“สนธิ” สุดทนกระบวนการหมิ่นเบื้องสูงเหิมหนัก พ่นสีพระบรมฉายาลักษณ์ฯ กลางเมืองอุดร เขตอิทธิพล “ระบอบทักษิณ-นปก.” เปิดโปง “เสถียร จันทิมาธร” คอลัมนิสต์องครักษ์พิทักษ์ “แม้ว” ความคิดอันตรายต่อสถาบัน เย้ยคลิปเฉาฉุ่ย นปก.ทำนายตัวเองเป็นคนเนรคุณ ท้า “สมชาย” เปิดชื่อสาวในคลิป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (18 พ.ย.) เมื่อเวลา 20.20 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเริ่มต้นด้วยการแก้ไขข้อมูลที่เคยบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปอาศัยพึ่งพา คือ ชีค จากดูไบ แท้ที่จริงแล้วเป็นชีคกระจอกๆ คนหนึ่งจากอาบูดาบี ซึ่งล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ไปซื้อที่พักอาศัยมูลค่าราว 800 ล้านบาท บนเกาะที่เรียกว่าเดอะปาล์มไว้เรียบร้อยแล้ว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตนกำลังจะเสนอต่อที่ประชุมแกนนำพันธมิตรฯ ว่าจะทำหนังสือประท้วงไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้เป็นสถานที่เคลื่อนไหวทางการเมืองและไม่ให้โฟนอินเข้ามาป่วนในประเทศไทย
จากนั้น นายสนธิได้เปิดคลิปวิดีโอที่ทางกลุ่ม นปก.ทำขึ้นเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเอง โดยที่มีการระบุว่า “คลิปฉาว” กับสาวเสื้อแดง โดยนายสนธิอธิบายว่า ผู้หญิงสองคนที่เห็นในภาพ คนที่ใส่เสื้อสีแดงเป็นชื่อ “ปู” น.ส.พัฒนาวดี พัฒนถาบุตร ส่วนอีกคนเป็นพี่สาว ชื่อ เก๋ ซึ่งทั้งคู่เป็นลูกสาวของ นายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งตนเองสนิทสนมและนับถือกันมาก และตนรู้จักกับ นายปรีดา มานานมาก ตั้งแต่ก่อนที่จะเป็นรัฐมนตรีเสียอีก และนายปรีดา ก็คือ ผู้ที่มีพระคุณทางการเมือง และเป็นคนที่ชักนำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่วงการเมือง โดย พ.ต.ท.ทักษิณเคยเป็นตำรวจติดตามมาก่อน แต่ในระยะหลัง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้สนใจนายปรีดาเลย
นายสนธิ กล่าวว่า นายปรีดามีลูกสาว 3 คน นอกจากสองคนที่เห็นภาพแล้วยังมีพี่สาวคนโตอีกคนซึ่งทั้งหมดมีประวัติการศึกษาและความประพฤติเรียบร้อยดีงาม และเล่าว่า ในวันเกิดเหตุคือ ในเดือนมกราคม 2551 โดยนัดกันไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารญี่ปุ่น โรงแรมปริ๊นเซสหลานหลวง เนื่องในโอกาสที่ลูกสาวของนายปรีดาจะเชิญไปงานแต่งงานของพี่สาวคนโต จากนั้นเมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ตนก็เดินไปส่งที่รถ โดยได้โอบไหล่พูดว่า “ให้ไปบอกคุณพ่อด้วยว่า อย่าไปเสียใจในเรื่องของคุณทักษิณเลย” โดย น.ส.พัฒนาวดี ได้กราบที่อกและพูดว่า “ขอบคุณ คุณอามาก คุณพ่อก็ฝากความคิดถึงมาถึงคุณอาเช่นกัน” ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของตนที่มักทำแบบนี้อยู่เสมอไม่ว่ากับใครก็ตาม
“ประเด็นเรื่องนี้ก็คือ คนที่แอบถ่าย คือ ลูกสาวของผู้มีพระคุณต่อนายมัน (พ.ต.ท.ทักษิณ) ดังนั้น เมื่อตัวเองเปิดเผยชื่อ และโรงแรมที่อยู่ในคลิปแล้ว ทำไม นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มีภาพอยู่ในคลิปที่พาหญิงสาวเข้าโรงแรมม่านรูด และไปซื้อตู้เย็นในเวลาราชการไม่ออกมาเปิดเผยบ้าง ดังนั้น คลิปนี้ไม่ใช่คลิปฉาว แต่เป็นคลิปเฉาฉุ่ย” นายสนธิ ระบุ
จากนั้น นายสนธิได้กล่าวถึงเรื่องที่มีผู้ที่นำเอาสีไปพ่นใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ อ.เมือง จังหวัดอุดรฯ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า อยากฝากบอกฝ่ายทหาร ว่า ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐรู้เห็นเป็นใจ จะทำไม่ได้ และตั้งข้อสังเกตว่า จังหวัดอุดรธานี เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปก.ที่มี นายขวัญชัย ไพรพนา นายธีรชัย แสนแก้ว คนของพรรคพลังประชาชน มีผู้บังคับการจังหวัดอุดรฯ มีผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ดูแล
นายสนธิ ย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมการล้มล้างราชบัลลังก์ โดยที่มีคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีอำนาจบางคนมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วย และถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ก็จะมีเป้าหมายในเรื่องเหล่านี้ด้วย ซึ่งขณะนี้กระบวนการในลักษณะนี้กำลังคืบคลานลงลึกไปเรื่อยๆ ไปทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ถ้าสังเกตจะเห็นว่าคดีหมิ่พระบรมเดชานุภาพที่มี นายวีระ มุสิกพงศ์ และ นายจักรภพ เพ็ญแข สองแกนนำ นปก.เป็นผู้ต้องหาคดีกลับไม่มีความคืบหน้า แต่ทีคดีของนักรบศรีวิชัยวันนี้มีการสั่งฟ้องแล้ว
นายสนธิ ยังได้เปิดโปงพฤติกรรมของ นายเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์ บรรณาธิการอำนวยการหนังสือพิมพ์ข่าวสด และคอลัมนิสต์ที่เขียนในหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์มติชนรายวันว่า ทำตัวเป็นองครักษ์ปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมทั้งย้อนอดีตความสัมพันธ์ระหว่างนายเสถียร กับนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปก.และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่เคยเข้าป่าด้วยกันหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 19
นายสนธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายเสถียรได้เขียนยกย่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ทำหน้าที่เสมือนการโฆษณาชวนเชื่อให้กับระบอบทักษิณ ขณะเดียวกัน จะโจมตีฝ่ายที่ที่คิดเห็นตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา และที่ผ่านมาเคยนำจดหมายที่จาบจ้วงสมเด็จพระสังฆราชจนเกิดความไม่พอใจให้สังคมทำให้หนังสือพิมพ์มติชนต้องลงโทษตัวเองปิดตัว 3 วัน แล้วตั้งกรรมการสอบสวนนายเสถียร แต่ปรากฏว่าไม่มีความผิด
นายสนธิ ได้ยกตัวอย่างรายงานในมติชนสุดสัปดาห์ ที่นายเสถียรดูแล เช่น ฉบับวันที่ 15 มิ.ย.50 ที่ลงเรื่องราวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในประเทศเนปาล โดยยกเอากรณีการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศนั้นมาเป็นกรณีศึกษา ซึ่งมีเจตนาชี้นำสังคมและโฆษณาชวนเชื่อ หรือก่อนหน้านั้น มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 มิ.ย.2549 ที่แก้ต่างเรื่องของปฏิญญาฟินแลนด์ ว่าแค่ไปเที่ยวไม่มีเรื่องการเมืองใดๆ
นายสนธิ กล่าวว่า บทบาทของนายเสถียร คือ พวกซ้ายเก่าที่อกหัก และยังเชื่อในอุดมการณ์สังคมนิยม ในเรื่องของความเท่าเทียมกันในสังคม ขณะที่ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปซื้อบ้าน ราคา 800 ล้านบาทที่ดูไบ และขณะเดียวกัน บรรดารากหญ้าก็รับเงินจากทักษิณคนละ 200 บาทเช่นเดิม
นายสนธิ ยังเปิดโปงอีกว่า นายเสถียรยังเขียนบทความโดยใช้นามปากกาอีกหลายชื่อเพื่อให้ดูว่ามีคนหลายคน แต่มีความเห็นไปในทำนองเดียวกัน เช่น ดวงตา วรรณศิลป์ ในมติชนสุดสัปดาห์ ที่เคยเขียนโจมตีว่ามีผู้มีอำนาจ หรือผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเป็นตัวบ่อนทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาล กล่าวหาว่าเข้ามาแทรกแซงการทำงาน ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้มติชนสุดสัปดาห์ยังลงปกใช้คำว่า “ปิศาจทักษิณ” เปรียบ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นพระเอกในนวนิยายเรื่อง “ปิศาจ” ของ เสนีย์ เสาวพงษ์ ซึ่งส่อนัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะตามหลอกหลอนชนชั้นสูงเรื่อยไป
“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการที่ออกแบบมาล่วงหน้า เพื่อสั่นคลอนสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง” นายสนธิ ระบุ
