xs
xsm
sm
md
lg

“พรวุฒิ” ชื่อโผล่มีลุ้นชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.แต่ ปชป.ยังไม่เคาะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โฆษก ปชป.เผย พรรคยังไม่ตัดสินใจส่งใครลงผู้ว่าฯ ย้ำมาตรฐานต้องไม่ต่ำว่า “อภิรักษ์” ด้าน ผู้บริหารโค้ก “พรวุฒิ สารสิน” ชื่อโผล่ มีลุ้นหาก “กรณ์” เมินสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ ขณะที่ “ครูหยุย” ขอบาย อ้างไม่เคยบริหารองค์กรใหญ่ แนะ ปชป.เปลี่ยนกลยุทธ์ ชูผู้บริหาร กทม.ยกทีมเป็นจุดขาย

วันนี้ (16 พ.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเฟ้นหาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ว่า ขณะนี้พรรคยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะส่งใครลงรับสมัครเลือกตั้ง แต่ที่มีชื่อบุคคลต่างๆ ปรากฏออกมาล้วนมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงาน เป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้ ซึ่งพรรคคำนึงทั้งความรู้ความสามารถ ทั้งคนในและคนนอกที่อุดมการณ์ และแนวคิดที่สอดคล้องกับพรรค พรรคประชาธิปัตย์เปิดกว้างให้สำหรับทุกคนที่จะเข้ามาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ส่วนที่ว่าจะตัดสินใจลงรับสมัครเลือกตั้ง พรรคได้ตระหนักถึงความรู้สึกของประชาชนชาว กทม.โดยระหว่างนี้ได้มอบหมายให้ ส.ส. ส.ก.และ ส.ข.รวมถึงสาขาของพรรค ให้ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กทม.ว่า ใครจะเหมาะสม ซึ่งมาตรฐานในการเลือกผู้ว่าฯ กทม.ประชาธิปัตย์ จะไม่น้อยหน้ากว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ได้รับเลือกถึง 2 ครั้ง

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในการเฟ้นหาตัวผู้สมัครของพรรค ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนในเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคได้มีการพูดคุยกับ นายภูษณ ปรีย์มาโนช ประธานสถาบันนโยบายสัมคมและเศรษฐกิจ ซึ่งการพูดคุยกับคนนอกได้เคยเกิดขึ้นมาตลอด ก่อนที่นายอภรักษ์ จะรับปากว่า จะสมัครในนามพรรคก็เคยเป็นคนนอกมาก่อน ดังนั้น พรรคจะยึดตามแนวทางเดิม คือ หาทั้งคนนอกคนในที่มีความเหมาะสมที่สุด เพื่อที่จะมาเป็นผู้นำผู้บริหารกทม.ได้ ยอมรับว่า ขณะนี้พรรคได้มีการพูดคุยหลายคน รวมทั้ง นายวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้บริหารอมตะนครกรุ๊ป ซึ่ง นายวิกรม ก็ได้เสนอความคิดเห็นต่อปัญหาเศรษฐกิจ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ประชาชนให้การยอมรับ เมื่อมีผู้เสนอตัวเข้ามาพรรคก็พร้อมที่จะยอมรับฟัง เพื่อเลือกบุคคลให้เหมาะสมกับ กทม.

ขณะที่ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ อดีต ส.ว.กทม.กล่าวเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ถึงกรณีมีชื่อเป็น 1 ในแคนดิเดตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ของพรรคประชาธิปัตย์ในส่วนคนนอก ว่า ตนเพิ่งทราบข่าวจากสื่อ แต่ทั้งนี้น่าจะเป็นเรื่องที่คนในพรรคประชาธิปัตย์คุยกัน ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณที่มองว่า ตนมีประโยชน์พอ อย่างไรก็ดี แคนดิเดตที่ปรากฏทั้งหมดมีความเหมาะสมทุกคน แต่สำหรับตนมีข้อด้อย คือ ไม่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ อาจไม่สร้างความเชื่อมั่นให้คน กทม.เพียงพอ จึงไม่เหมาะเท่าบรรดาแคนดิเดตที่เป็นข่าว

“การเลือกผู้ว่าฯ กทม.ในภาวะนี้ พรรคประชาธิปัตย์มีจุดอ่อนแล้ว เพราะเพิ่งเลือกตั้งมา แต่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่งชนะเลือกตั้งก็เจอปัญหาจนต้องลาออก คนที่จะลงแทนคงโดนผู้สมัครคนอื่นตีเละแน่ ฉะนั้น การเลือกคนลงแข่งของพรรคประชาธิปัตย์ต้องระวังมากๆ หากเอาส.ส.เขตของพรรคลง ก็อาจเจอ 2 เด้ง เพราะต้องเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตด้วย ก็จะเจอปัญหาการเงิน ผมวิเคราะห์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าลงแบบแทกทีม คือ เปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ 1 คน และทีมรองผู้ว่าฯ 3 คนแข็งๆ ไปพร้อมกัน เพื่อเสริมกันให้หมดก็น่าจะมีหวัง และยุคนี้ถ้าให้ผู้หญิงลง อย่าง คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ก็น่าจะเหมาะสุด เพราะไม่ใช่ ส.ส.เขต และต้องเปิดตัวรองทั้ง 3 คน ไปพร้อมกันเลย ก็จะอุดจุดอ่อน และเรียกคะแนนได้” นายวัลลภ กล่าว

เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์มาทาบทามมาจะตัดสินใจอย่างไร นายวัลลภ กล่าวว่า ก็คงประกาศทีมงานไปพร้อมกันอย่างที่ว่า และตนไม่ต้องเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯหรอก เป็นทีมรองผู้ว่าฯก็ได้ เพราะตนไม่เหมาะเป็นผู้ว่าฯ และตนก็ยังไม่เหมาะที่จะลงอิสระ เพราะได้ประเมินตัวเองแล้วว่า มีจุดอ่อนเรื่องไม่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ คนที่สนใจเรื่องเมกกะโปรเจคก็คงไม่เลือก แต่ถ้าเคยผ่านแล้วสักครั้งก็คงจะไหว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้น้ำหนักผู้ที่จะสมัครผู้ว่าฯ กทม.ครั้งต่อไปมากที่สุด คือ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค โดยเมื่อ 4 ปีก่อน ในช่วงที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค สมัยเป็นรองหัวหน้าพรรค ได้ไปทาบทาม 2 คน คือ นายกรณ์ และนายอภิรักษ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บริหารในบริษัทเอกชน โดยเห็นว่าทั้งคู่มีความเหมาะสมเป็นคนรุ่นที่มีความรู้ความสามารถในการบริหาร กทม.ซึ่งในช่วงนั้น นายอภิรักษ์ จังหวะเหมาะสมมากกว่า เพราะอยู่ในช่วงว่างของตำแหน่งผู้บริหาร พรรคจึงได้ตัดสินใจเลือก นายอภิรักษ์ และให้นายกรณ์เข้ามาลงสมัครการเมืองระดับชาติภายหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ ได้มีการเจรจากับนายกรณ์ เพื่อให้มาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้ง แต่มีความเป็นไปได้สูงที่นายกรณ์จะปฏิเสธการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นในพรรค เนื่องจากมีสมาชิกพรรคบางส่วนคัดค้านนายกรณ์ อย่างไรก็ตาม หาก นายกรณ์ ปฏิเสธ พรรคก็ได้มองหาผู้ที่เหมาะสมอีก คือ นายพรวุฒิ สารสิน ที่ปรึกษา นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสมารถ ทั้งยังเป็นอดีตผู้บริหารมือหนึ่งของบริษัทเอกชนมาก่อน รวมทั้งเคยเป็นอดีต ส.ส.ของพรรค ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ นายอภิรักษ์ ที่สำคัญ นายพรวุฒิ ได้เคยทำงานร่วมกับนายอภิสิทธิ์ในการเป็นตัวกลางในการเจรจาให้ นายกรณ์ และ นายอภิรักษ์ เข้ามาร่วมงานทางการเมืองกับพรรค ทั้งนี้รองเพียงการตัดสินใจกับ นายกรณ์ กับ นายพรวุฒิ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ทั้งนี้ ในเรื่องของตัวบุคคลพรรคจะนำเข้าไปร่วมการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาที่มีนายบรรญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน
กำลังโหลดความคิดเห็น