รอยเตอร์/เอเอฟพี – ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือนตุลาคมร่วงลงอย่างรุนแรง โดยบรรดาโรงงานต่างๆ ยังพากันชี้ว่า ในเดือนต่อไปน่าจะทรุดลงไปมากกว่านี้อีก นับเป็นสัญญาณเตือนอีกประการหนึ่งว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในญี่ปุ่นอาจจะยาวนานและกินรากลึกยิ่งกว่าที่คาดไว้เดิมมาก
ยิ่งกว่านั้น ข่าวสถานการณ์อันมัวมนของภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ยังน่าจะบ่งชี้ถึงการชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจโลก ว่าจะยาวนานและจมลึกกว่าที่เคยคิดกันไว้เช่นเดียวกัน ในเมื่อเวลานี้ทั้งเศรษฐกิจของเขตยูโรโซนและสหรัฐฯก็กำลังหดตัวลง ส่วนจีนซึ่งเห็นว่าอาจเป็นเสาหลักที่จะพยุงเศรษฐกิจโลกได้ กลับกำลังมีภาวะการเติบโตเชื่องช้าลงเสียแล้ว
ยิ่งการจับจ่ายภาคครัวเรือนของแดนอาทิตย์อุทัยกำลังลดต่ำลงเรื่อย ๆ อยู่แล้ว เศรษฐกิจญี่ปุ่นขณะนี้จึงกำลังแสดงอาการให้เห็นชัดเจนว่าป่วยเป็นไข้วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์อย่างสาหัส โดยที่บรรดาผู้ส่งออกรายยักษ์อย่างเช่นโตโยต้า และผู้ผลิตรถยนต์อื่น ๆ ต่างประสบกับภาวะยอดสั่งซื้อรถยนต์ดิ่งเหว เพราะลูกค้าสำคัญนั้นอยู่ในสหรัฐฯและยุโรป ในขณะเดียวกันคำสั่งซื้อจากเอเชียก็มีท่าทีว่าจะลดลงตามไปด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง ราคาน้ำมันที่กำลังร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ก็บ่งชี้ให้เห็นว่าภาวะเงินฝืดที่เคยเกาะกุมญี่ปุ่นเอาไว้อยู่นานปี กำลังมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะหวนกลับมาอีก ถึงแม้พวกนักเศรษฐศาสตร์ยังมีความเห็นขัดแย้งกันอยู่ว่า สภาพเช่นนี้จะผลักดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นกลับไปหานโยบายดอกเบี้ย 0% อีกหรือไม่
สำหรับรัฐมนตรีคลัง โชอิชิ นาคากาวะ ออกมาเรียกร้องแล้วให้ธนาคารกลางออกมาตรการเสริมใหม่ ๆเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงไปทุกที
ภาคการส่งออกนั้นเป็นกลไกหลักในการขับดันอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเสมอมา แต่มาบัดนี้บรรดานักอุตสาหกรรมต่างออกมาบอกกันแล้วว่าไตรมาสที่สี่นี้ ผลผลิตของพวกเขาจะตกต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา
“การผลิตดิ่งลงรวดเร็วมากกว่าที่เราเคยคาดการณ์กันไว้ พวกบริษัทต่างก็ต้องปรับกำลังการผลิตกันขนานใหญ่” ทาคุมิ ซึโนดะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ ชินกิน เซ็นทรัล แบงก์รีเสิร์ชกล่าว “อุตสาหกรรมรถยนต์ถูกกระทบมากที่สุด และปัญหานี้กำลังเริ่มสาดกระเซ็นไปกระทบอุตสาหกรรมอื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมเหล็กกล้า”
ตามตัวเลขที่ทางการแถลงวานนี้(28) ผลผลิตอุตสาหรรมร่วงลง3.1% ในเดือนตุลาคม มากกว่าค่ากลางที่ตลาดคาดเอาไว้ซึ่งอยู่ที่ 2.5% นอกจากนั้นทิศทางอนาคตก็ไม่ดีเลย โดยคาดว่าทั้งไตรมาสที่สี่ ผลผลิตอุตสาหกรรมจะร่วงลงไปถึง 8.6% อันเป็นระดับทรุดหนักสุดเป็นประวัติการณ์
ในปีนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมของแดนอาทิตย์อุทัยนั้นดิ่งลงอย่างต่อเนื่องทั้งสามไตรมาส ส่วนการจับจ่ายใช้สอยในครัวเรือนก็อ่อนแรงลงด้วย นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าญี่ปุ่นจะพบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยาวนานและกินลึกเข้าสู่ใจกลางเศรษฐกิจมากกว่าเดิม “ตัวเลขเศรษฐกิจทำให้เราเห็นว่าสถานการณ์กำลังดำดิ่งอย่างสาหัสสากรรจ์” โยชิคิโยะ ชิมามิเนะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยไดอิชิ ไลฟ์กล่าว และยังเตือนด้วยว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯและปัญหาในที่อื่น ๆชี้ว่าสถานการณ์จะไม่พลิกฟื้นในเร็ว ๆนี้
“ตอนนี้ในอเมริกากำลังเป็นช่วงการช้อปปิ้งสำหรับเทศกาลคริสต์มาส ยอดขายของสินค้านิยมให้เป็นของขวัญอย่างเช่น ตุ๊กตา, เสื้อผ้า, ของเล่นไฮเทครวมทั้งอุปกรณ์ดิจิตอลทั้งหลายก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นเลย”
“บริษัทของจีนอาจจะได้รับผลกระทบจากยอดขายที่อ่อนตัวลงในสินค้าของเล่น,เสื้อผ้า ส่วนยอดขายสินค้าไฮเทคที่ชะลอตัวจะส่งผลกับบริษัทในญี่ปุ่นและไต้หวัน”
นักเศรษฐศาสตร์บางรายกล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของญี่ปุ่นจะอยู่ยืดยาวไปอีกสองไตรมาส ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็เท่ากับว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นหดตัวติดต่อกันถึงหนึ่งปีและนับเป็นช่วงที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา
นอกจากนี้สถานการณ์การส่งออกก็ยังถูกซ้ำเติมด้วยค่าเงินเยนที่สูงที่สุดในรอบ 13 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว และยังคงสถิตย์อยู่ที่ 95 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งยิ่งทำให้สินค้าญี่ปุ่นแพงขึ้นในสายตาของผู้ซื้อต่างประเทศ
อนึ่ง กระทรวงแรงงานญี่ปุ่นวานนี้ ได้แถลงผลสำรวจภาวะจ้างงานทั่วประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า จากเดือนตุลาคมปีนี้ถึงเดือนมีนาคมปีหน้า จะมีคนงานชั่วคราวถูกปลด 30,067 คน ขณะที่คนงานประจำจะสูญเสียงาน 2,028 คน ทั้งนี้ในญี่ปุ่นปัจจุบันมีการจ้างงานชั่วคราวกันสูง และพวกนี้จะเป็นพวกแรกที่ต้องตกงานเมื่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ยิ่งกว่านั้น ข่าวสถานการณ์อันมัวมนของภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ยังน่าจะบ่งชี้ถึงการชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจโลก ว่าจะยาวนานและจมลึกกว่าที่เคยคิดกันไว้เช่นเดียวกัน ในเมื่อเวลานี้ทั้งเศรษฐกิจของเขตยูโรโซนและสหรัฐฯก็กำลังหดตัวลง ส่วนจีนซึ่งเห็นว่าอาจเป็นเสาหลักที่จะพยุงเศรษฐกิจโลกได้ กลับกำลังมีภาวะการเติบโตเชื่องช้าลงเสียแล้ว
ยิ่งการจับจ่ายภาคครัวเรือนของแดนอาทิตย์อุทัยกำลังลดต่ำลงเรื่อย ๆ อยู่แล้ว เศรษฐกิจญี่ปุ่นขณะนี้จึงกำลังแสดงอาการให้เห็นชัดเจนว่าป่วยเป็นไข้วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์อย่างสาหัส โดยที่บรรดาผู้ส่งออกรายยักษ์อย่างเช่นโตโยต้า และผู้ผลิตรถยนต์อื่น ๆ ต่างประสบกับภาวะยอดสั่งซื้อรถยนต์ดิ่งเหว เพราะลูกค้าสำคัญนั้นอยู่ในสหรัฐฯและยุโรป ในขณะเดียวกันคำสั่งซื้อจากเอเชียก็มีท่าทีว่าจะลดลงตามไปด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง ราคาน้ำมันที่กำลังร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ก็บ่งชี้ให้เห็นว่าภาวะเงินฝืดที่เคยเกาะกุมญี่ปุ่นเอาไว้อยู่นานปี กำลังมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะหวนกลับมาอีก ถึงแม้พวกนักเศรษฐศาสตร์ยังมีความเห็นขัดแย้งกันอยู่ว่า สภาพเช่นนี้จะผลักดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นกลับไปหานโยบายดอกเบี้ย 0% อีกหรือไม่
สำหรับรัฐมนตรีคลัง โชอิชิ นาคากาวะ ออกมาเรียกร้องแล้วให้ธนาคารกลางออกมาตรการเสริมใหม่ ๆเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงไปทุกที
ภาคการส่งออกนั้นเป็นกลไกหลักในการขับดันอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเสมอมา แต่มาบัดนี้บรรดานักอุตสาหกรรมต่างออกมาบอกกันแล้วว่าไตรมาสที่สี่นี้ ผลผลิตของพวกเขาจะตกต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา
“การผลิตดิ่งลงรวดเร็วมากกว่าที่เราเคยคาดการณ์กันไว้ พวกบริษัทต่างก็ต้องปรับกำลังการผลิตกันขนานใหญ่” ทาคุมิ ซึโนดะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ ชินกิน เซ็นทรัล แบงก์รีเสิร์ชกล่าว “อุตสาหกรรมรถยนต์ถูกกระทบมากที่สุด และปัญหานี้กำลังเริ่มสาดกระเซ็นไปกระทบอุตสาหกรรมอื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมเหล็กกล้า”
ตามตัวเลขที่ทางการแถลงวานนี้(28) ผลผลิตอุตสาหรรมร่วงลง3.1% ในเดือนตุลาคม มากกว่าค่ากลางที่ตลาดคาดเอาไว้ซึ่งอยู่ที่ 2.5% นอกจากนั้นทิศทางอนาคตก็ไม่ดีเลย โดยคาดว่าทั้งไตรมาสที่สี่ ผลผลิตอุตสาหกรรมจะร่วงลงไปถึง 8.6% อันเป็นระดับทรุดหนักสุดเป็นประวัติการณ์
ในปีนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมของแดนอาทิตย์อุทัยนั้นดิ่งลงอย่างต่อเนื่องทั้งสามไตรมาส ส่วนการจับจ่ายใช้สอยในครัวเรือนก็อ่อนแรงลงด้วย นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าญี่ปุ่นจะพบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยาวนานและกินลึกเข้าสู่ใจกลางเศรษฐกิจมากกว่าเดิม “ตัวเลขเศรษฐกิจทำให้เราเห็นว่าสถานการณ์กำลังดำดิ่งอย่างสาหัสสากรรจ์” โยชิคิโยะ ชิมามิเนะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยไดอิชิ ไลฟ์กล่าว และยังเตือนด้วยว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯและปัญหาในที่อื่น ๆชี้ว่าสถานการณ์จะไม่พลิกฟื้นในเร็ว ๆนี้
“ตอนนี้ในอเมริกากำลังเป็นช่วงการช้อปปิ้งสำหรับเทศกาลคริสต์มาส ยอดขายของสินค้านิยมให้เป็นของขวัญอย่างเช่น ตุ๊กตา, เสื้อผ้า, ของเล่นไฮเทครวมทั้งอุปกรณ์ดิจิตอลทั้งหลายก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นเลย”
“บริษัทของจีนอาจจะได้รับผลกระทบจากยอดขายที่อ่อนตัวลงในสินค้าของเล่น,เสื้อผ้า ส่วนยอดขายสินค้าไฮเทคที่ชะลอตัวจะส่งผลกับบริษัทในญี่ปุ่นและไต้หวัน”
นักเศรษฐศาสตร์บางรายกล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของญี่ปุ่นจะอยู่ยืดยาวไปอีกสองไตรมาส ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็เท่ากับว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นหดตัวติดต่อกันถึงหนึ่งปีและนับเป็นช่วงที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา
นอกจากนี้สถานการณ์การส่งออกก็ยังถูกซ้ำเติมด้วยค่าเงินเยนที่สูงที่สุดในรอบ 13 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว และยังคงสถิตย์อยู่ที่ 95 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งยิ่งทำให้สินค้าญี่ปุ่นแพงขึ้นในสายตาของผู้ซื้อต่างประเทศ
อนึ่ง กระทรวงแรงงานญี่ปุ่นวานนี้ ได้แถลงผลสำรวจภาวะจ้างงานทั่วประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า จากเดือนตุลาคมปีนี้ถึงเดือนมีนาคมปีหน้า จะมีคนงานชั่วคราวถูกปลด 30,067 คน ขณะที่คนงานประจำจะสูญเสียงาน 2,028 คน ทั้งนี้ในญี่ปุ่นปัจจุบันมีการจ้างงานชั่วคราวกันสูง และพวกนี้จะเป็นพวกแรกที่ต้องตกงานเมื่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว