นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเฟ้นหาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ว่า ขณะนี้พรรคยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะส่งใครลงรับสมัครเลือกตั้ง แต่ที่มีชื่อบุคคลต่างๆปรากฏออกมาล้วนมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงาน เป็นผู้ว่าฯกทม.ได้ ซึ่งพรรคคำนึงทั้งความรู้ความสามารถ ทั้งคนใน และคนนอกที่มีอุดมการณ์และแนวคิดที่สอดคล้องกับพรรค ซึ่งแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่จะเข้ามาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยพรรคได้ตระหนักถึงความรู้สึกของประชาชนชาวกทม.ด้วย
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ได้มอบหมายให้ ส.ส. ,ส.ก. และส.ข. รวมถึงสาขาของพรรค ให้ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนกทม.ว่า ใครจะเหมาะสม ซึ่งมาตรฐานในการคัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เชื่อว่าจะไม่น้อยหน้ากว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ได้รับเลือกถึง 2 ครั้ง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้พรรคได้มีการพูดคุยกับนายภูษณะ ปรีย์มาโนช ประธานสถาบันนโยบายสัมคมและเศรษฐกิจ ซึ่งการพูดคุยกับคนนอกได้เคยเกิดขึ้นมาตลอด ก่อนที่นายอภรักษ์ จะรับปากว่าจะสมัครในนามพรรค ก็เคยเป็นคนนอกมาก่อน ดังนั้นพรรคจะยึดตามแนวทางเดิม คือหาทั้งคนนอก คนในที่มีความเหมาะสมที่สุด เพื่อที่จะมาเป็นผู้นำผู้บริหารกทม.ได้ ยอมรับว่าขณะนี้พรรคได้มีการพูดคุยหลายคน รวมทั้งนายวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้บริหารอมตะนครกรุ๊ป ซึ่งนายวิกรม ก็ได้เสนอความคิดเห็นต่อปัญหาเศรษฐกิจ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ประชาชนให้การยอมรับ
**"ครูหยุย"ยอมรับมือไม่ถึง
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ อดีต ส.ว.กทม. กล่าวถึงกรณีที่ตนมีชื่อเป็น 1 ในแคนดิเดตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เพิ่งทราบข่าวจากสื่อ แต่น่าจะเป็นเรื่องที่คนในพรรคประชาธิปัตย์คุยกัน ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณที่มองว่า ตนมีประโยชน์พอ อย่างไรก็ดี แคนดิเดตที่ปรากฏทั้งหมด มีความเหมาะสมทุกคน สำหรับตนมีข้อด้อยคือ ไม่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ อาจไม่สร้างความเชื่อมั่นให้คนกทม.เพียงพอ จึงไม่เหมาะเท่าบรรดาแคนดิเดตที่เป็นข่าว
"การเลือกผู้ว่าฯกทม.ในภาวะนี้ พรรคประชาธิปัตย์มีจุดอ่อนแล้ว เพราะเพิ่งเลือกตั้งมา แต่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่งชนะเลือกตั้งก็เจอปัญหาจนต้องลาออก คนที่จะลงแทนคงโดนผู้สมัครคนอื่นโจมตีในจุดนี้แน่ ฉะนั้น การเลือกคนลงแข่งของพรรคประชาธิปัตย์ต้องระวังมากๆ หากเอาส.ส.เขตของพรรคลง ก็อาจเจอ 2 เด้ง เพราะต้องเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขตด้วย ก็จะเจอปัญหาการเงิน ผมวิเคราะห์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าลงแบบแทคทีม คือเปิดตัว ผู้สมัครผู้ว่าฯ 1 คน และทีมรองผู้ว่าฯ 3 คนแข็งๆไปพร้อมกัน เพื่อเสริมกันให้หมดก็น่าจะมีหวัง และยุคนี้ถ้าให้ผู้หญิงลง อย่างคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ก็น่าจะเหมาะสุด เพราะไม่ใช่ ส.ส.เขต และต้องเปิดตัวรองทั้ง 3 คน ไปพร้อมกันเลย ก็จะอุดจุดอ่อน และเรียกคะแนนได้" นายวัลลภกล่าว
เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์มาทาบทามมาจะตัดสินใจอย่างไร นายวัลลภ กล่าวว่า ก็คงประกาศทีมงานไปพร้อมกันอย่างที่ว่า และตนไม่ต้องเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯหรอก เป็นทีมรองผู้ว่าฯก็ได้ เพราะตนไม่เหมาะเป็นผู้ว่าฯ และตนก็ยังไม่เหมาะที่จะลงอิสระ เพราะได้ประเมินตัวเองแล้วว่า มีจุดอ่อนเรื่องไม่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ คนที่สนใจเรื่องเมกกะโปรเจกต์ ก็คงไม่เลือก แต่ถ้าเคยผ่านแล้วสักครั้ง ก็คงจะไหว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้น้ำหนักผู้ที่จะสมัครผู้ว่าฯกทม.ครั้งต่อไปมากที่สุดคือ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค โดยเมื่อ 4 ปีก่อน ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค สมัยเป็นรองหัวหน้าพรรค ได้ไปทาบทาม 2 คน คือนายกรณ์ และนายอภิรักษ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บริหารในบริษัทเอกชน โดยเห็นว่าทั้งคู่มีความเหมาะสม เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารกทม. ซึ่งในช่วงนั้นนายอภิรักษ์ จังหวะเหมาะสมมากกกว่า เพราะอยู่ในช่วงว่างของตำแหน่งผู้บริหาร พรรคจึงได้ตัดสินใจเลือกนายอภิรักษ์ และให้นายกรณ์ เข้ามาลงสมัครการเมืองระดับชาติภายหลัง
**ลุ้น"พรวุฒิ"แทน"กรณ์"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ ได้มีการเจรจากับนายกรณ์ เพื่อให้มาลงสมัครผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง แต่มีความเป็นไปได้สูงที่นายกรณ์ จะปฏิเสธการลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นในพรรค เนื่องจากมีสมาชิกพรรคบางส่วนคัดค้านนายกรณ์
อย่างไรก็ตาม หากนายกรณ์ปฏิเสธ พรรคก็ได้มองหาผู้ที่เหมาะสมอีกคือ นายพรวุฒิ สารสิน ที่ปรึกษานายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสมารถ ทั้งยังเป็นอดีตผู้บริหารมือหนึ่งของบริษัทเอกชนมาก่อน รวมทั้งเคยเป็นอดีต ส.ส.ของพรรค ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับนายอภิรักษ์ ที่สำคัญนายพรวุฒิ ได้เคยทำงานร่วมกับนายอภิสิทธิ์ในการเป็นตัวกลางในการเจรจาให้นายกรณ์ และนายอภิรักษ์ เข้ามาร่วมงานทางการเมืองกับพรรค ทั้งนี้รอเพียงการตัดสินใจของนายกรณ์กับนายพรวุฒิ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ทั้งนี้ในเรื่องของตัวบุคคลพรรคจะนำเข้าไปร่วมการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ได้มอบหมายให้ ส.ส. ,ส.ก. และส.ข. รวมถึงสาขาของพรรค ให้ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนกทม.ว่า ใครจะเหมาะสม ซึ่งมาตรฐานในการคัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เชื่อว่าจะไม่น้อยหน้ากว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ได้รับเลือกถึง 2 ครั้ง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้พรรคได้มีการพูดคุยกับนายภูษณะ ปรีย์มาโนช ประธานสถาบันนโยบายสัมคมและเศรษฐกิจ ซึ่งการพูดคุยกับคนนอกได้เคยเกิดขึ้นมาตลอด ก่อนที่นายอภรักษ์ จะรับปากว่าจะสมัครในนามพรรค ก็เคยเป็นคนนอกมาก่อน ดังนั้นพรรคจะยึดตามแนวทางเดิม คือหาทั้งคนนอก คนในที่มีความเหมาะสมที่สุด เพื่อที่จะมาเป็นผู้นำผู้บริหารกทม.ได้ ยอมรับว่าขณะนี้พรรคได้มีการพูดคุยหลายคน รวมทั้งนายวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้บริหารอมตะนครกรุ๊ป ซึ่งนายวิกรม ก็ได้เสนอความคิดเห็นต่อปัญหาเศรษฐกิจ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ประชาชนให้การยอมรับ
**"ครูหยุย"ยอมรับมือไม่ถึง
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ อดีต ส.ว.กทม. กล่าวถึงกรณีที่ตนมีชื่อเป็น 1 ในแคนดิเดตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เพิ่งทราบข่าวจากสื่อ แต่น่าจะเป็นเรื่องที่คนในพรรคประชาธิปัตย์คุยกัน ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณที่มองว่า ตนมีประโยชน์พอ อย่างไรก็ดี แคนดิเดตที่ปรากฏทั้งหมด มีความเหมาะสมทุกคน สำหรับตนมีข้อด้อยคือ ไม่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ อาจไม่สร้างความเชื่อมั่นให้คนกทม.เพียงพอ จึงไม่เหมาะเท่าบรรดาแคนดิเดตที่เป็นข่าว
"การเลือกผู้ว่าฯกทม.ในภาวะนี้ พรรคประชาธิปัตย์มีจุดอ่อนแล้ว เพราะเพิ่งเลือกตั้งมา แต่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่งชนะเลือกตั้งก็เจอปัญหาจนต้องลาออก คนที่จะลงแทนคงโดนผู้สมัครคนอื่นโจมตีในจุดนี้แน่ ฉะนั้น การเลือกคนลงแข่งของพรรคประชาธิปัตย์ต้องระวังมากๆ หากเอาส.ส.เขตของพรรคลง ก็อาจเจอ 2 เด้ง เพราะต้องเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขตด้วย ก็จะเจอปัญหาการเงิน ผมวิเคราะห์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าลงแบบแทคทีม คือเปิดตัว ผู้สมัครผู้ว่าฯ 1 คน และทีมรองผู้ว่าฯ 3 คนแข็งๆไปพร้อมกัน เพื่อเสริมกันให้หมดก็น่าจะมีหวัง และยุคนี้ถ้าให้ผู้หญิงลง อย่างคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ก็น่าจะเหมาะสุด เพราะไม่ใช่ ส.ส.เขต และต้องเปิดตัวรองทั้ง 3 คน ไปพร้อมกันเลย ก็จะอุดจุดอ่อน และเรียกคะแนนได้" นายวัลลภกล่าว
เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์มาทาบทามมาจะตัดสินใจอย่างไร นายวัลลภ กล่าวว่า ก็คงประกาศทีมงานไปพร้อมกันอย่างที่ว่า และตนไม่ต้องเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯหรอก เป็นทีมรองผู้ว่าฯก็ได้ เพราะตนไม่เหมาะเป็นผู้ว่าฯ และตนก็ยังไม่เหมาะที่จะลงอิสระ เพราะได้ประเมินตัวเองแล้วว่า มีจุดอ่อนเรื่องไม่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ คนที่สนใจเรื่องเมกกะโปรเจกต์ ก็คงไม่เลือก แต่ถ้าเคยผ่านแล้วสักครั้ง ก็คงจะไหว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้น้ำหนักผู้ที่จะสมัครผู้ว่าฯกทม.ครั้งต่อไปมากที่สุดคือ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค โดยเมื่อ 4 ปีก่อน ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค สมัยเป็นรองหัวหน้าพรรค ได้ไปทาบทาม 2 คน คือนายกรณ์ และนายอภิรักษ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บริหารในบริษัทเอกชน โดยเห็นว่าทั้งคู่มีความเหมาะสม เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารกทม. ซึ่งในช่วงนั้นนายอภิรักษ์ จังหวะเหมาะสมมากกกว่า เพราะอยู่ในช่วงว่างของตำแหน่งผู้บริหาร พรรคจึงได้ตัดสินใจเลือกนายอภิรักษ์ และให้นายกรณ์ เข้ามาลงสมัครการเมืองระดับชาติภายหลัง
**ลุ้น"พรวุฒิ"แทน"กรณ์"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ ได้มีการเจรจากับนายกรณ์ เพื่อให้มาลงสมัครผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง แต่มีความเป็นไปได้สูงที่นายกรณ์ จะปฏิเสธการลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นในพรรค เนื่องจากมีสมาชิกพรรคบางส่วนคัดค้านนายกรณ์
อย่างไรก็ตาม หากนายกรณ์ปฏิเสธ พรรคก็ได้มองหาผู้ที่เหมาะสมอีกคือ นายพรวุฒิ สารสิน ที่ปรึกษานายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสมารถ ทั้งยังเป็นอดีตผู้บริหารมือหนึ่งของบริษัทเอกชนมาก่อน รวมทั้งเคยเป็นอดีต ส.ส.ของพรรค ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับนายอภิรักษ์ ที่สำคัญนายพรวุฒิ ได้เคยทำงานร่วมกับนายอภิสิทธิ์ในการเป็นตัวกลางในการเจรจาให้นายกรณ์ และนายอภิรักษ์ เข้ามาร่วมงานทางการเมืองกับพรรค ทั้งนี้รอเพียงการตัดสินใจของนายกรณ์กับนายพรวุฒิ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ทั้งนี้ในเรื่องของตัวบุคคลพรรคจะนำเข้าไปร่วมการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน