ที่ประชุม กมธ.งบประมาณรายจังหวัด ซัดกันเละถึงคิวพิจารณาจังหวัดอุดรฯ สมาชิกเสนอตัดงบ 13 ล้านบาทในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยยกเหตุการณ์ม็อบถ่อยรุมทำร้ายพันธมิตรฯ ด้าน ส.ส.อุดรฯ แสดงความกร่างป้ายสีเหยื่ออันธพาลยั่วยุ เห็นคนเจ็บเป็นเรื่องธรรมดา ระบุไม่ตีให้ตายก็บุญแล้ว แสดงอำนาจบาตรใหญ่ขู่ 5 แกนนำพันธมิตรฯ เข้าเมืองอุดรจะจับฆ่าให้หมด
วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 โดยมี นายวิทยา บูรณศิริ รองประธาน กมธ.ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งมีการพิจารณางบประมาณจำแนกตามจังหวัด 75 จังหวัดวงเงิน 18,000,000 บาท ถือเป็นครั้งแรกที่มีการแยกส่วนงบประมาณรายจังหวัดออกจากงบประมาณของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 หมวด 8 ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ เมื่อมีการพิจารณางบประมาณในกลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน 1 ประกอบด้วย จังหวัดอุดรธานี หนองคาย เลย และหนองบัวลำภู
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงเหตุการณ์การรุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ว่า อยากถามผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีว่า หลังจากเหตุการณ์คนไทยลุกขึ้นมาฆ่ากัน จนถึงวันนี้ผู้ว่าฯ ยังนอนหลับดีอยู่หรือไม่ และอยากให้ผู้ว่าฯ ช่วยอธิบายให้ฟังว่าทำไมจึงมีเหตุการณ์คนไทยลุกขึ้นมาฆ่ากันเอง รวมทั้งคนที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสที่ไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลขอนแก่นก็ยังถูกคุกคาม มันเกิดอะไรขึ้น และขณะนี้ได้ตั้งข้อหาใครและดำเนินคดีต่อใครบ้าง อยากให้รายงานให้ทราบว่ามีคนเจ็บกี่คน มีคนตายหรือไม่
ระหว่างนั้น นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน ได้สวนขึ้นทันทีว่า เรื่องม็อบชนม็อบที่อุดรฯ เข้าใจว่าคนที่เข้าไปชุมนุมนั้นไปด่าคนอุดรฯ ด้วยถ้อยคำหยาบคายจนทำให้เกิดเรื่อง การเข้าไปก่อกวนแบบนั้นไม่ตีให้ตายก็บุญแล้ว เพราะตอนนี้ทราบว่าคนที่อยู่ห้องไอซียูเป็นคนจังหวัดตรัง และ จ.นนทบุรีทั้งสิ้น
จากนั้น นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์นั้นถือเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ไม่คิดว่าการที่ผู้ว่าฯ เสนอแผนงานเข้ามาและปรากฏตามเอกสารประกอบการพิจารณางบประมาณในข้อ 7 เรื่องงบประมาณการสร้างความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินวงเงิน 13 ล้านบาทนั้นตนจึงขอตัด เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่ก็ไม่เชื่อว่า จ.อุดรธานี จะรักษาความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินให้ประชาชนได้
จากนั้น นายวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ได้รับมอบหมายจากนายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวชี้แจงว่า ตนได้รับมอบหมายจากผู้ว่าฯ ให้มาชี้แจงเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับงบประมาณเท่านั้น แต่ไม่ได้รับมอบอำนาจให้ตอบคำถามเรื่องม็อบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อรองผู้ว่าฯ ชี้แจงเสร็จทำให้บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียดขึ้นมาทันที โดย กมธ.ในซีกฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างรุมวิจารณ์การตอบคำถามของรองผู้ว่าฯ ว่าไม่เหมาะสม เพราะการที่ผู้ว่าฯ มอบหมายให้มาชี้แจงก็ต้องตอบได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่เลือกตอบเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ กมธ.จากพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกับกล่าวว่า “ถ้าชี้แจงไม่ได้ ก็ขอให้ผู้ว่าฯ มาชี้แจงเรื่องม็อบด้วยตัวเอง จะมาวันไหนก็ได้ เพราะ กมธ.ต้องประชุมอีกหลายวัน”
ขณะที่ นายบุญยอด กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การใช้งบประมาณที่จังหวัดอุดรธานีเสนอมามีหลายด้าน รวมถึงด้านสังคม หากทางจังหวัดนำงบประมาณ 166 ล้านบาท มามุ่งก่อสร้างถนนแล้วไม่สนใจด้านสังคมตนก็ขอเสนอตัดงบส่วนนี้ ไม่ต้องมีงบประมาณเลยดีกว่า ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน เพราะการที่คนลุกขึ้นมาฆ่าฟันกันทำให้เสียชื่อจังหวัดอุดรธานี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายวิเชียรได้ทักท้วงขึ้นทันทีว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ม็อบชนม็อบ และอยากให้นายบุญยอดชี้แจงว่าใครฆ่าใคร และขอให้ถอนคำพูด ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคพลังประชาชน กล่าวเสริมอย่างมีอารมณ์ โดยพูดด้วยเสียงอันดังพร้อมกับชี้มือไปที่ประธานในที่ประชุมด้วยว่า ขอให้ประธานทำหน้าที่ให้นายบุญยอดถอนคำพูดด้วย เพราะถือเป็นคำพูดไม่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นตนไม่ยอมให้ประชุมต่อ เป็นเหตุให้นายวิทยา ได้กล่าวขอร้องให้นายบุญยอดถอนคำพูด ทำให้นายบุญยอดยอมถอน โดยขอใช้คำว่าเป็นการรุมทำร้าย จากนั้นประธานจึงสั่งพักประชุมและรับประทานอาหารกลางวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังออกจากประชุมเพื่อรับประทานอาหาร นายวิเชียรได้กล่าวกับเพื่อน กมธ.ว่า “ถ้าแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ 5 คน ไปอุดรฯ จะให้จับฆ่าให้หมดเลย”
