็นต้น ซึ่งปีนี้ส่งออกซอสหอยนางรม และปีหน้าส่งออกน้ำพริกเผา น้ำปลาสำหรับผู้ที่แพ้อาหารทะเลในญี่ปุ่น
“กลยุทธ์ของเราเจาะผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร ผ่านการเสนอแนะ ซึ่งในตลาดต่างประเทศ กลุ่มเป้าหมายหลัก เจาะกลุ่มร้านอาหาร ภัตรคาร โดยวางเป้าหมายต้องการสร้างแบรนด์เมกาเชฟเป็นที่รู้จักทั่วโลก จากที่ผ่านมา บริษัทส่งออกไปเฉพาะตลาดในเอเชียเท่านั้น”
สำหรับในประเทศบริษัทแตกโปรดักส์ไลน์ซอสหอยนางรม น้ำพริกเผาระดับพรีเมียม เริ่มวางจำหน่ายซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ อีกทั้งยังได้ปรับโฉมฉลากและฝาปิดน้ำปลาเมกาเชฟใหม่ หลังจากดำเนินการตลาดมากว่า 3 ปี เพื่อรักษาคุณสมบัติน้ำปลาให้ดีขึ้น โดยบริษัทได้ใช้งบการตลาด 15 ล้านบาท เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเชฟ และผู้บริโภคระดับบน กลุ่มวัยทำงานมีการศึกษาและใช้ชีวิตในเมืองเป็นหลัก เนื่องจากเครื่องปรุงรสเมกาเชฟ วางราคาสูงกว่าสินค้าระดับแมส 60-70% อาทิ น้ำพริกเผา ราคา 39 บาท ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ภายในประเทศ 3 ปี จาก 90% เหลือเป็น 50%
สภาพตลาดน้ำปลามูลค่า 5,000 ล้านบาท เริ่มอิ่มตัวทำให้ตลาดเติบโต 5% อีกทั้งตลาดยังไม่มีสินค้าหรือนวัตกรรมใหม่มากระตุ้นตลาดให้เติบโต ด้านการแข่งขันมีการใช้กลยุทธ์ราคาค่อนข้างรุนแรง โดยน้ำปลาระดับพรีเมียมมูลค่า 500 ล้านบาท เติบโต 5-10% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้น้ำปลาเมกาเชฟ ส่วนแบ่งเพิ่ม 25% เป็น 30% หรือมีการเติบโต 10% รั้งอันดับ 2 ของตลาดรองจากหอยนางรมทอง มีส่วนแบ่ง 35-40% และ 3 ปี ขึ้นเป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งมากกว่า 35% ส่วนรายได้โดยรวมปีนี้เติบโต 30% หรือมีรายได้ 130 ล้านบาท แบ่งเป็น น้ำปลา 60% ซอสหอยนางรม 20% และน้ำพริกเผา 20%