ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ประธานชมรมผู้ค้าทองจ.ขอนแก่น เผยธุรกิจค้าทองเมืองขอนแก่นกระอัก เหตุราคาทองผันผวนหนักแค่ตุลาคมเดือนเดียวราคาลดฮวบมากกว่า 2,000 บาท กระทบร้านทองในเมืองขอนแก่นกว่า 90 แห่ง ขาดทุนยับในรอบหลายปี เผยพฤติกรรมซื้อทองเก็งกำไรที่ขอนแก่นไม่คึกคักเหมือนเยาวราช เหตุกลุ่มนักเก็งกำไรมีจำกัดไม่ถึง 5% ทั้งร้านทองไม่เน้นขายทองแท่ง คาดแนวโน้มราคาทองยังผันผวนหนัก เตือนนักเก็งกำไร อย่าเสี่ยง
สถานการณ์ราคาทองคำผันผวนในตลาดโลกอย่างรุนแรง ราคาขายทองคำแท่งทำสถิติราคาสูงสุดที่ระดับบาทละ 15,400 บาท เมื่อ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา และปรับลงต่ำสุดเหลือบาทละ 12,400 บาท เมื่อ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ดังกล่าว เป็นช่องทางให้เกิดการเก็งกำไรราคาทองคำกันอย่างคึกคัก จนเกิดเหตุการณ์ที่มีประชาชนเข้าคิวยาวเหยียด เพื่อรอซื้อทองคำแท่งที่เยาวราช กรุงเทพฯ
ขณะเดียวกันปรากฏการณ์ราคาทองคำผันผวน หากมองในมุมของผู้ประกอบการหรือร้านค้าทองคำแล้ว ราคาที่ผันผวนอย่างรวดเร็วไม่ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าทองคำแน่นอน ทั้งราคาที่ปรับขึ้นหรือลดลง ซึ่งราคาที่ปรับขึ้นในแง่ดีร้านทองขายทองได้กำไรเพิ่ม แต่ก็ทำให้ปริมาณการซื้อตกลงเช่นกัน ส่วนราคาที่ลดลงย่อมกระทบต่อผลกำไรในธุรกิจ มูลค่าทองคำย่อมหายไปตามราคาทองที่ลดลง
นายธีรนันท์ บูรณไมตรี ประธานชมรมผู้ค้าทองคำจังหวัดขอนแก่น เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ถึงสถานการณ์ร้านจำหน่ายทองในจังหวัดขอนแก่นว่า สถานการณ์ความผันผวนราคาทองคำปี 2551 นี้ มีความผันผวนมากเมื่อเทียบกับการค้าทองคำในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เกิดความผันผวนทางราคาที่รุนแรงและเร็วมาก จนธุรกิจค้าทองคำในประเทศปรับตัวรับสถานการณ์ไม่ทัน
ผลกระทบจากความผันผวนราคาทองคำเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากทำให้สมาคมผู้ค้าทองคำต้องประกาศหยุดซื้อขายทองคำแท่งในวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาในช่วงวันหยุดแล้วนั้น ส่วนผลกระทบที่เกิดกับผู้ค้าทองคำในจังหวัดขอนแก่น ก็ได้รับผลกระทบที่รุนแรงเช่นกัน โดยราคาที่ปรับลงอย่างรุนแรงนี้ ทำให้ผู้ค้าทองคำขาดทุนจากการจำหน่ายทอง
“ความผันผวนของราคาทองเมื่อเดือนตุลาคม มีความผันผวนรุนแรงมาก ราคาทองคำแท่งเคยปรับขึ้นสูงสุดเมื่อ 10 ตุลาคมที่บาทละ 14,700 บาท แต่ราคาก็ปรับลดฮวบมาเหลือแค่ 12,400 บาท เมื่อ 23 ตุลาคม หรือราคาปรับลดมากกว่า 2,000 บาท เพียงแค่ระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ปรากฏการณ์ดังกล่าว กระทบกับร้านค้าทองคำในจังหวัดขอนแก่น ได้รับผลกระทบแรงมาก เพราะไม่สามารถปรับทัน ต้องขาดทุนมากกว่าบาทละ 2,000 บาท”นายธีรนันท์ กล่าวและว่า
ความเสียหายจากราคาทองผันผวนดังกล่าว กระทบธุรกิจค้าทองในจังหวัดขอนแก่นเป็นวงกว้าง เฉพาะเขตอำเภอเมืองขอนแก่นมีร้านจำหน่ายทองรูปพรรณเปิดดำเนินงานมากกว่า 90 แห่ง ตามปกติร้านทองขนาดใหญ่จะสต๊อกทองไว้จำหน่ายแห่งละประมาณ 1,000 บาท ส่วนร้านทองขนาดเล็กจะสต๊อกทองไว้ประมาณ 500 บาท ซึ่งผลจากความผันผวนราคาทองคำเฉพาะเดือนตุลาคมนี้กระทบธุรกิจค้าทอง จ.ขอนแก่นเสียหายหนักในรอบหลายปี
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการซื้อทองคำของประชาชนในจังหวัดขอนแก่น มากกว่าร้อยละ 95 ซื้อทองคำเพื่อเป็นเครื่องประดับส่วนตัว หรือเก็บออมไว้ในครอบครัว มากกว่าที่จะมุ่งซื้อทองคำไว้เพื่อเก็งกำไร วัดจากการจำหน่ายทองคำของร้านค้าทองแต่ละแห่งเกือบทั้งหมดจำหน่ายทองรูปพรรณ ส่วนทองคำแท่งมีจำหน่ายน้อยมากหรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 5% ของยอดจำหน่ายทองทั้งหมด
ทั้งนี้ร้านทองใน จ.ขอนแก่น จะนำทองคำแท่งขนาดเล็ก 1 บาท 2 บาท และ 5 บาท มาจำหน่าย ส่วนผู้ซื้อจะซื้อทองแท่งไว้เป็นที่ระลึก มอบเป็นของขวัญ มากกว่าที่จะมุ่งกว้านซื้อทองแท่งไว้เก็งกำไรทางด้านราคา
นายธีรนันท์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมธุรกิจค้าทองต่างจังหวัด ณ ปัจจุบัน แตกต่างจากการค้าทองคำในอดีตมาก ที่ผ่านมาทองคำปรับราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจมีความเสี่ยงต่ำ แต่การค้าทองคำปัจจุบัน มีผลกำไรต่ำและความเสี่ยงสูง เนื่องจาก ราคาทองคำปัจจุบันต้องอิงกับปัจจัยที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย รวมถึงนักเก็งกำไรทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามามีบทบาทสูง ผู้ประกอบการที่สายป่านธุรกิจสั้น จึงยากที่จะประคองกิจการให้อยู่รอดได้ในตลาด จึงมีร้านทองปิดกิจการลงหลายแห่ง
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำปีหน้า เชื่อว่า ราคาทองคำจะยังคงผันผวนเช่นเดียวกับปี 2551 ปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจโลก ประชาชนที่เตรียมจะเข้ามาเก็งกำไรในราคาทองคำ ไม่ควรเสี่ยง แต่ควรซื้อทองคำไว้เพื่อการเก็บออม หรือซื้อไว้เพื่อเป็นเครื่องประดับน่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน