เดอะมอลล์ปรับแผนการลดราคา หั่นจำนวนวันลดลง จาก 300 วัน เหลือแค่ 180 วันในปีนี้ ล่าสุดจัดงาน "Bangkok World Watch” คาดทำยอดขายได้ 200 ล้านบาท คุยทั้งปีกลุ่มนาฬิกาโกยยอด 1,200 ล้านบาท
นายสฤษดิพงษ์ รัตนาพต ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายบริหารสินค้า A1 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มสินค้าA1 ของสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,700 ล้านบาท โดยมียอดรายได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 100-200 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดทุกเดือนเพื่อเป็นการสร้างอารมณ์การจับจ่ายให้แก่ลูกค้า และคาดว่าสิ้นปี 2551 ภาพรวมของทางบริษัทฯจะมีรายได้ 4,500 ล้านบาท
"ในอดีตมองว่าการลดราคาสามารถสร้างยอดขายได้ เนื่องจากมีการซื้อในจำนวนมากที่อาจทำให้กำไรลดลงแต่จะทำให้การซื้อมากขึ้น เมื่อซื้อในปริมาณที่มากขึ้นก็สามารถทำให้ยอดรายได้เพิ่มตามด้วย การสร้างยอดขายปกติ เเต่มีการสร้างกิจกรรมแบบผสมผสาน ก็สามารถสร้างยอดขายได้"
ทั้งนี้ทางบริษัทฯมีแผนที่จะลดจำนวนวันของการลดราคาจากเดิม 300 กว่าวันให้เหลือเพียง 200 กว่าวัน สำหรับในปีนี้เหลือเพียง 180 วัน แต่มีการเพิ่มเติมในส่วนอื่นแทน เช่น การนำสินค้าใหม่มานำเสนอ การปรับปรุงแผนกขายสินค้าในห้าง การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อการสร้างอารมณ์และความชัดเจนของสินค้าให้แก่ลูกค้า
ล่าสุดจัดงาน "Bangkok World Watch ครั้งที่8 " ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 27 พ.ย. - 15 ธ.ค. 2551 ที่เดอะมอลล์บางกะปิและแผนกสินค้าพิเศษเอ็มโพเรียม พารากอน และเดอะมอลล์ทุกสาขา คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานหมุนเวียนรวมกว่า 100,000 คน ตลอดการจัดงาน 19 วัน รวมทั้งการจัดงานครั้งนี้จะสามารถสร้างยอดขายมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้ทั้งหมดเฉพาะแผนกสินค้าพิเศษนาฬิกา เดอะมอลล์ กรุ๊ป
นายสฤษดิพงษ์ กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าว มีส่วนช่วยกระตุ้นธุรกิจนาฬิกาในภาพรวม รวมทั้งมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับพฤติกรรมของการซื้อของคนไทยโดยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น 12% และยังมีโอกาสในการทำตลาดอีกมาก เนื่องจากโดยเฉลี่ยคนไทยส่วนใหญ่มีนาฬิกา 1-2 เรือนต่อคนและเป็นสมบัติที่ใช้ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นทางบริษัทฯต้องการกระตุ้นตลาดนาฬิกาในเมืองไทย โดยมีการให้ข้อมูลนาฬิกาที่ถูกต้อง
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของแผนกสินค้าพิเศษนาฬิกา เดอะมอลล์ กรุ๊ป แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ทำงาน อายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป โดยกลุ่มนี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ โดยเฉลี่ยการซื้ออยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท และกลุ่มแฟชั่น อายุ 18- 35 ปี เฉลี่ยการซื้ออยู่ที่ประมาณ 8,000 บาท
อย่างไรก็ตามผลการประกอบการของแผนกสินค้าพิเศษนาฬิกา เดอะมอลล์ กรุ๊ป ภายใน 10เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทเติบโต 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นยอดขายที่โตกว่าเป้าที่วางไว้แต่เดิมเพียง 6 % และคาดว่าสิ้นปี 2551 แผนกสินค้าพิเศษนาฬิกา เดอะมอลล์ กรุ๊ป จะมีรายได้ที่ 1,200 ล้านบาท เนื่องมาจากเรื่องของราคาที่สูงขึ้นแต่มีการขายน้อย เพราะนาฬิกาส่วนใหญ่จะมีการเติมเเต่งเรื่องของอัญมณีเพื่อให้ราคาสูงขึ้น รวมทั้งเรื่องของการเปิดตลาดใหม่อย่างการตรวจสอบตลาดจากการจัดงานSaleที่นครราชสีมาที่ประสบความสำเร็จมียอดขายถึง 20 ล้านบาท
นายสฤษดิพงษ์ รัตนาพต ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายบริหารสินค้า A1 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มสินค้าA1 ของสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,700 ล้านบาท โดยมียอดรายได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 100-200 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดทุกเดือนเพื่อเป็นการสร้างอารมณ์การจับจ่ายให้แก่ลูกค้า และคาดว่าสิ้นปี 2551 ภาพรวมของทางบริษัทฯจะมีรายได้ 4,500 ล้านบาท
"ในอดีตมองว่าการลดราคาสามารถสร้างยอดขายได้ เนื่องจากมีการซื้อในจำนวนมากที่อาจทำให้กำไรลดลงแต่จะทำให้การซื้อมากขึ้น เมื่อซื้อในปริมาณที่มากขึ้นก็สามารถทำให้ยอดรายได้เพิ่มตามด้วย การสร้างยอดขายปกติ เเต่มีการสร้างกิจกรรมแบบผสมผสาน ก็สามารถสร้างยอดขายได้"
ทั้งนี้ทางบริษัทฯมีแผนที่จะลดจำนวนวันของการลดราคาจากเดิม 300 กว่าวันให้เหลือเพียง 200 กว่าวัน สำหรับในปีนี้เหลือเพียง 180 วัน แต่มีการเพิ่มเติมในส่วนอื่นแทน เช่น การนำสินค้าใหม่มานำเสนอ การปรับปรุงแผนกขายสินค้าในห้าง การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อการสร้างอารมณ์และความชัดเจนของสินค้าให้แก่ลูกค้า
ล่าสุดจัดงาน "Bangkok World Watch ครั้งที่8 " ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 27 พ.ย. - 15 ธ.ค. 2551 ที่เดอะมอลล์บางกะปิและแผนกสินค้าพิเศษเอ็มโพเรียม พารากอน และเดอะมอลล์ทุกสาขา คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานหมุนเวียนรวมกว่า 100,000 คน ตลอดการจัดงาน 19 วัน รวมทั้งการจัดงานครั้งนี้จะสามารถสร้างยอดขายมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้ทั้งหมดเฉพาะแผนกสินค้าพิเศษนาฬิกา เดอะมอลล์ กรุ๊ป
นายสฤษดิพงษ์ กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าว มีส่วนช่วยกระตุ้นธุรกิจนาฬิกาในภาพรวม รวมทั้งมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับพฤติกรรมของการซื้อของคนไทยโดยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น 12% และยังมีโอกาสในการทำตลาดอีกมาก เนื่องจากโดยเฉลี่ยคนไทยส่วนใหญ่มีนาฬิกา 1-2 เรือนต่อคนและเป็นสมบัติที่ใช้ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นทางบริษัทฯต้องการกระตุ้นตลาดนาฬิกาในเมืองไทย โดยมีการให้ข้อมูลนาฬิกาที่ถูกต้อง
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของแผนกสินค้าพิเศษนาฬิกา เดอะมอลล์ กรุ๊ป แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ทำงาน อายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป โดยกลุ่มนี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ โดยเฉลี่ยการซื้ออยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท และกลุ่มแฟชั่น อายุ 18- 35 ปี เฉลี่ยการซื้ออยู่ที่ประมาณ 8,000 บาท
อย่างไรก็ตามผลการประกอบการของแผนกสินค้าพิเศษนาฬิกา เดอะมอลล์ กรุ๊ป ภายใน 10เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทเติบโต 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นยอดขายที่โตกว่าเป้าที่วางไว้แต่เดิมเพียง 6 % และคาดว่าสิ้นปี 2551 แผนกสินค้าพิเศษนาฬิกา เดอะมอลล์ กรุ๊ป จะมีรายได้ที่ 1,200 ล้านบาท เนื่องมาจากเรื่องของราคาที่สูงขึ้นแต่มีการขายน้อย เพราะนาฬิกาส่วนใหญ่จะมีการเติมเเต่งเรื่องของอัญมณีเพื่อให้ราคาสูงขึ้น รวมทั้งเรื่องของการเปิดตลาดใหม่อย่างการตรวจสอบตลาดจากการจัดงานSaleที่นครราชสีมาที่ประสบความสำเร็จมียอดขายถึง 20 ล้านบาท