ไฟแนนเชียลไทมส์ - พวกผู้บริหารระดับสูงของโกลด์แมนแซคส์จะไม่ได้รับโบนัสในปี 2008 หลังจากผู้บริหารระดับสูงสุด 7 รายปฏิเสธที่จะรับเงินตอบแทนพิเศษดังกล่าว นอกจากนั้น ความเคลื่อนไหวของโกลด์แมนแซคส์นี้ คาดว่าจะกดดันให้ธนาคารอื่น ๆต้องเดินตามไปด้วย
ความผันผวนปั่นป่วนอย่างรุนแรงของภาคการเงินในสหรัฐฯและทั่วโลกในปีนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ อย่างสาหัส แม้กระทั่งวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของวอลล์สตรีทอย่างโกลด์แมน ก็ต้องเปลี่ยนสถานะของตัวเองจากวาณิชธนกิจมาเป็นธนาคารพาณิชย์ เพื่อแลกกับเงินอัดฉีด 10,000 ล้านดอลลาร์ของทางการสหรัฐฯ เหล่านี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดทั้งในรัฐสภาและหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ ว่า สถาบันการเงินที่รับความช่วยเหลือจากทางการเช่นนี้ สมควรหรือที่ยังจะจ่ายเงินโบนัสแก่ผู้บริหาร
โกลด์แมนออกคำแถลงว่า คณะกรรมการชดเชยรายได้ของโกลด์แมนเมื่อวันอาทิตย์(16)ได้อนุมัติคำขอของบรรดาผู้บริหารระดับสูงอย่างเช่น ลอยด์ แบลงก์ไฟน์ ประธานและซีอีโอ ที่จะไม่ขอรับโบนัสในปี 2008 นี้
ผู้บริหารรายอื่น ๆที่ไม่ขอรับเงินรายได้พิเศษนี้ ยังประกอบด้วย จอน วิงเคิลรีด, แกรี่ โคห์น ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารร่วมของบริษัท , ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เดวิด วีเนียร์ รวมทั้งรองประธานสามคน คือไมเคิล อีแวนส์, ไมเคิล เชอร์วูด และจอห์น ไวน์เบิร์ก
โฆษกของโกลด์แมนกล่าวว่าผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้สมัครใจที่จะไม่รับโบนัส "เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำ และเราไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมที่กำลังมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันโดยตรงกับปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้"
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โกลด์แมนเคยสามารถทำผลกำไรอย่างมหาศาล ทำให้จ่ายโบนัสแก่พนักงานฝ่ายบริหารเป็นจำนวนสูงที่สุดในอุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อปีที่แล้ว แบลงก์ไฟน์ได้รับค่าตอบแทนสูงถึง 68.5 ล้านดอลลาร์ทั้งในรูปของเงินสดและหุ้น ส่วนโคห์นและวิงเคลรีดก็ได้รับโบนัสสูงถึง 67.5 ล้านดอลลาร์ วีเนียร์นั้นได้ 57.5 ล้านดอลลาร์ ส่วนรองประธานสามคนไม่มีการเปิดเผยรายได้พิเศษ
การตัดสินใจที่จะไม่รับโบนัสพนักงานระดับสูงของโกลด์แมนครั้งนี้ ก็เพราะธนาคารตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในเรื่องที่คำมั่นไว้ว่าจะไม่นำเอาเงินที่จะได้รับมาจากรัฐบาลมาจ่ายเป็นโบนัสด้วย แม้ว่าเงื่อนไขในการช่วยเหลือนั้น จะมิได้ห้ามธนาคารใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯทั้ง 9 แห่งที่ได้รับเม็ดเงินอัดฉีดรวมกัน 150,000 ล้านดอลลาร์ จ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้บรรดาผู้บริหารก็ตาม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหรัฐฯก็ออกมาเตือนธนาคารต่าง ๆว่า การให้ค่าตอบแทนต่าง ๆจะต้องไม่ขัดกับ "ผลประโยชน์ระยะยาวของธนาคาร"
สำหรับพนักงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ระดับบริหารนั้น โกลด์แมนบอกว่ายังจะให้โบนัสต่อไป แต่จะพิจารณาบนพื้นฐานของความสามารถในการทำงาน
ขณะที่ผู้สังเกตการณ์หลายๆ ฝ่ายเชื่อว่า จำนวนโบนัสที่จะจ่ายนี้น่าจะลดลงอย่างมาก ซึ่งก็เป็นไปตามผลประกอบการของบริษัทที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2008 ธนาคารจัดสรรเงิน 11,400 ล้านดอลลาร์สำหรับเป็นค่าตอบแทนและผลประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งน้อยกว่าปีก่อนหน้าถึงหนึ่งในสาม
ความผันผวนปั่นป่วนอย่างรุนแรงของภาคการเงินในสหรัฐฯและทั่วโลกในปีนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ อย่างสาหัส แม้กระทั่งวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของวอลล์สตรีทอย่างโกลด์แมน ก็ต้องเปลี่ยนสถานะของตัวเองจากวาณิชธนกิจมาเป็นธนาคารพาณิชย์ เพื่อแลกกับเงินอัดฉีด 10,000 ล้านดอลลาร์ของทางการสหรัฐฯ เหล่านี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดทั้งในรัฐสภาและหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ ว่า สถาบันการเงินที่รับความช่วยเหลือจากทางการเช่นนี้ สมควรหรือที่ยังจะจ่ายเงินโบนัสแก่ผู้บริหาร
โกลด์แมนออกคำแถลงว่า คณะกรรมการชดเชยรายได้ของโกลด์แมนเมื่อวันอาทิตย์(16)ได้อนุมัติคำขอของบรรดาผู้บริหารระดับสูงอย่างเช่น ลอยด์ แบลงก์ไฟน์ ประธานและซีอีโอ ที่จะไม่ขอรับโบนัสในปี 2008 นี้
ผู้บริหารรายอื่น ๆที่ไม่ขอรับเงินรายได้พิเศษนี้ ยังประกอบด้วย จอน วิงเคิลรีด, แกรี่ โคห์น ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารร่วมของบริษัท , ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เดวิด วีเนียร์ รวมทั้งรองประธานสามคน คือไมเคิล อีแวนส์, ไมเคิล เชอร์วูด และจอห์น ไวน์เบิร์ก
โฆษกของโกลด์แมนกล่าวว่าผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้สมัครใจที่จะไม่รับโบนัส "เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำ และเราไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมที่กำลังมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันโดยตรงกับปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้"
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โกลด์แมนเคยสามารถทำผลกำไรอย่างมหาศาล ทำให้จ่ายโบนัสแก่พนักงานฝ่ายบริหารเป็นจำนวนสูงที่สุดในอุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อปีที่แล้ว แบลงก์ไฟน์ได้รับค่าตอบแทนสูงถึง 68.5 ล้านดอลลาร์ทั้งในรูปของเงินสดและหุ้น ส่วนโคห์นและวิงเคลรีดก็ได้รับโบนัสสูงถึง 67.5 ล้านดอลลาร์ วีเนียร์นั้นได้ 57.5 ล้านดอลลาร์ ส่วนรองประธานสามคนไม่มีการเปิดเผยรายได้พิเศษ
การตัดสินใจที่จะไม่รับโบนัสพนักงานระดับสูงของโกลด์แมนครั้งนี้ ก็เพราะธนาคารตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในเรื่องที่คำมั่นไว้ว่าจะไม่นำเอาเงินที่จะได้รับมาจากรัฐบาลมาจ่ายเป็นโบนัสด้วย แม้ว่าเงื่อนไขในการช่วยเหลือนั้น จะมิได้ห้ามธนาคารใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯทั้ง 9 แห่งที่ได้รับเม็ดเงินอัดฉีดรวมกัน 150,000 ล้านดอลลาร์ จ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้บรรดาผู้บริหารก็ตาม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหรัฐฯก็ออกมาเตือนธนาคารต่าง ๆว่า การให้ค่าตอบแทนต่าง ๆจะต้องไม่ขัดกับ "ผลประโยชน์ระยะยาวของธนาคาร"
สำหรับพนักงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ระดับบริหารนั้น โกลด์แมนบอกว่ายังจะให้โบนัสต่อไป แต่จะพิจารณาบนพื้นฐานของความสามารถในการทำงาน
ขณะที่ผู้สังเกตการณ์หลายๆ ฝ่ายเชื่อว่า จำนวนโบนัสที่จะจ่ายนี้น่าจะลดลงอย่างมาก ซึ่งก็เป็นไปตามผลประกอบการของบริษัทที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2008 ธนาคารจัดสรรเงิน 11,400 ล้านดอลลาร์สำหรับเป็นค่าตอบแทนและผลประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งน้อยกว่าปีก่อนหน้าถึงหนึ่งในสาม