xs
xsm
sm
md
lg

แก๊งถ่อยอุดรหมิ่นเบื้องสูง พ่นสีพระบรมฉายาลักษณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฉแก๊งป่วนชาติสุดถ่อย! บังอาจหมิ่นเบื้องสูง พ่นสีสเปรย์บนพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กลางเมืองอุดรฯ พร้อมพ่นข้อความหยาบโจมตีพันธมิตรฯ เทศบาลใบ้กิน ขอตรวจสอบข้อมูล พันธมิตรฯเตรียมยกระดับเคลื่อนไหวขั้นสูงสุด คัดค้านรัฐบาล "สมชาย" แก้ไขรัฐธรรมนูญ เมิน"แม้ว"หย่าเมียแค่สร้างภาพ ชี้เป็นแค่เกมการเคลื่อนไหวเพื่อโต้กลับทางการเมืองเฮือกสุดท้ายก่อนตายของ"ทักษิณ" อัยการให้ความเป็นธรรม "9แกนนำพันธมิตรฯ" สอบพยานเพิ่มตามที่ผู้ต้องหาร้องขอ นัดสั่งคดี 21 ม.ค.52 เหตุสอบพยานยังไม่เสร็จสิ้น

เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.ของวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดอุดรธานีว่า ที่บริเวณสี่แยกหนองสำโรง พบพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถูกพ่นด้วยสีสเปรย์ และมีข้อความว่า "ม็อบโกเต็ก"
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงพบพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถูกพ่นด้วยสีสเปรย์จริง จากนั้นในเวลาประมาณ 08.30 น.ได้มีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองหนองสำโรง มาทำการปลดป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถออก
เมื่อสอบถามนางสาวกัญญณัช กาญจนะ ปลัดเทศบาลหนองสำโรง กล่าวว่า ตนไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้แต่อย่างใด ตนก็แปลกใจเช่นกันว่าทำไม รูปพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถหายไป แต่ตนคิดว่าใกล้จะวันที่ 5 ธันวาคมแล้ว ทางเทศบาลหนองหนองสำโรงอาจจะเปลี่ยนรูปพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่ เป็นรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แทน ในเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ขอยืนยันว่าตนไม่ทราบจริงๆ ต้องสอบถามข้อเท็จจริงจากหลายๆ ฝ่ายเสียก่อน
อนึ่ง ภายหลังเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ที่รัฐบาลได้สั่งให้ตำรวจใช้ความรุนแรงเพื่อดำเนินการล้อมปราบกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณหน้ารัฐสภา อันส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายชื่อ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และพ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 400 คน ก็ปรากฎว่า มีความพยายามหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคพลังประชาชน รวมถึงในเว็บไซต์ ทว่าถึงปัจจุบันการดำเนินการจัดการของรัฐบาล ก็เป็นไปอย่างล่าช้า
ค่ำวันเดียวกัน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีในทำเนียบรัฐบาลถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอยู่ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ความเคลื่อนไหวของ นปช. ที่มีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ และนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นแกนนำ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่า เป็นการกระทำที่ต่ำทรามอย่างมาก
นอกจากนี้ นายสนธิ ยังกล่าวเรียกร้องให้ประชาชนออกมาแบ่งข้างให้เกิดความชัดเจนไปเลยว่า ถ้าใครต้องการราชบัลลังก์ ก็ให้มายืนทางนี้ (พันธมิตรฯ) แต่ถ้าใครไม่ต้องการราชบัลลังก์ ก็ให้ไปยื่นทางโน้น พร้อมกับกล่าวถึงกรณีคลิปฉาว (เฉาฉุ่ย) ด้วยว่า เป็นฝีมือของ นปช. แต่ความจริงแล้วสาวเสื้อแดงที่ตนโอบนั้น บุตรสาวของ "ปรีดา พัฒนถาบุตร" ครอบครัวที่ตนรู้จักมานานแล้วและเป็นผู้มีพระคุณของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย

**ลั่นแก้ รธน.เมื่อใดเป่านกหวีดทันที
เช้าวันเดี่ยวกัน ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ได้รับมอบหมายจากแกนนำพันธมิตรฯ ให้แถลงข่าวแทน เนื่องจากแกนนำต้องไปฟังคำสั่งศาลตามนัดในข้อกล่าวหาปลุกระดมและยั่วยุประชาชนให้ล้มล้างรัฐบาล
โดยนายปานเทพ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญในสัปดาห์หน้าเพื่อตั้ง ส.ส.ร.3 ว่า หากรัฐบาลยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อใด ทางพันธมิตรฯก็จะเคลื่อนไหวทันที โดยจะต่อต้านทุกรูปแบบและจนถึงที่สุด โดยจะยกระดับการเคลื่อนไหวกดดันให้รัฐบาลลาออกทั้งคณะโดยเร็ว แต่ขณะนี้ต้องรอความชัดเจนก่อนว่า รัฐบาลจะยื่นร่างแก้ไขแน่นอนหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ยังมีเสียงสนับสนุนไม่ครบทั้ง 6 พรรคร่วมรัฐบาล เพราะบางพรรคก็ไม่แน่ใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ หรือประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมืองกันแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีความพยายามที่จะล้มล้างสถาบันองคมนตรี แก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง คือ ไม่ให้ถูกยุบพรรค และช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัว
"หากรัฐบาลมีท่าทีที่ชัดเจนว่าจะยื่นเมื่อไรแน่ แกนนำก็จะประชุมเพื่อยกระดับการเคลื่อนไหวคัดค้านขั้นสูงสุดทันที" นายปานเทพ กล่าว

**แฉ"แม้ว"ฮึดสู้เพราะหมดสภาพแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ออกมาอย่างชัดเจนและจะมีความรุนแรงมากขึ้น โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯประเมินว่าท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หันมาเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงมากขึ้นภายในประเทศ เพราะว่าการเคลื่อนไหวในเวทีสากลของ พ.ต.ท.ทักษิณ หมดรูปแล้ว คือไม่ได้รับความชอบธรรมจากนานาประเทศ จนประเทศอังกฤษยกเลิกวีซ่า แม้กระทั่งประเทศนั้น ประเทศนี้ที่บอกจะให้การรับรอง ก็เป็นเพียงการเต้าข่าวของทีมงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น จนทำให้ในเวทีโลกหมดความเชื่อถือ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงหันมาใช้รัฐบาลและเครื่องมือต่างๆ รวมทั้งลิ่วล้อทั้งหมด ดำเนินการเพื่อล้างแค้น ด้วยความอาฆาตพยาบาท
"ทางเราก็ยังประเมินไม่ได้ว่าจะล้างแค้นใครบ้าง แต่เรามองว่าคุณทักษิณ เป็นเพียงเกมการเมืองเท่านั้นไม่ได้มีความสำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลื่ยนแปลงทางการเมือง และเป็นท่าทีของคนที่ใกล้ตายแล้วต้องดิ้นสู้จนเฮือกสุดท้าย เพราะยอมกระทั่งหย่ากับเมีย เพื่อมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่หย่ากันก็คงเป็นเพียงการแยกกันต่อสู้ทางการเมืองมากกว่าเรื่องเหตุผลส่วนตัว โดยคุณทักษิณ เป็นผู้บงการอยู่นอกประเทศ ส่วนคุณหญิงพจมาน ก็เข้ามาบงการภายในประเทศ" โฆษกพันธมิตรฯ กล่าว
ส่วนสถานการทางการเมืองต่อไปนี้จะรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นทำลายล้างกันระหว่างคนไทยด้วยกันเองหรือไม่นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯประเมินว่า ขึ้นอยู่กับ 3 สถาบันหลัก คือ ตุลาการ รัฐบาล และรัฐสภา ถ้ารัฐบาล ยกเลิกหนังสือเดินทางทุกเล่มรวมทั้งเล่มแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ และนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมโดยความเห็นชอบของสภา เหตุการณ์ทุกอย่างก็จะนำไปสู่ความเรียบร้อย แต่ถ้ารัฐบาลทำตรงกันข้าม โดยการดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยังปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดี เข้ามาสร้างความเสียหายให้กับคนไทย 60 ล้านคน เหตุการณ์ความรุนแรงก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

**เมินให้ความสำคัญ "แม้ว" โฟนอิน
นายปานเทพ กล่าวถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะมีขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ว่า ตนไม่ได้ให้ความสนใจอะไร มองว่าเป็นแค่เกมการเมืองและไม่จำเป็นที่ทางพันธมิตรฯจะต้องเตรียมรับมือใดๆ เพราะการชุมนุมในทำเนียบฯเป็นทำเลที่เหมาะสม และเป็นที่ปลอดภัยของผู้ชุมนุมมากที่สุดแล้ว ซึ่งเป้าหมายของพันธมิตรฯยังมีความมั่นคงที่จะขับไล่รัฐบาลให้ได้ และคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ถึงที่สุด

**ท้าแม้วแน่จริงมาสู้คดีในไทย
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช้สิทธิ์อุทธรณ์ในคดีที่ดินรัชดาฯว่า ที่ไม่อุทธรณ์ก็เนื่องมาจากไม่มีพยานหลักฐานใหม่ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคดีได้ และแทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเคารพกฎหมายกลับใช้วิธีการน่ารังเกียจโดยจัดชุมนุมและโฟนอิน เพื่อปลุกระดมแก้ข้อกล่าวหาของตัวเอง ซึ่งเป็นการจงใจละเมิดอำนาจศาล จึอยากเรียกร้องฝ่ายตุลาการให้มาตรวจสอบ เพราะหากปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้กระบวนการยุติธรรมก็จะถูกตั้งข้อสงสัยแล้วบ้านเมืองก็จะไม่มีหลัก พ.ต.ท.ทักษิณ สู้ได้แต่ต้องสู้ในกติกา
นายสุริยะใส กล่าวว่า เราก็เห็นกันมาตลอดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยหยุดสู้และการสู้ครั้งนี้จะเป็นการสู้ครั้งสุดท้ายหรือไม่ตนไม่ทราบแต่ตนอยากฝากบอกว่าตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวไม่เท่าไหร่ แต่ที่มีปัญหาเพราะมีบริวารเป็นพิษ ชีวิตที่ลุ่มๆดอนๆ และครอบครัวที่ต้องมารับเคราะห์กรรมก็เกิดจากจากบริวารเป็นพิษ ซึ่งทุกวันนี้ต่างก็เสพสุขกัน ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณสรุปบทเรียนนี้ หรือไม่ก็ไปอ่านหนังสือเรื่อง "ตัวกู ของกู" ของท่านพุทธทาสภิกขุ เพราะหากยังทำเช่นนี้ไม่ใช่แค่สุดท้ายจะไม่มีแผ่นดินอยู่แต่อาจจะถูกธรณีสูบ
นายสุริยัใส กล่าวถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พันธมิตรฯ ยืนยันที่จะคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ทางรัฐบาลก็ยืนยันจะแก้โดยอ้างว่าจะนิรโทษกรรมให้ทุกคนที่โดนคดี แต่เป้าหมายจริงๆแล้วคือ ต้องการฟอกผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน พันธมิตรฯ ยืนยันที่จะใช้สิทธิต่อสู้ในทางศาลและไม่มีความจำเป็นที่ต้องออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ หากนายกรัฐมนตรีมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการสร้างความสมานฉันท์ท่านก็สามารถยื่นญัตติเข้าสภาได้ แต่เรามองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นระเบิดเวลา ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนายกฯ ต้องดันทุรัง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รายการความจริงวันนี้จะให้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินจากสหรัฐอเมริกา นายสุริยะใส กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบทันทีที่นายสมัคร ไปถึงโรงพยาบาลที่สหรัฐอเมริกาก็ช็อกทันที อาการท่านไม่ค่อยดี เรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นการปล่อยข่าวมากกว่า พิธีกรรายการความจริงวันนี้ก็ควรเพลาๆลงเถอะอย่าไปเชิญคนที่ป่วยหนักออกมา คิดแผนอื่นเถอะ เพราะเราก็พร้อมอโหสิให้

**เลื่อนสั่งคดี 9 พันธมิตรฯ 21 ม.ค.52
วันเดียวกันที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ในเวลา 10.00 น. นายจำรัส อัตถสุริยานันท์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 นัดสั่งคดีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานฯ, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมฯ เป็นผู้ต้องหาที่ 1-9 รวม 3 ข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล
โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินตามประมวลกฎหมายอาญา 116 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก มาตรา 215 และ 216 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อถึงเวลานัด นายสนธิ, นายพิภพ, นายสมศักดิ์, นายสมเกียรติ แกนนำพันธมิตรฯ, นายสุริยะใส ผู้ประสานงานฯ, นายอมร และนายเทิดภูมิ แนวร่วมพันธมิตรฯ ผู้ต้องหาที่ 2-6, 8-9 ทยอยเดินทางมารายงานตัว แต่อัยการยังไม่สามารถสั่งคดีได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบพยานเพิ่มเติมตามที่ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม จึงเลื่อนการสั่งคดีออกไป เป็นวันที่ 21 ม.ค.2552 เวลา 10.00 น. ทั้งนี้ ในส่วน พล.ต.จำลอง และนายไชยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 และ 7 ไม่ต้องเดินทางมารายงานตัวเนื่องจากได้รับการประกันตัวในชั้นศาลแล้วหลังจากที่ถูกจับกุมตามหมายจับ
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวว่า แกนนำมารายงานตัวทั้งหมด 7 คน ยกเว้น พล.ต.จำลอง และนายไชยวัฒน์ ที่ก่อนหน้านี้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามหมายจับและต่อมาศาลอาญามีคำสั่งให้ประกันตัวในชั้นฝากขัง ซึ่ง พล.ต.จำลอง จะครบกำหนดฝากขังผลัดสุดท้ายวันที่ 24 พ.ย. ส่วนนายไชยวัฒน์ จะครบกำหนดวันที่ 21 พ.ย.นี้ ทั้งนี้ หากพ้นกำหนดฝากขังแล้วอัยการยังไม่สามารถสั่งคดีได้ ทั้งสองจะถือว่าเป็นอิสระ ไม่ได้อยู่ในอำนาจการควบคุมชั้นฝากขัง ซึ่งหากอัยการสามารถมีคำสั่งคดีนี้ได้ในวันที่ 21 ม.ค. ตามที่นัดไว้ จึงจะพาทั้งสองคนมารายงานต่ออัยการพร้อมกับแกนนำพันธมิตรฯ
ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความกล่าวว่า สำหรับพยานที่ผู้ต้องหาจะนำเสนอต่ออัยการตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ยื่นนั้น มีประมาณ 20 ปาก ประกอบด้วยกลุ่มผู้ชุมนุม นักวิชาการ นักปกครองและนักกฎหมาย ส่วนพยานเอกสารที่จะรวบรวมนำเสนอนั้นประกอบด้วยแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ บันทึกกิจกรรมการชุมนุม ผลคำสั่งและคำพิพากษาคดีในศาลต่างๆ เช่น คดีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งเกี่ยวกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ คำร้องคดีที่มีการยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งจะเป็นเครื่องชี้ให้เห็นเจตนาในการชุมนุมของพันธมิตรฯโดยรายละเอียดพยานบุคคลและพยานเอกสารฝ่ายผู้ต้องหาจะรวบรวมและเสนออัยการพิจารณาให้ทันก่อนวันนัดสั่งคดีที่ 21 ม.ค.52

**82 นักรบศรีวิชัยปฏิเสธข้อกล่าวหา
ส่วนที่ศาลอาญา เวลา 09.00 น. ศาลนัดรายงานตัวและสอบคำให้การจำเลยในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายธเนศร์ คำชุม กับพวกรวม 82 คน กลุ่มนักรบศรีวิชัย การ์ดพันธมิตรฯเป็นจำเลยที่ 1-82 ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ร่วมกันไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไปหรือซ่อนตัวในเคหสถานหรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด
โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 92, 210, 215, 309, 358, 364, 365 และ 371 พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2545 และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2535 กรณีที่จำเลยทั้งหมดร่วมกันบุกรุกสถานีโทรทัศน์ NBT เมื่อวันที่ 26 ส.ค.51 ที่ผ่านมา
ต่อมาศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้ง 82 คนฟังแล้ว ทั้งหมดให้การปฏิเสธ ศาลจึงนัดแถลงเปิดคดีในวันที่ 19 ม.ค.52 เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่การ์ดพันธมิตรฯ มารายงานตัวบริเวณใต้ถุนศาลอาญานั้นนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ, นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความได้เดินทางมาให้กำลังใจ และดูแลเรื่องคดีความด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น