เมื่อเวลา13.30น. วานนี้ (26พ.ย.) ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยในช่วงหารือ ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้พยายามหยิบยกสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ มาหารือ แต่นายชัย ได้พยายามขอร้องไม่ให้พูดพาดพิง จนทำให้มีความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ขณะที่นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังขอหารือโดยสอบถามถึงผลการตรวจสอบเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาว่าคืบหน้าไปถึงไหน เพราะเวลาล่วงเลยมาแล้วถึง 50 วัน
ขณะที่ ส.ส.บางส่วนขอหารือความเดือดร้อนในพื้นที่ของตัวเอง เพราะเกรงว่าหากกลุ่มพันธมิตรฯ มาล้อมรัฐสภาอาจทำให้ไม่สามารถประชุมสภาฯได้ ทำให้นายชัย ต้องกล่าวยืนยันต่อที่ประชุมว่า ในวันที่ 27 พ.ย. จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ เพราะรัฐบาลกับรัฐสภา ได้มอบหมายให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯแล้ว
ด้านนายอภิสิทธิ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ปัญหาพื้นฐานของความขัดแย้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายค้านเลย แต่ในฐานะที่เป็นนักการเมือง ก็ต้องลงมาช่วยกันแก้ไขปัญหา ทั้งนี้รักษาการนายกรัฐมนตรีกลับออกมาให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า อยากให้ตนเป็นคนกลางในการเจรจากับทั้งสองฝ่าย หากเป็นความประสงค์ของรัฐบาลจริงๆ ตนก็ยินดี
"เช้าวันนี้ (26พ.ย.) มีกลุ่มมวลชนจำนวนมากได้โทรศัพท์มาด่า และข่มขู่ผมตลอดทั้งวันจนกระทั่งขณะนี้ หาว่าผมเข้าข้างฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ขอย้ำว่าผมทำงานให้กับประเทศไทย ไม่ใช่ทำงานให้รัฐบาลหรือกลุ่มพันธมิตรฯ จึงอยากขอร้องให้คนที่พยายามจะก่อกวนหยุดการกระทำเสีย และหลังจากได้มีโอกาสหารือ 2-3 ครั้ง และได้นำข้อเสนอให้รับทราบไปแล้ว จึงอยากขอร้องให้ทุกฝ่ายหยุดให้ข่าวที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกเพิ่มขึ้น หากทุกคนช่วยกันจะทำไปสู่การเจรจาได้ ขอให้ช่วยกันรักษาประชาธิปไตย และขอให้พวกเราแก้ปัญหานี้ไปให้ได้"
ด้านนายชัย กล่าวว่า ตนได้พยายามทำทุกวิถีทางสุดความสามารถของชีวิต ขอกราบวิงวอนทุกคน แม้ตนจะมีอายุ 81ปี แล้วแต่ขอให้ประชาธิปไตยอยู่ บ้านเมืองสงบสุข ซึ่งอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ประชุมสภาฯ จึงขอที่ประชุมพิจารณางดใช้ข้อบังคับข้อที่ 176 ว่า ถ้ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นจนไม่สามารถประชุมสภาฯในที่แห่งนี้ได้ ขออนุมัติให้ประธานสภาฯ ในการหาสถานที่ประชุมได้ โดยสถานที่นั้นต้องมีความพร้อมในเรื่องของการลงคะแนน เพื่อเป็นการรักษาระบอบนิติบัญญัติ รักษาระบบรัฐสภา ให้อยู่ต่อไปได้
ด้านนายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคพลังประชาชน ได้ลุกขึ้นกล่าวประชดประชันทันทีว่า ขอเสนอให้ย้ายไปประชุมสภาฯกันในเรือรบจักรีนฤเบศร แทน แล้วไปหารือกันกลางอ่าวไทย จะได้ไม่มีใครตามไปวุ่นวาย
ขณะที่นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สภาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และไม่เคยเกิดเหตุการณ์ปิดล้อมเช่นนี้มาก่อน เราควรจะพิจารณาดูว่าสาเหตุเพราะอะไร กลุ่มผู้ชุมนุมก็ถือเป็นเจ้าของประเทศเหมือกัน มีสิทธิ เลือกผู้แทนเหมือนกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องมีสาเหตุ ทำไมวันนี้สามารถเปิดประชุมได้ แต่ทำไมวันที่ 7 ต.ค.ไม่สามารถประชุมได้ และเชื่อว่าในวันนี้ก็สามารถประชุมสภาได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรผิดปกติ
"ถ้าเราประชุมกันตามวาระปกติ ไม่มีอะไรมาทำให้ผิดปกติ ผมเชื่อว่าสภาจะประชุมกันได้ หรือถ้ามีปัญหาขึ้นมา ประธานสภาสามารถใช้ดุลยพินิจ หรือจะมาหารือกันอีกครั้งหนึ่งได้ เราสามารถอ่านสถานการณ์ได้ สภาจะต้องเป็นหลัก หากเราไปใช้สถานที่อื่นประชุม ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างสภาใหม่ เพราะย้ายไปประชุมที่ไหนๆ ก็ได้"
นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมสถานที่ต่างๆ อยากถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตำรวจ ทหาร จึงนิ่งไปหมด ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะการชุมนุมครั้งนี้มีเบื้องหลังต้องการล้มรัฐบาล และระบอบประชาธิปไตย จึงขอสนับสนุนให้ยกเว้นข้อบังคับการประชุม เพื่อให้สภาฯเดินหน้าต่อไปได้ เพราะการไปปิดสนามบินเป็นการทำลายชาติ วันนี้คนที่ต้องการได้อำนาจทางการเมืองอยู่นอกระบบ ขอฝากว่าเวรกรรมจะเกิดขึ้น และคนพวกนี้จะไม่มีโอกาสได้เป็นรัฐบาลแน่ จะเป็นได้แค่ฝ่ายที่อยู่นอกระบบเท่านั้น
ทั้งนี้นายชัย ชี้แจงว่า ที่ตนนำเรื่องนี้หารือเพราะมีหลายฝ่ายถามว่าทำไมไม่ย้ายไปประชุมสถานที่อื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่รู้กฎหมาย จึงมาขอปรึกษาเพื่อช่วยกันพิจารณา หากสมมุติว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น เราจะย้ายไปประชุมสถานที่อื่นเหมือนรัฐบาลไม่ได้ เพราะมีกฎหมายบังคับไว้ ตนจึงมาขอหารือ เพื่อรองรับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีมติในเรื่องนี้แต่อย่างใด จากนั้นนายชัย ได้เข้าสู่วาระการประชุม โดยมีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ...ซึ่งมีทั้งสิ้น 4 ฉบับ ที่สมาชิกได้อภิปรายกันไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงได้มีการนับองค์ประชุม ก่อนที่จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา แต่ปรากฏว่า มี ส.ส.ในห้องประชุมเพียง 172 คนถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ทำให้นายชัย ถึงกับอึ้ง และพยายามขอร้องให้ฝ่ายค้านให้ความร่วมมือ แต่ก็ถูกส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การพูดเช่นนี้ทำให้ฝ่ายค้านเสียหาย เพราะเรื่ององค์ประชุมเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล ดังนั้นนายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.พรรคพลังประชาชน จึงเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ หลังจากใช้เวลาร่วมชั่วโมง ที่สุดก็ครบองค์ประชุมจำนวน 257 คน จากนั้นที่ประชุมได้มีมติ ตั้งคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงาน สาเหตุที่ทำให้องค์ประชุมในครั้งแรกไม่ครบ เนื่องจากตลอดวันมีกระแสข่าวลือว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมหน้าบริเวณรัฐสภาอีกครั้ง จึงทำให้บรรดา ข้าราชการ และส.ส. ที่เดินทางมาแต่เช้า รีบรุดกลับบ้าน แต่เมื่อวิปรัฐบาลได้พยายามติดต่อให้ ส.ส.มานับองค์ประชุม ต่างก็ทยอยเข้ามากันอย่างเร่งรีบ
**ปิดสมัยประชุมสภา 29 พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ ในวันที่ 1 ส.ค.51 นั้น บัดนี้จะสิ้นกำหนดสมัยประชุมในวันที่ 28 พ.ย.51 จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 127 มาตรา 128 และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมนิติบัญญัติตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 51 โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ขณะที่ ส.ส.บางส่วนขอหารือความเดือดร้อนในพื้นที่ของตัวเอง เพราะเกรงว่าหากกลุ่มพันธมิตรฯ มาล้อมรัฐสภาอาจทำให้ไม่สามารถประชุมสภาฯได้ ทำให้นายชัย ต้องกล่าวยืนยันต่อที่ประชุมว่า ในวันที่ 27 พ.ย. จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ เพราะรัฐบาลกับรัฐสภา ได้มอบหมายให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯแล้ว
ด้านนายอภิสิทธิ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ปัญหาพื้นฐานของความขัดแย้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายค้านเลย แต่ในฐานะที่เป็นนักการเมือง ก็ต้องลงมาช่วยกันแก้ไขปัญหา ทั้งนี้รักษาการนายกรัฐมนตรีกลับออกมาให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า อยากให้ตนเป็นคนกลางในการเจรจากับทั้งสองฝ่าย หากเป็นความประสงค์ของรัฐบาลจริงๆ ตนก็ยินดี
"เช้าวันนี้ (26พ.ย.) มีกลุ่มมวลชนจำนวนมากได้โทรศัพท์มาด่า และข่มขู่ผมตลอดทั้งวันจนกระทั่งขณะนี้ หาว่าผมเข้าข้างฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ขอย้ำว่าผมทำงานให้กับประเทศไทย ไม่ใช่ทำงานให้รัฐบาลหรือกลุ่มพันธมิตรฯ จึงอยากขอร้องให้คนที่พยายามจะก่อกวนหยุดการกระทำเสีย และหลังจากได้มีโอกาสหารือ 2-3 ครั้ง และได้นำข้อเสนอให้รับทราบไปแล้ว จึงอยากขอร้องให้ทุกฝ่ายหยุดให้ข่าวที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกเพิ่มขึ้น หากทุกคนช่วยกันจะทำไปสู่การเจรจาได้ ขอให้ช่วยกันรักษาประชาธิปไตย และขอให้พวกเราแก้ปัญหานี้ไปให้ได้"
ด้านนายชัย กล่าวว่า ตนได้พยายามทำทุกวิถีทางสุดความสามารถของชีวิต ขอกราบวิงวอนทุกคน แม้ตนจะมีอายุ 81ปี แล้วแต่ขอให้ประชาธิปไตยอยู่ บ้านเมืองสงบสุข ซึ่งอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ประชุมสภาฯ จึงขอที่ประชุมพิจารณางดใช้ข้อบังคับข้อที่ 176 ว่า ถ้ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นจนไม่สามารถประชุมสภาฯในที่แห่งนี้ได้ ขออนุมัติให้ประธานสภาฯ ในการหาสถานที่ประชุมได้ โดยสถานที่นั้นต้องมีความพร้อมในเรื่องของการลงคะแนน เพื่อเป็นการรักษาระบอบนิติบัญญัติ รักษาระบบรัฐสภา ให้อยู่ต่อไปได้
ด้านนายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคพลังประชาชน ได้ลุกขึ้นกล่าวประชดประชันทันทีว่า ขอเสนอให้ย้ายไปประชุมสภาฯกันในเรือรบจักรีนฤเบศร แทน แล้วไปหารือกันกลางอ่าวไทย จะได้ไม่มีใครตามไปวุ่นวาย
ขณะที่นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สภาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และไม่เคยเกิดเหตุการณ์ปิดล้อมเช่นนี้มาก่อน เราควรจะพิจารณาดูว่าสาเหตุเพราะอะไร กลุ่มผู้ชุมนุมก็ถือเป็นเจ้าของประเทศเหมือกัน มีสิทธิ เลือกผู้แทนเหมือนกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องมีสาเหตุ ทำไมวันนี้สามารถเปิดประชุมได้ แต่ทำไมวันที่ 7 ต.ค.ไม่สามารถประชุมได้ และเชื่อว่าในวันนี้ก็สามารถประชุมสภาได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรผิดปกติ
"ถ้าเราประชุมกันตามวาระปกติ ไม่มีอะไรมาทำให้ผิดปกติ ผมเชื่อว่าสภาจะประชุมกันได้ หรือถ้ามีปัญหาขึ้นมา ประธานสภาสามารถใช้ดุลยพินิจ หรือจะมาหารือกันอีกครั้งหนึ่งได้ เราสามารถอ่านสถานการณ์ได้ สภาจะต้องเป็นหลัก หากเราไปใช้สถานที่อื่นประชุม ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างสภาใหม่ เพราะย้ายไปประชุมที่ไหนๆ ก็ได้"
นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมสถานที่ต่างๆ อยากถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตำรวจ ทหาร จึงนิ่งไปหมด ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะการชุมนุมครั้งนี้มีเบื้องหลังต้องการล้มรัฐบาล และระบอบประชาธิปไตย จึงขอสนับสนุนให้ยกเว้นข้อบังคับการประชุม เพื่อให้สภาฯเดินหน้าต่อไปได้ เพราะการไปปิดสนามบินเป็นการทำลายชาติ วันนี้คนที่ต้องการได้อำนาจทางการเมืองอยู่นอกระบบ ขอฝากว่าเวรกรรมจะเกิดขึ้น และคนพวกนี้จะไม่มีโอกาสได้เป็นรัฐบาลแน่ จะเป็นได้แค่ฝ่ายที่อยู่นอกระบบเท่านั้น
ทั้งนี้นายชัย ชี้แจงว่า ที่ตนนำเรื่องนี้หารือเพราะมีหลายฝ่ายถามว่าทำไมไม่ย้ายไปประชุมสถานที่อื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่รู้กฎหมาย จึงมาขอปรึกษาเพื่อช่วยกันพิจารณา หากสมมุติว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น เราจะย้ายไปประชุมสถานที่อื่นเหมือนรัฐบาลไม่ได้ เพราะมีกฎหมายบังคับไว้ ตนจึงมาขอหารือ เพื่อรองรับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีมติในเรื่องนี้แต่อย่างใด จากนั้นนายชัย ได้เข้าสู่วาระการประชุม โดยมีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ...ซึ่งมีทั้งสิ้น 4 ฉบับ ที่สมาชิกได้อภิปรายกันไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงได้มีการนับองค์ประชุม ก่อนที่จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา แต่ปรากฏว่า มี ส.ส.ในห้องประชุมเพียง 172 คนถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ทำให้นายชัย ถึงกับอึ้ง และพยายามขอร้องให้ฝ่ายค้านให้ความร่วมมือ แต่ก็ถูกส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การพูดเช่นนี้ทำให้ฝ่ายค้านเสียหาย เพราะเรื่ององค์ประชุมเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล ดังนั้นนายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.พรรคพลังประชาชน จึงเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ หลังจากใช้เวลาร่วมชั่วโมง ที่สุดก็ครบองค์ประชุมจำนวน 257 คน จากนั้นที่ประชุมได้มีมติ ตั้งคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงาน สาเหตุที่ทำให้องค์ประชุมในครั้งแรกไม่ครบ เนื่องจากตลอดวันมีกระแสข่าวลือว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมหน้าบริเวณรัฐสภาอีกครั้ง จึงทำให้บรรดา ข้าราชการ และส.ส. ที่เดินทางมาแต่เช้า รีบรุดกลับบ้าน แต่เมื่อวิปรัฐบาลได้พยายามติดต่อให้ ส.ส.มานับองค์ประชุม ต่างก็ทยอยเข้ามากันอย่างเร่งรีบ
**ปิดสมัยประชุมสภา 29 พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ ในวันที่ 1 ส.ค.51 นั้น บัดนี้จะสิ้นกำหนดสมัยประชุมในวันที่ 28 พ.ย.51 จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 127 มาตรา 128 และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมนิติบัญญัติตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 51 โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
