ศูนย์ข่าวศรีราชา -เจ้าของร้านอาหารชื่อดัง “สุดทางรัก” พัทยา ประกาศสร้างแบรนด์กาแฟสัญชาติไทย “Sala Daeng (ศาลาแดง) Premium Thai Coffee By Sutthangrak” บุกตลาดนักดื่มทั้งในประเทศและแถบเอเชีย ด้วยทุนดำเนินการก้อนแรก 100 ล้านบาท พัฒนาคุณภาพและรสชาติรวมทั้งกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปี 52 ทุ่มงบอีก20 ล้านพัฒนาแบรนด์และรูปแบบร้านให้เป็นที่รู้จัก ก่อนบุกขยายสาขา 10 แห่งตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่และห้างฯ ดัง ตั้งเป้าขยายสาขาให้ได้ 60 แห่งในระยะเวลา 5 ปี
นายบัณฑิต ศิริตันหยง เจ้าของร้านอาหารชื่อดัง “สุดทางรักพัทยา” ซึ่งเปิดให้บริการมานานจนเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งจากกรุงเทพฯและภาคตะวันออก เผยถึงการระดมทุนร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเป็นเงินก้อนแรกจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อผลิตแบรนด์กาแฟออร์แกนิกคุณภาพใหม่ล่าสุดของเมืองไทยภายใต้ชื่อ “Sala Daeng (ศาลาแดง) Premium Thai Coffee By Sutthangrak” และพร้อมจะเปิดตัวให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักดื่มกาแฟทั้งในประเทศไทยและประเทศแถบเอเชียในเร็วๆ นี้ว่า
จุดแรกเริ่มของการสร้างแบรนด์ดังกล่าวมาจากแรงบันดาลใจหลังได้พูดคุยกับนายเดช บุญสุข อดีตประธานกรรมการแมคโดนัลด์ ไทยแลนด์ นักธุรกิจผู้มากความสามารถจนขยายสาขาได้ทั่วประเทศกว่า 200 แห่ง ที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยได้มีโอกาสสร้างแบรนด์กาแฟที่มีคุณภาพ ซึ่งสามารถเข้าสู่ตลาดโลกได้
ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาตนได้พัฒนาพื้นที่บนดอยในเขตอ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร รวม 600 ไร่ เพื่อใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ต้นกาแฟอราบิก้าปลอดสารพิษคุณภาพเยี่ยม และขณะนี้ต้นกาแฟที่ปลูกมีมากถึง 50,000 ต้น มีอายุเฉลี่ยประมาณ 7-8 เดือน และจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วงปลายปี 2553 ขณะเดียวกันยังได้ก่อสร้างโกดังเก็บเมล็ดกาแฟสำหรับใช้ในการผลิตเพื่อป้อนสู่ตลาด และได้คัดเลือกเมล็ดกาแฟจากไร่ในพื้นที่ใกล้เคียงเก็บไว้ประมาณ 80 ตัน เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทดลองปรับปรุงรสชาติและกลิ่น เพื่อออกจำหน่ายในเบื้องต้น
จุดเด่นของกาแฟศาลาแดง นอกจากจะอยู่ที่รสชาติที่กลมกล่อมและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหมาะแก่ผู้ชื่นชอบการดื่มกาแฟแล้ว สาขาของแบรนด์กาแฟที่พร้อมจะเปิดให้บริการในปี 2552 จำนวน 10 สาขา ซึ่งจะกระจายอยู่ในหัวเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างพัทยา เชียงใหม่และภูเก็ต รวมถึงศูนย์การค้าชื่อดังและภายในมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์รวมแห่งการเรียนรู้
ลูกค้าของร้านสามารถเข้ามาเพื่อพบปะและพูดคุยในเรื่องความรู้ต่างๆ รวมถึงสังคมรอบด้าน ที่สำคัญจะเน้นการให้ความรู้ด้านกฎหมายในชีวิตประจำวัน โดยบุคลากรของศาลาแดงจะเป็นผู้ให้คำแนะนำข้อกฎหมายแก่ลูกค้า นอกจากนั้นในร้านยังให้บริการอินเทอร์เน็ตระบบ Wi-Fi เพื่อสืบค้นข้อมูลต่างๆจากทั่วโลกได้อีกด้วย
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเบื้องต้น คือ กลุ่มผู้ชื่นชอบกาแฟในประเทศไทย ก่อนจะขยายแบรนด์ไปในตลาดโลกโดยเฉพาะประเทศแถบเอเชียที่มีรสนิยมการดื่มกาแฟคล้ายๆกับคนไทย ทั้งนี้ในเบื้องต้นได้ทดลองเปิดสาขาแรกในร้านอาหารสุดทางรัก พัทยา เพื่อให้นักดื่มได้เป็นที่รู้จักแล้ว
“การทำธุรกิจกาแฟเป็นการลงทุนที่ต่อเนื่องจากการทำไร่กาแฟ โกดังเก็บเมล็ดกาแฟ โรงงานคั่วกาแฟและโรงงานผสมกาแฟ ซึ่งเราใช้งบประมาณในส่วนนี้ถึง 100 ล้านบาท โดยในปี 2552 ยังมีแผนที่จะประชาสัมพันธ์รวมถึงพัฒนารสชาติกาแฟให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะใช้งบประมาณรวม 20 ล้านบาท ที่สำคัญเรายังตั้งเป้าหมายให้สาขาต่างๆ ของกาแฟศาลาแดงเป็นสาขาที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจนในเรื่องของรสชาติ การออกแบบร้านและผลิตภัณฑ์รวมถึงบรรจุภัณฑ์แล้ว”
นายบัณฑิต ยังคาดหวังว่าเมื่อเปิดตลาดอย่างเป็นทางการในปี 2552 กาแฟแบรนด์ “Saladaeng (ศาลาแดง) Premium Thai Coffee By Sutthangrak” จะได้รับการยอมรับจากนักดื่มในประเทศ ขณะที่ตลาดเอเชียเป็นตลาดที่มีความคาดหวังสูง เนื่องจากพฤติกรรมการดื่มกาแฟของคนเอเชียไม่ต่างจากตลาดไทย โดยการทดลองจำหน่ายในเบื้องต้นได้นำเมล็ดกาแฟ ที่ผ่านการคัดสรรจากโครงการหลวงที่ดอยตุง มาใช้เป็นเมล็ดกาแฟนำร่องในการทดลองเปิดตลาดที่อินเดียและจีนไปก่อนหน้า และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะขยายสาขาทั่วประเทศได้ถึง 50 แห่ง สำหรับสัญลักษณ์ของแบรนด์ถูกกำหนดให้เป็นรูปศาลาเรือนไทยและมีพู่กันอยู่ด้านล่าง
“ อยากให้คนไทยสนับสนุนกาแฟไทยซึ่งคุณภาพไม่แตกต่างกับแบรนด์เมืองนอก และก่อนที่เราจะผลักดันแบรนด์กาแฟเข้าสู่ตลาดโลกก็จะต้องได้รับการยอมรับจากคนไทยด้วยกันเองก่อน ซึ่งกาแฟศาลาแดงจะทำให้นักดื่มกาแฟทั่วโลกซึมซับรสชาติกาแฟเอเชียที่แท้จริง หลังจากนั้นก็จะเปิดตลาดในส่วนของชา เบเกอรี และการผลิตกาแฟผงสำหรับชงในอีกไม่ช้านี้ หลังจากนั้นก็จะขยายโรงงานมายังเมืองพัทยา เพื่อให้สะดวกต่อการจัดส่งและรองรับการเติบโตทางธุรกิจ” นายบัณฑิต กล่าว