คอลัมน์ ตลาดทุนไทยในสายตาต่างชาติ
บริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) จำกัด
กลยุทธ์หนึ่งที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายมักใช้ในการสร้างความแตกตื่นในกลุ่มฝูงชน เพื่อสร้างกระแสอะไรบางอย่างขึ้นมา ให้เกิดผลหรือชักนำให้เกิดเผลอะไรบางอย่าง ทั้งทางตรง และทางอ้อม ตามที่ตนเองต้องการ เช่น ให้ข่าวร้าย ออกข่าวลือ ให้ร้ายป้ายสี เป็นต้น ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อไม่นานมานี้ ที่เกิดกระแสข่าวร้ายบางอย่างที่ทำให้นักลงทุนที่ทราบ ต่างทยอยขายหุ้นออกจากพอร์ตโดยด่วน เนื่องจากเกรงว่าผลของข่าวร้ายดังกล่าว จะกระทำต่อราคาหลักทรัพย์ที่ตนเองถือครองเอาไว้นั่นเอง
การที่ตลาดอนุพันธ์ฯ เปิดดำเนินการช้ากว่าปกติ ก็ส่งผลกระทบต่อกำไรของนักลงทุน และนักเก็งกำไรจำนวนมากมาแล้วเมื่อไม่นานมานี้ โดยเฉพาะกับนักลงทุนรายย่อย แต่ถ้าลองค้นข้อมูลให้ดี ในกรณีนี้ มีรายใหญ่เสียหายอยู่ไม่เท่าไหร่ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร หรือรายใหญ่จะมีองค์ จนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ อะไรประมาณนั้น
ราคาทองคำในตลาดโลก มีการปรับตัวลงในระยะสั้นเมื่อตอนกลางคืนของวันที่จันทร์ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายระยะกลางอยู่ประมาณ 1,000 USD ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งหากใครถือสัญญา Long ข้ามวันในช่วงวันดังกล่าว ก็จะทำให้สูญเสียเงินไปจำนวนมาก ณ ช่วงความผันผวนที่เกิดขึ้น เพราะราคาทองคำมัก ซื้อ-ขาย กันมากในตลาด COMEX ซึ่งเป็นช่วงค่ำของบ้านเรา กอปรกับสัญญาซื้อขาย ที่ดำเนินการโดยตลาดอนุพันธ์ฯ ไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากในช่วงเช้า ที่ราคาทองคำบ้านเราอิงกับ ราคาทองคำ ที่ฮ่องกง และ ช่วงบ่าย ไปอิงกับ ณ ตลาดลอนดอน ซึ่งทำให้นักลงทุนในบ้านเรา สามารถใช้กราฟของ 2 ตลาด เป็นแนวทางประกอบการซื้อขายได้เท่านั้น แต่เท่าที่กล่าวไปในตอนต้นว่า ตลาดอเมริกา เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงกว่าตลาดอื่นๆ ที่กล่าวมา ทำให้ผลของความผันผวนโดยรวมทั้งหมด มักเกิดในช่วงตอนกลางคืนที่นักลงทุนทั้งหลายไปสามารถไปปลุกตลาดหลักทรัพย์ให้มาทำการซื้อ-ขาย ได้ จึงได้แต่เฝ้ามอง และนั่งคำนวนเงินของตนเองที่สูญเสียลงไปเรื่อยๆ หากเสี่ยงเปิดสัญญาค้างไว้ในช่วงดังกล่าว
ย้อนกลับมาที่ตลาดในบ้านเรากันบ้าง ที่ออกอาการแกว่งแบบ Sideway อย่างเห็นได้ชัด (นิยามของ ตลาด Sideway คือ ไม่มีทิศทางที่แน่ชัด เช่น ทำ HH แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำ HL เป็นต้น) แต่ถึงกระนั้น นักลงทุนในบ้านเราก็ยังไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงเครื่องมือ หรือ อินดิเคเตอร์ ให้สอดคล้องกับรูปแบบการแกว่งตัวของกราฟซึ่งหมดช่วงแนวโน้มไปแล้วนั่นเอง
กลยุทธ์หนึ่ง ซึ่งใช้งานในเสมอ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น กลาง ยาว คือ การดูการเปลี่ยนแนวโน้มของแนวโน้มหลัก แล้วเกิดปรากฏการณ์ดังรูป
จากรูปดังกล่าว แสดงให้เห็นถึง จุด X ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวของแนวโน้ม ซึ่งจะเกิดแนวโน้มใหม่ (อาจเป็นแนวโน้มระยะสั้น ที่ไม่ครบคลื่น) โดยดูจากระยะของ X ไปหา 1 นั้น หากเทียบเป็น 100% ตามระยะแนวดิ่ง แล้วละก็ ระยะทางตามแนวดิ่งระหว่าง 1 ไปหา 2 นั้น จะเท่ากับ 50% ถึง 2/3 ส่วน ของระยะทางจาก X ไปหา 1 นั่นเอง
หากนักลงทุนได้พบกับกราฟราคาในสินค้าทางการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารอนุพันธ์ หรือแม้กระทั่งสินค้าโภคภัณฑ์ก็ตาม รูปแบบของการเคลื่อนไหวนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ในทุกกรณีครับ (ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ www.technicalday.com)
บริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) จำกัด
กลยุทธ์หนึ่งที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายมักใช้ในการสร้างความแตกตื่นในกลุ่มฝูงชน เพื่อสร้างกระแสอะไรบางอย่างขึ้นมา ให้เกิดผลหรือชักนำให้เกิดเผลอะไรบางอย่าง ทั้งทางตรง และทางอ้อม ตามที่ตนเองต้องการ เช่น ให้ข่าวร้าย ออกข่าวลือ ให้ร้ายป้ายสี เป็นต้น ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อไม่นานมานี้ ที่เกิดกระแสข่าวร้ายบางอย่างที่ทำให้นักลงทุนที่ทราบ ต่างทยอยขายหุ้นออกจากพอร์ตโดยด่วน เนื่องจากเกรงว่าผลของข่าวร้ายดังกล่าว จะกระทำต่อราคาหลักทรัพย์ที่ตนเองถือครองเอาไว้นั่นเอง
การที่ตลาดอนุพันธ์ฯ เปิดดำเนินการช้ากว่าปกติ ก็ส่งผลกระทบต่อกำไรของนักลงทุน และนักเก็งกำไรจำนวนมากมาแล้วเมื่อไม่นานมานี้ โดยเฉพาะกับนักลงทุนรายย่อย แต่ถ้าลองค้นข้อมูลให้ดี ในกรณีนี้ มีรายใหญ่เสียหายอยู่ไม่เท่าไหร่ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร หรือรายใหญ่จะมีองค์ จนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ อะไรประมาณนั้น
ราคาทองคำในตลาดโลก มีการปรับตัวลงในระยะสั้นเมื่อตอนกลางคืนของวันที่จันทร์ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายระยะกลางอยู่ประมาณ 1,000 USD ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งหากใครถือสัญญา Long ข้ามวันในช่วงวันดังกล่าว ก็จะทำให้สูญเสียเงินไปจำนวนมาก ณ ช่วงความผันผวนที่เกิดขึ้น เพราะราคาทองคำมัก ซื้อ-ขาย กันมากในตลาด COMEX ซึ่งเป็นช่วงค่ำของบ้านเรา กอปรกับสัญญาซื้อขาย ที่ดำเนินการโดยตลาดอนุพันธ์ฯ ไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากในช่วงเช้า ที่ราคาทองคำบ้านเราอิงกับ ราคาทองคำ ที่ฮ่องกง และ ช่วงบ่าย ไปอิงกับ ณ ตลาดลอนดอน ซึ่งทำให้นักลงทุนในบ้านเรา สามารถใช้กราฟของ 2 ตลาด เป็นแนวทางประกอบการซื้อขายได้เท่านั้น แต่เท่าที่กล่าวไปในตอนต้นว่า ตลาดอเมริกา เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงกว่าตลาดอื่นๆ ที่กล่าวมา ทำให้ผลของความผันผวนโดยรวมทั้งหมด มักเกิดในช่วงตอนกลางคืนที่นักลงทุนทั้งหลายไปสามารถไปปลุกตลาดหลักทรัพย์ให้มาทำการซื้อ-ขาย ได้ จึงได้แต่เฝ้ามอง และนั่งคำนวนเงินของตนเองที่สูญเสียลงไปเรื่อยๆ หากเสี่ยงเปิดสัญญาค้างไว้ในช่วงดังกล่าว
ย้อนกลับมาที่ตลาดในบ้านเรากันบ้าง ที่ออกอาการแกว่งแบบ Sideway อย่างเห็นได้ชัด (นิยามของ ตลาด Sideway คือ ไม่มีทิศทางที่แน่ชัด เช่น ทำ HH แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำ HL เป็นต้น) แต่ถึงกระนั้น นักลงทุนในบ้านเราก็ยังไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงเครื่องมือ หรือ อินดิเคเตอร์ ให้สอดคล้องกับรูปแบบการแกว่งตัวของกราฟซึ่งหมดช่วงแนวโน้มไปแล้วนั่นเอง
กลยุทธ์หนึ่ง ซึ่งใช้งานในเสมอ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น กลาง ยาว คือ การดูการเปลี่ยนแนวโน้มของแนวโน้มหลัก แล้วเกิดปรากฏการณ์ดังรูป
จากรูปดังกล่าว แสดงให้เห็นถึง จุด X ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวของแนวโน้ม ซึ่งจะเกิดแนวโน้มใหม่ (อาจเป็นแนวโน้มระยะสั้น ที่ไม่ครบคลื่น) โดยดูจากระยะของ X ไปหา 1 นั้น หากเทียบเป็น 100% ตามระยะแนวดิ่ง แล้วละก็ ระยะทางตามแนวดิ่งระหว่าง 1 ไปหา 2 นั้น จะเท่ากับ 50% ถึง 2/3 ส่วน ของระยะทางจาก X ไปหา 1 นั่นเอง
หากนักลงทุนได้พบกับกราฟราคาในสินค้าทางการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารอนุพันธ์ หรือแม้กระทั่งสินค้าโภคภัณฑ์ก็ตาม รูปแบบของการเคลื่อนไหวนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ในทุกกรณีครับ (ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ www.technicalday.com)