ผู้จัดการรายวัน – สหภาพฯจี้บอร์ด อสมท แจง “สัญญาสุภาพบุรุษ” ไม่เป็นผล ชี้การตัดสินใจครั้งนี้ กลัวประวัติศาสตร์ ซ้ำรอยเดิม อสมท ลงเหว 6 เดือน สหภาพฯยันเดินหน้าต่อหากทุกอย่างยังไม่ชัดเจน ด้านพนักงานพร้อมให้กำลังใจและสู้ต่อไป วงในเผยเชื่อมีตัวแทนจากฟากการเมืองเตรียมปักธงไว้แล้ว
วานนี้(17 พ.ย.) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)ได้เข้าพบคณะกรรมการหรือบอร์ด อสมท โดยมีนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผุ้อำนวยการใหญ่ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงครั้งนี้ด้วย ในกรณีที่ทั้งทางบอร์ด อสมท และนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เห็นพ้องต้องกันที่จะยุติบทบาทของการทำหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ลง โดยจากเดิมขอพบในช่วงเวลา 10.00 น. แต่เนื่องจากทางบอร์ดไม่พร้อม เพราะมี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ประธานบอร์ดฯมาเพียงคนเดียว จึงได้เลื่อนมาเป็นเวลา 17.00 น. แทน โดยมีบอร์ดมาร่วมด้วยจำนวน 8 คน จากทั้งหมด 13 คน
นายธงทอง จันทรางศุ รองประธาน และโฆษก คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวกับกลุ่มสหภาพฯว่า ตามที่ตัวแทนสหภาพแรงงานได้ขอเข้าพบเพื่อรับฟังคำชี้แจงในเรื่องของการยุติบทบาทการทำงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ลง ทางบอร์ดมองว่าเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยเหตุผลและรายละเอียดในการทำงานที่แตกต่างกันของทางบอร์ดและของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ได้
อย่างไรก็ตามมองเรื่องขององค์กรเป็นหลักที่จะต้องก้าวต่อไป เชื่อว่าหลังกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทำหน้าที่จนครบกำหนดในวันที่ 14 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ก็จะดำเนินขั้นตอนของการสรรหาผู้ที่เหมาะสมเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ต่อไป ภายใต้คณะกรรมการสรรหาที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้หากทางสหภาพฯพบว่าใครเหมาะสมก็สามารถแนะนำให้มาสมัครได้ ขณะเดียวกันช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทั้งในเรื่องการปรับแผนการดำเนินงาน สภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นช่วงที่น่าเป็นห่วง ทางบอร์ดจะให้ความสำคัญกับองค์การมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งขอให้พนักงานช่วยกันนำพาให้องค์กรนี้ผ่านพ้นช่วงดังกล่าวไปให้ได้ร่วมกัน
ด้านนางอรวรรณ ชูดี ประธาน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวแทนสหภาพฯได้เข้าพบกับทาง บอร์ด อสมท เพื่อขอรับฟังคำชี้แจงในกรณียุติบทบาทการทำงานของ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ลง โดยได้นำเสนอประเด็นที่สงสัยไป 5 ข้อ เช่น 1.ต้องการทราบเหตุผลที่แท้จริงในลักษณะเชิงลึกที่นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยใหญ่ พร้อมยุติบทบาทลง แต่ทางบอร์ดยืนยันที่จะไม่บอกเหตุผลของข้อตกลงร่วมกันในการยุติการทำงานครั้งนี้ของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ลง โดยอ้างว่าเป็นสัญญาสุภาพบุรุษ คุยกันเรียบร้อยแล้ว และตกลงที่จะไม่บอกรายละเอียด เพราะหากเปิดเผยออกไป อาจจะมีผลในเรื่องที่จะมีการฟ้องร้องกันต่อไปได้
2.ทางสหภาพฯเป็นห่วงในช่วงของการเปลี่ยนผ่านที่จะเกิดขึ้น จากที่ได้ตรวจสอบกับทางฝ่ายต่างๆ พบว่ามีความกังวลในเรื่องของการสั่งซื้อโฆษณา การวางแผนงานต่างๆที่จะต้องเรียบร้อยลงในช่วงต้นเดือนธ.ค.อาจจะยืดออกไป รวมถึงผังรายการใหม่ก็คาดว่าจะยังปรับไม่ได้ ต้องรอจนกว่าจะมีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่เข้ามา เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆก็เป็นได้ ซึ่งทางสหภาพฯมีความกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะเราเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วในช่วงการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในครั้งที่ผ่านมา อสมท เกิดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ซึ่งไม่สามารถจะประเมินค่าความเสียหายได้ แต่มองในเรื่องของความเชื่อมั่นแล้ว และการสูญเสียโอกาสในการดำเนินธุรกิจค่อนข้างมีมาก นอกจากนี้เราห่วงองค์กร มากกว่าเงินชดเชยที่ทางกรรมการผู้อำนวยการใหญ่จะได้รับเป็นหลัก
3.ขอความมั่นใจในการตัดสินใจจากบอร์ด หากสิ่งที่ทำลงไปเกิดความเสียหายแก่องค์กร โดยนายธงทอง จันทรางศุ โฆษกบอร์ด อสมท กล่าวว่า เรื่องนี้ทางบอร์ดพร้อมที่จะรับผิดชอบเต็มที่ แต่ในแง่รับผิดชอบชดใช้เป็นจำนวนเงินคงไม่ได้ เพราะไม่มีกำหนดไว้ในสัญญา ทำได้มากสุด คือ การลาออกจากตำแหน่ง
นางอรวรรณ กล่าวต่อว่า การที่บอร์ดออกมาแสดงความรับผิดชอบครั้งนี้ มองว่ายังไม่หนักแน่นพอ ดังนั้นทางสหภาพฯจะดำเนินการต่อไป โดยจะมีการเรียกประชุมปรึกษาเพื่อนพนักงานภายในอาทิตย์นี้ให้เร็วที่สุด ในการขอความคิดเห็นถึงบทบาทความรับผิดชอบของบอร์ดกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่ารับได้หรือไม่ ถ้าได้เราก็จะขอดูสถานการณ์ต่อ แต่ถ้าไม่ทางสหภาพฯก็จะมีการเคลื่อนไหวต่อไป
**ภาระกิจสุดท้าย**
ทั้งนี้ในช่วงเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ด้านนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้ขอพบพนักงาน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 100-200 คน โดยส่วนใหญ่จะมอบช่อดอกไม้และให้กำลังใจ รวมถึงมีการซักถามถึงสาเหตุที่ยุติบทบาทลง รวมทั้งตั้งคำถามด้วยว่า ทำไมไม่สู้ ถ้าสู้ต่อ พนักงานที่นี่ก็พร้อมที่จะสู้เคียงข้าง โดยนายวสันต์ สามารถตอบคำถามได้เพียงบางคำถามเท่านั้น อีกทั้งขอทำงานตามหน้าที่ จนถึงวันที่จะได้ปฏิบัติภาระกิจสุดท้าย ที่จะได้เข้าเฝ้าองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่ 4 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ด้วย
**วงในสาวไส้ใบสั่ง**
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แหล่งข่าววงใน เปิดเผยว่า ใครที่ว่ากก.ผอ.ใหญ่ไม่สู้ ขอยืนยันว่า นายวสันต์สู้เต็มที่ แต่ลองนึกดูว่าตลอดเวลาการทำงานกว่า 6-7 เดือนที่ผ่านมา ที่ถูกจับผิดและต้องแก้ไขแผนงานมาโดยตลอด จะรู้สึกแย่แค่ไหน คนหนึ่งทำแต่ถูกกีดกัน แล้วผลงานจะออกมาดีได้อย่างไร ถึงแม้ว่านายวสันต์จะกลับมาแก้ไขแผนแล้วเสนอใหม่ตลอดมาก็เชื่อได้ว่าแผนจะไม่ผ่านการอนุมัติขจากบอร์ดแน่นอน เพราะบอร์ดต้องการที่จะปลดอยู่แล้ว
ทั้งนี้ตนก็ได้เตือนนายวสันต์มาโดยตลอด และทางนายวสันต์เองก็ได้เตรียมตัวและระวังตัวรับสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน โดยการประชุมบอร์ดครั้งที่ผ่านมานี้ เชื่อว่า นายวสันต์ก็รู้ตัวล่วงหน้าแล้ว เพียงแค่มารับฟังข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งหากทางบอร์ดยืนยันว่า นายวสันต์ผิด เชื่อว่านายวสันต์พร้อมที่จะสู้ เพราะเตรียมข้อมูลรับมือไว้แล้ว แต่พอบอร์ดลงความเห็นเป็นการยุติการทำงานลงโดยไม่มีความผิด นายวสันต์จึงยอม เพราะต้องการให้องค์กรก้าวต่อไป
แต่ดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่า เป็นเรื่องของการเมืองอย่างแน่นอน และต้องมีใครที่ถูกกำหนดไว้แล้วให้มานั่งทำงานต่อไป
วานนี้(17 พ.ย.) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)ได้เข้าพบคณะกรรมการหรือบอร์ด อสมท โดยมีนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผุ้อำนวยการใหญ่ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงครั้งนี้ด้วย ในกรณีที่ทั้งทางบอร์ด อสมท และนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เห็นพ้องต้องกันที่จะยุติบทบาทของการทำหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ลง โดยจากเดิมขอพบในช่วงเวลา 10.00 น. แต่เนื่องจากทางบอร์ดไม่พร้อม เพราะมี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ประธานบอร์ดฯมาเพียงคนเดียว จึงได้เลื่อนมาเป็นเวลา 17.00 น. แทน โดยมีบอร์ดมาร่วมด้วยจำนวน 8 คน จากทั้งหมด 13 คน
นายธงทอง จันทรางศุ รองประธาน และโฆษก คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวกับกลุ่มสหภาพฯว่า ตามที่ตัวแทนสหภาพแรงงานได้ขอเข้าพบเพื่อรับฟังคำชี้แจงในเรื่องของการยุติบทบาทการทำงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ลง ทางบอร์ดมองว่าเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยเหตุผลและรายละเอียดในการทำงานที่แตกต่างกันของทางบอร์ดและของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ได้
อย่างไรก็ตามมองเรื่องขององค์กรเป็นหลักที่จะต้องก้าวต่อไป เชื่อว่าหลังกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทำหน้าที่จนครบกำหนดในวันที่ 14 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ก็จะดำเนินขั้นตอนของการสรรหาผู้ที่เหมาะสมเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ต่อไป ภายใต้คณะกรรมการสรรหาที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้หากทางสหภาพฯพบว่าใครเหมาะสมก็สามารถแนะนำให้มาสมัครได้ ขณะเดียวกันช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทั้งในเรื่องการปรับแผนการดำเนินงาน สภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นช่วงที่น่าเป็นห่วง ทางบอร์ดจะให้ความสำคัญกับองค์การมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งขอให้พนักงานช่วยกันนำพาให้องค์กรนี้ผ่านพ้นช่วงดังกล่าวไปให้ได้ร่วมกัน
ด้านนางอรวรรณ ชูดี ประธาน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวแทนสหภาพฯได้เข้าพบกับทาง บอร์ด อสมท เพื่อขอรับฟังคำชี้แจงในกรณียุติบทบาทการทำงานของ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ลง โดยได้นำเสนอประเด็นที่สงสัยไป 5 ข้อ เช่น 1.ต้องการทราบเหตุผลที่แท้จริงในลักษณะเชิงลึกที่นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยใหญ่ พร้อมยุติบทบาทลง แต่ทางบอร์ดยืนยันที่จะไม่บอกเหตุผลของข้อตกลงร่วมกันในการยุติการทำงานครั้งนี้ของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ลง โดยอ้างว่าเป็นสัญญาสุภาพบุรุษ คุยกันเรียบร้อยแล้ว และตกลงที่จะไม่บอกรายละเอียด เพราะหากเปิดเผยออกไป อาจจะมีผลในเรื่องที่จะมีการฟ้องร้องกันต่อไปได้
2.ทางสหภาพฯเป็นห่วงในช่วงของการเปลี่ยนผ่านที่จะเกิดขึ้น จากที่ได้ตรวจสอบกับทางฝ่ายต่างๆ พบว่ามีความกังวลในเรื่องของการสั่งซื้อโฆษณา การวางแผนงานต่างๆที่จะต้องเรียบร้อยลงในช่วงต้นเดือนธ.ค.อาจจะยืดออกไป รวมถึงผังรายการใหม่ก็คาดว่าจะยังปรับไม่ได้ ต้องรอจนกว่าจะมีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่เข้ามา เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆก็เป็นได้ ซึ่งทางสหภาพฯมีความกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะเราเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วในช่วงการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในครั้งที่ผ่านมา อสมท เกิดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ซึ่งไม่สามารถจะประเมินค่าความเสียหายได้ แต่มองในเรื่องของความเชื่อมั่นแล้ว และการสูญเสียโอกาสในการดำเนินธุรกิจค่อนข้างมีมาก นอกจากนี้เราห่วงองค์กร มากกว่าเงินชดเชยที่ทางกรรมการผู้อำนวยการใหญ่จะได้รับเป็นหลัก
3.ขอความมั่นใจในการตัดสินใจจากบอร์ด หากสิ่งที่ทำลงไปเกิดความเสียหายแก่องค์กร โดยนายธงทอง จันทรางศุ โฆษกบอร์ด อสมท กล่าวว่า เรื่องนี้ทางบอร์ดพร้อมที่จะรับผิดชอบเต็มที่ แต่ในแง่รับผิดชอบชดใช้เป็นจำนวนเงินคงไม่ได้ เพราะไม่มีกำหนดไว้ในสัญญา ทำได้มากสุด คือ การลาออกจากตำแหน่ง
นางอรวรรณ กล่าวต่อว่า การที่บอร์ดออกมาแสดงความรับผิดชอบครั้งนี้ มองว่ายังไม่หนักแน่นพอ ดังนั้นทางสหภาพฯจะดำเนินการต่อไป โดยจะมีการเรียกประชุมปรึกษาเพื่อนพนักงานภายในอาทิตย์นี้ให้เร็วที่สุด ในการขอความคิดเห็นถึงบทบาทความรับผิดชอบของบอร์ดกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่ารับได้หรือไม่ ถ้าได้เราก็จะขอดูสถานการณ์ต่อ แต่ถ้าไม่ทางสหภาพฯก็จะมีการเคลื่อนไหวต่อไป
**ภาระกิจสุดท้าย**
ทั้งนี้ในช่วงเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ด้านนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้ขอพบพนักงาน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 100-200 คน โดยส่วนใหญ่จะมอบช่อดอกไม้และให้กำลังใจ รวมถึงมีการซักถามถึงสาเหตุที่ยุติบทบาทลง รวมทั้งตั้งคำถามด้วยว่า ทำไมไม่สู้ ถ้าสู้ต่อ พนักงานที่นี่ก็พร้อมที่จะสู้เคียงข้าง โดยนายวสันต์ สามารถตอบคำถามได้เพียงบางคำถามเท่านั้น อีกทั้งขอทำงานตามหน้าที่ จนถึงวันที่จะได้ปฏิบัติภาระกิจสุดท้าย ที่จะได้เข้าเฝ้าองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่ 4 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ด้วย
**วงในสาวไส้ใบสั่ง**
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แหล่งข่าววงใน เปิดเผยว่า ใครที่ว่ากก.ผอ.ใหญ่ไม่สู้ ขอยืนยันว่า นายวสันต์สู้เต็มที่ แต่ลองนึกดูว่าตลอดเวลาการทำงานกว่า 6-7 เดือนที่ผ่านมา ที่ถูกจับผิดและต้องแก้ไขแผนงานมาโดยตลอด จะรู้สึกแย่แค่ไหน คนหนึ่งทำแต่ถูกกีดกัน แล้วผลงานจะออกมาดีได้อย่างไร ถึงแม้ว่านายวสันต์จะกลับมาแก้ไขแผนแล้วเสนอใหม่ตลอดมาก็เชื่อได้ว่าแผนจะไม่ผ่านการอนุมัติขจากบอร์ดแน่นอน เพราะบอร์ดต้องการที่จะปลดอยู่แล้ว
ทั้งนี้ตนก็ได้เตือนนายวสันต์มาโดยตลอด และทางนายวสันต์เองก็ได้เตรียมตัวและระวังตัวรับสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน โดยการประชุมบอร์ดครั้งที่ผ่านมานี้ เชื่อว่า นายวสันต์ก็รู้ตัวล่วงหน้าแล้ว เพียงแค่มารับฟังข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งหากทางบอร์ดยืนยันว่า นายวสันต์ผิด เชื่อว่านายวสันต์พร้อมที่จะสู้ เพราะเตรียมข้อมูลรับมือไว้แล้ว แต่พอบอร์ดลงความเห็นเป็นการยุติการทำงานลงโดยไม่มีความผิด นายวสันต์จึงยอม เพราะต้องการให้องค์กรก้าวต่อไป
แต่ดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่า เป็นเรื่องของการเมืองอย่างแน่นอน และต้องมีใครที่ถูกกำหนดไว้แล้วให้มานั่งทำงานต่อไป