ผู้จัดการรายวัน – บอร์ด อสมท ประชุมร่วม ผู้บริหารระดับฝ่ายขึ้นไป ชี้ 3 ประเด็นใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญ ทั้งเรื่องกฎหมาย เทคโนโลยี บุคลากร อสมท ปรับผังใหม่ คว้า “ธีระ ธัญญอนันต์ผล” จากช่อง 3 กู้สถานการณ์รายการข่าว ประกบคู่ “อรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล” เพิ่มเวลาข่าวอีก 30 นาที ส่งผลเวลารายการข่าวเพิ่มเป็น 40% เชื่อทั้งปี อสมท คว้าเป้าโต 20% ได้
เมื่อวานนี้ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ประธานบอร์ด อสมท ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับฝ่ายขึ้นไป ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวนกว่า 70 คน เพื่อประชุมแนวทางการดำเนินงาน โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
***บอร์ดพบผู้บริหาร
นายจารุพงศ์ เปิดเผยว่า การประชุมเป็นไปด้วยดี โดยประเด็นหลักๆที่มีการพูดคุยกันคือ 1.เรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอสมท 2 . อุปกรณ์ เทคโนโลยีต่างๆ ที่ต้องปรับปรุง และ 3. การพัฒนา บุคลากร ซึ่งเป็นการพูดคุยกันแบบกว้างๆทำความเข้าใจกันมากกว่า
ทั้งนี้เรื่องของกฎหมายมีหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับอสมท โดยเฉพาะเรื่องคลื่นความถี่ เรื่องสัมปทานกับเอกชน ช่อง 3 และยูบีซี ที่อยู่ระหว่างการเจรจาแก้ไขสัญญา ซึ่งได้มีการพูดคุยว่าหากในอนาคตสัมปทานตรงนี้หมดไปหรือเปลี่ยนไป รายได้ของอสมท ก็จะลดลงไปด้วย ต้องหาวิธีการแก้ไขว่าจะหารายได้มาจากทางใดเพิ่มบ้าง ขณะเดียวกัน อสมท ต้องดูแลกิจการมาก ทั้งสัมปทานกับช่อง 3 และยูบีซี วิทยุอีกกว่า 62 สถานี ดูเรื่องบริษัทพาโนราม่า เรื่องที่ดินรัชดาภิเษกอีก 50 ไร่ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมาประเมินหาแนวทางในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพที่สุด
ส่วนเรื่องเทคโนโลยีนั้น ได้กำชับว่า อสมทต้องก้าวตามให้ทันเทคโนโลยี เนื่องจากปัจจุบันนี้สื่อมีความก้าวน้าไปมาก สื่อต่างๆเป็นระบบมัลติมีเดียแล้ว สามารถใช้งานหลายอย่างในเครื่องเดียวกัน อสมทต้องมีการปรับปรุงระบบและพัฒนาให้ทันเทคโนโลยี รวมทั้งระบบแบ็คออฟฟิศ และการเงินด้วย
นายจารุพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องบุคลากร รวมทั้งสวัสดิการต่างๆนั้น อสมทต้องพยายามดูแลให้ดี แต่ก็ต้องให้น้ำหนักสำคัญทุกฝ่าย ทั้งพนักงาน ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น เพราะเป็นบริษัทในตลาดหุ้น ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการอนุมัติให้ค่าครองชีพพนักงานเนื่องจากค่าครองชีพในปัจจุบันสูงมาก โดยผู้ที่มีระดับเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท จะได้รับค่าครองชีพ 1,500 บาท ส่วนเงินเดือน 15,000 – 50,000 บาท ได้รับ 1,000 บาท
สำหรับการประชุมครั้งต่อไป กำหนดขึ้นในวันที่ 29-30 สิงหาคม ซึ่งจะเป็นการประชุมระหว่างบอร์ดอสมท และผู้บริหาร โดยจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ต่างๆในการดำเนินธุรกิจให้ชัดเจนมากขึ้น
***ปรับผังเพิ่มเวลาข่าว-ดึงคนช่อง3ร่วม
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่นายกิตติ สิงหาปัด ได้ถอนตัวออกไปจากทีมรายการข่าว ยอมรับว่ากระทบในเรื่องของเรตติ้งบ้าง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจากการที่มีทีมงานงานที่แข็งแกร่ง บวกการนำเสนอข่าวตรงไปตรงมา น่าเชื่อถือ โมเดิร์นไนน์ ก็น่าจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำข่าวไว้ได้
ล่าสุดโมเดิร์นไนน์ได้ปรับผังรายการประจำเดือนส.ค.ใหม่ โดยในกลุ่มรายการข่าว จากเดิมในเดือนก.ค.มีสัดส่วนเวลาประมาณ 35% ของรายการทั้งหมด ผังใหม่นี้ จะเพิ่มเป็น40% โดยได้เพิ่มเวลาอีก 30 นาที สำหรับรายการข่าวกีฬา “เก้าทันเกมส์” ที่จะมารายงานข่าวตั้งแต่เวลา 05.30-06.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในส่วน ขณะที่รายการข่าวภาคค่ำ จากเดิมที่มีนายกิตติ สิงหาปัด เป็นผู้ประกาศข่าวเพียงคนเดียว ทางอสมท ได้มีการเจรจาให้นายธีระ ธัญญอนันต์ผล จากช่อง 3 เข้ามาเป็นผู้ประกาศข่าวในช่วงนี้แทน ในลักษณะของการเป็นพนักงานสัญญาจ้าง โดยจะเป็นการรายงานข่าวคู่กับนางสาว อรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล ผู้ประกาศข่าวของทางโมเดิร์นไนน์ ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 19.00-20.20 น. ส่วนข่าวค่ำ วันเสาร์-อาทิตย์ พบกับนายโสภณ นวรัตนาพงษ์ และเพ็ญพรรณ แหลมหลวง
นอกจากนั้นยังได้มีการปรับผังรายการประจำเดือนส.ค.ใหม่อีกหลายรายการ อาทิ 9ร่วมใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน เป็นรายการประเภทวาไรตี้ทอร์ค เน้นเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ผู้เดือดร้อน หรือผู้ประสบภัย ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10-00-11.00น., ตาสว่าง โฉมใหม่เป็นรายการสดตลอด 2 ชั่วโมง ทุกวันพุธ เวลา 22.15-24.00น., รายการ ฉลาดสุดสุด ชุด Sponge (ฟองน้ำอัจฉริยะ) ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.30-21.30น. และซิทคอมทางโทรทัศน์เรื่องแรกของค่ายหนัง GTH “เนื้อคู่ประตูถัดไป” ออกอากาศทุกวันเสาร์เวลา 14.00-15.00น. เจาะกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่
สำหรับรายได้โฆษณาครึ่งปีที่ผ่านมา โมเดิร์นไนน์ เติบโต 32% เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ในตลาดสื่อโฆษณาทีวี โมเดิร์นไนน์มีเรตติ้งอยู่ในอันดับ 3 มีสัดส่วนอยู่ที่ 19% จากต้นปีก่อนอยู่ที่ 12% ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับราคาโฆษณา ทั้งนี้ทั้งปีมั่นใจว่า อสมท จะยังคงรักษาการเติบโตได้ที่ 15-20% ตามที่วางแผนไว้ โดยกว่า 60% เป็นรายได้ที่มาจากโทรทัศน์เป็นหลัก
เมื่อวานนี้ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ประธานบอร์ด อสมท ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับฝ่ายขึ้นไป ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวนกว่า 70 คน เพื่อประชุมแนวทางการดำเนินงาน โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
***บอร์ดพบผู้บริหาร
นายจารุพงศ์ เปิดเผยว่า การประชุมเป็นไปด้วยดี โดยประเด็นหลักๆที่มีการพูดคุยกันคือ 1.เรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอสมท 2 . อุปกรณ์ เทคโนโลยีต่างๆ ที่ต้องปรับปรุง และ 3. การพัฒนา บุคลากร ซึ่งเป็นการพูดคุยกันแบบกว้างๆทำความเข้าใจกันมากกว่า
ทั้งนี้เรื่องของกฎหมายมีหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับอสมท โดยเฉพาะเรื่องคลื่นความถี่ เรื่องสัมปทานกับเอกชน ช่อง 3 และยูบีซี ที่อยู่ระหว่างการเจรจาแก้ไขสัญญา ซึ่งได้มีการพูดคุยว่าหากในอนาคตสัมปทานตรงนี้หมดไปหรือเปลี่ยนไป รายได้ของอสมท ก็จะลดลงไปด้วย ต้องหาวิธีการแก้ไขว่าจะหารายได้มาจากทางใดเพิ่มบ้าง ขณะเดียวกัน อสมท ต้องดูแลกิจการมาก ทั้งสัมปทานกับช่อง 3 และยูบีซี วิทยุอีกกว่า 62 สถานี ดูเรื่องบริษัทพาโนราม่า เรื่องที่ดินรัชดาภิเษกอีก 50 ไร่ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมาประเมินหาแนวทางในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพที่สุด
ส่วนเรื่องเทคโนโลยีนั้น ได้กำชับว่า อสมทต้องก้าวตามให้ทันเทคโนโลยี เนื่องจากปัจจุบันนี้สื่อมีความก้าวน้าไปมาก สื่อต่างๆเป็นระบบมัลติมีเดียแล้ว สามารถใช้งานหลายอย่างในเครื่องเดียวกัน อสมทต้องมีการปรับปรุงระบบและพัฒนาให้ทันเทคโนโลยี รวมทั้งระบบแบ็คออฟฟิศ และการเงินด้วย
นายจารุพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องบุคลากร รวมทั้งสวัสดิการต่างๆนั้น อสมทต้องพยายามดูแลให้ดี แต่ก็ต้องให้น้ำหนักสำคัญทุกฝ่าย ทั้งพนักงาน ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น เพราะเป็นบริษัทในตลาดหุ้น ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการอนุมัติให้ค่าครองชีพพนักงานเนื่องจากค่าครองชีพในปัจจุบันสูงมาก โดยผู้ที่มีระดับเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท จะได้รับค่าครองชีพ 1,500 บาท ส่วนเงินเดือน 15,000 – 50,000 บาท ได้รับ 1,000 บาท
สำหรับการประชุมครั้งต่อไป กำหนดขึ้นในวันที่ 29-30 สิงหาคม ซึ่งจะเป็นการประชุมระหว่างบอร์ดอสมท และผู้บริหาร โดยจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ต่างๆในการดำเนินธุรกิจให้ชัดเจนมากขึ้น
***ปรับผังเพิ่มเวลาข่าว-ดึงคนช่อง3ร่วม
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่นายกิตติ สิงหาปัด ได้ถอนตัวออกไปจากทีมรายการข่าว ยอมรับว่ากระทบในเรื่องของเรตติ้งบ้าง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจากการที่มีทีมงานงานที่แข็งแกร่ง บวกการนำเสนอข่าวตรงไปตรงมา น่าเชื่อถือ โมเดิร์นไนน์ ก็น่าจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำข่าวไว้ได้
ล่าสุดโมเดิร์นไนน์ได้ปรับผังรายการประจำเดือนส.ค.ใหม่ โดยในกลุ่มรายการข่าว จากเดิมในเดือนก.ค.มีสัดส่วนเวลาประมาณ 35% ของรายการทั้งหมด ผังใหม่นี้ จะเพิ่มเป็น40% โดยได้เพิ่มเวลาอีก 30 นาที สำหรับรายการข่าวกีฬา “เก้าทันเกมส์” ที่จะมารายงานข่าวตั้งแต่เวลา 05.30-06.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในส่วน ขณะที่รายการข่าวภาคค่ำ จากเดิมที่มีนายกิตติ สิงหาปัด เป็นผู้ประกาศข่าวเพียงคนเดียว ทางอสมท ได้มีการเจรจาให้นายธีระ ธัญญอนันต์ผล จากช่อง 3 เข้ามาเป็นผู้ประกาศข่าวในช่วงนี้แทน ในลักษณะของการเป็นพนักงานสัญญาจ้าง โดยจะเป็นการรายงานข่าวคู่กับนางสาว อรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล ผู้ประกาศข่าวของทางโมเดิร์นไนน์ ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 19.00-20.20 น. ส่วนข่าวค่ำ วันเสาร์-อาทิตย์ พบกับนายโสภณ นวรัตนาพงษ์ และเพ็ญพรรณ แหลมหลวง
นอกจากนั้นยังได้มีการปรับผังรายการประจำเดือนส.ค.ใหม่อีกหลายรายการ อาทิ 9ร่วมใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน เป็นรายการประเภทวาไรตี้ทอร์ค เน้นเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ผู้เดือดร้อน หรือผู้ประสบภัย ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10-00-11.00น., ตาสว่าง โฉมใหม่เป็นรายการสดตลอด 2 ชั่วโมง ทุกวันพุธ เวลา 22.15-24.00น., รายการ ฉลาดสุดสุด ชุด Sponge (ฟองน้ำอัจฉริยะ) ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.30-21.30น. และซิทคอมทางโทรทัศน์เรื่องแรกของค่ายหนัง GTH “เนื้อคู่ประตูถัดไป” ออกอากาศทุกวันเสาร์เวลา 14.00-15.00น. เจาะกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่
สำหรับรายได้โฆษณาครึ่งปีที่ผ่านมา โมเดิร์นไนน์ เติบโต 32% เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ในตลาดสื่อโฆษณาทีวี โมเดิร์นไนน์มีเรตติ้งอยู่ในอันดับ 3 มีสัดส่วนอยู่ที่ 19% จากต้นปีก่อนอยู่ที่ 12% ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับราคาโฆษณา ทั้งนี้ทั้งปีมั่นใจว่า อสมท จะยังคงรักษาการเติบโตได้ที่ 15-20% ตามที่วางแผนไว้ โดยกว่า 60% เป็นรายได้ที่มาจากโทรทัศน์เป็นหลัก
