xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อนปช.ชม.ไม่เผารอชัยชนะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แกนนำกลุ่มทหารเสือพระราชาประท้วง “สมชาย” เหยียบเลือดพ่อหนีม็อบซุกเชียงใหม่ ลั่นไม่ทำพิธีศพจนกว่าพันธมิตรฯ จะได้รับชัยชนะ เตรียมขึ้นเวทีที่กรุงเทพฯ แฉนักการเมืองพรรครัฐบาลวางแผนล้มล้างสถาบัน พัวพันค้ายาเสพติด พลเมืองดีแพร่คลิป “โจรกากี-ถ่อยเสื้อแดง” แก๊งนรกเดียวกัน “เจ้าดวงเดือน” ร่ำไห้เศร้าใจเชียงใหม่ระทม

นายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา แกนนำกลุ่มทหารเสือพระราชา เครือข่ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของสถานีวิทยุวิหคเรดิโอ คลื่น 89.0 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านระมิงค์นิเวศ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จะไม่นำศพนายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา ผู้เป็นบิดาออกมาจากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และจะยังไม่มีการทำพิธีทางศาสนาใดๆ จนกว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จะได้รับชัยชนะ เพื่อเป็นการประท้วงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพราะพ่อพูดอยู่เสมอว่าจะต้องรักษาราชบัลลังก์จนถึงที่สุด ซึ่งเชื่อว่าหากพันธมิตรฯ ได้รับชัยชนะ พ่อจะจากไปอย่างสงบ
เมื่อเย็นวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มคนเสื้อแดง “รักเชียงใหม่ 51” บุกถล่มสถานีวิทยุวิหคเรดิโอ และนายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา บิดาของนายเทอดศักดิ์ ถูกกลุ่มเสื้อแดงทุบตี ก่อนลากลงจากรถมายิงซ้ำและฟันแขนเกือบขาด พร้อมกับสมาชิกกลุ่มที่ถูกยิงบาดเจ็บอีก 2 คน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา
นายเทอดศักดิ์ยังกล่าวว่า จะเดินทางไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลของกลุ่มบุคคลที่ต้องการล้มล้างราชบัลลังก์ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ส่วนใหญ่คนทำอยู่ที่เชียงใหม่ และเกี่ยวข้องกับนักการเมืองพรรครัฐบาลทั้งสิ้น รวมถึงข้อมูลเรื่องยาเสพติดที่เกี่ยวพันกับนักการเมืองใหญ่ด้วย
แกนนำกลุ่มทหารเสือพระราชา กล่าวอีกว่า พ่อของเขาสังเวยการเดินทางกลับเชียงใหม่ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่หนีการชุมนุมประท้วงของพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ มาพักบ้านเมียที่เชียงใหม่ โดยเหยียบเลือดของพ่อเขาเข้ามา
ทั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดง “รักเชียงใหม่ 51” ที่เป็นกลุ่มมวลชนที่สนับสนุน นายสมชาย และพรรคพลังประชาชน รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บุกมาใช้อาวุธปืน ระเบิด มีด ไม้ ฯลฯ ถล่มสถานีวิทยุของเขา และสมาชิกทหารเสือพระราชา ที่มารวมตัวกันประมาณ 40-50 คน เพื่อสกัดไม่ให้บิดาของนายเทอดศักดิ์ และสมาชิกกลุ่ม เดินทางไปประท้วงนายสมชาย ที่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่
นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า อาวุธปืนที่มีการนำมาใช้ยิงถล่มสถานีวิทยุวิหคเรดิโอ เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น บางส่วนเป็น .38 ที่ส่วนใหญ่เป็นอาวุธปืนประจำกายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่ นายสมชาย กล่าวถึงกรณีข้างต้นที่เกิดขึ้นต่อสื่อมวลชนกลางดึกคืนที่ผ่านมา หลังจากเดินทางกลับถึงเชียงใหม่ เข้าบ้านพักที่หมู่บ้านกรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพียงว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับเหตุการณ์บุกยิงและรุมทำร้ายนายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา จนเสียชีวิต ได้มีพลเมืองดีบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ประจานความเลวทรามป่าเถื่อนดังกล่าว และเป็นหลักฐานให้ประชาชนได้ประจักษ์แก่สายตาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้ชื่อว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพิกเฉยต่อการกระทำซึ่งขัดกฎหมาย ปล่อยให้ประชาชนถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาโดยไม่ทำอะไรเลย ประหนึ่งรู้เห็นเป็นใจต่อการกระทำอันโหดเหี้ยมของกลุ่มคนดังกล่าว
ทั้งนี้ พลเมืองดี ได้ระบุว่า สภาพบรรยากาศทั่วไปพื้นที่เกิดเหตุ กลุ่มบุคคลสวมเสื้อแดงเหล่านั้นต่างอยู่ในสภาพที่เมามาย และส่วนใหญ่พกอาวุธมากันครบมือไม่ว่าจะเป็นมีดซามูไร ไม้หน้าสาม ปืน เหล็กแป๊บ ไขควง ฯลฯ
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่างยืนพูดคุยกับกลุ่มเสื้อแดงเหมือนรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเมื่อนักข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่งพยายามเข้าถ่ายทำเหตุการณ์ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จังหวัดเชียงใหม่ ยังพูดหน้าตาเฉยว่า “เขยิบหน่อยสิ หน้าจะได้เข้ากล้อง” ในขณะที่เมื่อเกิดเหตุยิงดังกล่าว แทนที่จะเร่งจับตัวคนร้ายเพราะเหตุเกิดซึ่งหน้า กลับทำเฉย (ดูคลิปวีดีโอใน www.manager.co.th)
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ได้เผยแพร่ภาพกลุ่ม“รักเชียงใหม่ 51” บุกยิงถล่มสถานีวิทยุดังกล่าวด้วยอาวุธปืนอย่างชัดเจน
วานนี้ (27 พ.ย.) พ.ต.อ.ประหยัด บุญศรี รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กับกลุ่มทหารเสือพระราชาจนทำให้มีผู้เสียชีวิต ว่า มอบให้นิติเวชชันสูตรหาสาเหตุของการตายอย่างละเอียด และรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งวัตถุพยานในที่เกิดเหตุแล้ว โดยเบื้องต้นพบว่า มีทั้งอาวุธมีด ไม้ หัวกระสุน น็อต และลูกเหล็ก นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยบริเวณที่ทำการของกลุ่มทหารเสือพระราชาแล้ว
ส่วนกรณีที่มีการวิจารณ์ว่า ตำรวจไม่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่นั้น พ.ต.อ.ประหยัด กล่าวว่า ระหว่างเกิดเหตุได้เสริมกำลังเข้าไปแล้ว แต่การมีผู้เสียชีวิตถือเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะผู้ตายขับรถวิ่งสวนออกมาอย่างแรง จึงเกิดเหตุการณ์ชุลมุน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหน้าที่อย่างถึงที่สุด และยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งสองฝ่าย
ทางด้านเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ประธานสภาวัฒนธรรม จังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์สื่อว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เกิดการทุบตีจนมีผู้เสียชีวิต เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างมาก เมื่อทราบข่าวและเห็นภาพทางโทรทัศน์น้ำตาได้ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะตลอดชีวิตที่ยาวนานมากว่า 80 ปี พยายามส่งเสริมวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ให้ดีขึ้นในสายตาชาวโลก แต่วันนี้สิ่งที่ทำมาตลอดชีวิตสูญหายไปหมดไม่มีเหลือ
"ล้มเหลวหมดแล้ว ในอดีตเชียงใหม่ไม่เคยเป็นแบบนี้ ผู้คนน่ารักพูดจาไพเราะหวานหู แต่ตอนนี้มีคนฆ่ากันตาย มีหลายคนพูดว่ารัฐบาลเป็นของ นปช.เป็นพวกเสื้อแดงที่ถูกว่าจ้างให้มาก่อกวนและฆ่าคน"
เจ้าดวงเดือนกล่าวอีกว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อยากลาออกจากทุกตำแหน่งที่ทำเพื่อสังคมเมืองเชียงใหม่ให้หมด เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำอีกต่อไปแล้ว เป็นเรื่องน่าเศร้าและไม่สบายใจที่เห็นข่าวร้ายๆ แบบนี้ทุกวัน.
กำลังโหลดความคิดเห็น