xs
xsm
sm
md
lg

"ทักษิณ"กำลังหายนะเจ๊งหมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – "สนธิ"ยกคำเทศนา“หลวงตามหาบัว”เตือน"ทักษิณ"หายนะไม่มีแผ่นดินอยู่ รักษาทรัพย์สมบัติและชีวิตไม่ได้ อัดพวกลิ่วล้อสร้างเรื่องคุณไสยบิดเบือนทั้งที่เป็นคนเอามาเปิดโปง ย้ำเคารพและเชื่อในพระธรรมคำสอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทวยเทพเชื่อในกฎแห่งกรรม แฉ “แม้ว” เจ๊งจากการลงทุนตราสารหนี้กองทุนน้ำมันต่างประเทศนับหมื่นล้าน “จำลอง”เผยเปิดช่องทางจราจรถนนราชดำเนินโดยไม่มีอะไรกีดขวางตั้งแต่ 14 พ.ย.-5 ธ.ค.เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดี แฉเหตุบึ้มรายวันเป็น M-79 ยิงจากหลังคา ก.พ.หวังผลเวทีพันธมิตรฯ “ปฐมพงษ์” คาด“เศษมนุษย์” ใช้“เครื่องยิงระเบิดวิถีโค้ง”ลั่นนำ“ชิ้นส่วนระเบิด” มอบ ผบ.ทบ.เพื่อเป็นหลักฐานลากคอคนชั่วใช้อาวุธสงครามร้ายแรงกับ ปชช.ผู้บริสุทธิ์ “ชวน” กรีดรัฐบาลอย่าละเลยปัญหา จี้ตำรวจแสดงศักยภาพก่อนคนเรียกหาทหาร

วานนี้ (11 พ.ย.) เวลา 20.20 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลโดยเริ่มต้นด้วยการย้อนเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปกราบนมัสการหลวงตามหาบัวที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เพื่อขอพรให้ช่วยเหลือให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในครั้งนั้นหลวงตาได้สั่งสอนว่าอย่าลืมตัว แต่ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปลี่ยนไป และในปี 2548 หลวงตาก็ได้บอกว่ากำลังกลายเป็นเทวทัต อย่างไรก็ดีทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โกรธและตอบโต้หลวงตาว่า เดิมหลวงตาเคยเมตตาเขา แต่คราวนี้เขจะเมตตาท่าน(หลวงตา)บ้าง

นายสนธิ เล่าว่ามีอยู่ช่วงหนึ่ง หลวงตามหาบัว ได้เชิญตนและ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพบเนื่องจากเห็นว่าเคยเป็นศิษย์ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไม่ไป ซึ่งหลวงตาได้พูดว่าในเวลาต่อมาว่า "วันนี้เป็นวันสุดท้าย บุญของมันหมดแล้ว และคำสุดท้ายพูดว่าแผ่นดินมันก็ไม่มีจะอยู่ ทรัพย์สมบัติและชีวิตก็จะรักษาไม่ได้"

นายสนธิ กล่าวว่า ที่เอาเรื่องนี้มาพูดเพราะตนเชื่อในกฎแห่งกรรม ไม่ว่าเรื่องใหญ่แค่ไหน ก็หนีไม่พ้นและใจจะรุ่มร้อนไปจนวันตาย เรายึดมั่นใจในคำสอน ยึดมั่นในทวยเทพ เมื่อยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้จึงถูกใส่ร้ายว่าเล่นคุณไสย

"ที่ผ่านมาผมเห็นมาจึงเอามาเล่าให้ฟังถึงเรื่องการทุบพระพรหม ผมก็ไม่ได้ทุบ แต่คนทุบก็ตาย และที่น่าแปลก พ.ต.ท.ทักษิณ สมัยที่เป็นนายกฯกลับไปเป็นประธานในพิธีและเอาบางสิ่งไปวางไว้ใต้ฐานชองพระพรหม และทั้งที่ตามปกติจะเป็นประธานมูลนิธิพระพรหมเอราวัณ" นายสนธิ ระบุและว่า เวลาตนเองสวดก็สวดพระธรรมคาถาของพระพุทธองค์ แผ่เมตตาชุดใหญ่เหมือนเมื่อครั้งสมัยพระพุทธกาล มีบันทึกในพระไตรปิฏก ไม่ใช่สวดภาษาเขมร ขณะเดียวกันมาเล่าให้ฟังว่าเขาแก้อย่างไร เหมือนกับเรื่องผ้าอนามัย ตนเองก็ไม่ได้ทำ แต่มาเล่าให้ฟัง แต่กลับเอามาเล่าเป็นตุเป็นตะทำเป็นสารคดีเอ็นบีที

นายสนธิ กล่าวถึงเรื่องการใส่ชุดขาว นั้นก็เพื่อไล่สิ่งชั่วร้าย และน้ำมนต์ที่เอามาพรหมนั้นก็เป็นน้ำมนต์ที่หลวงตามหาบัวทำพิธีปลุกเสกมาให้ แต่มีบางคนต้องการเบี่ยงเบน แต่ไม่เห็นพูดเรื่องการเข้าไปทำบุญในวัดพระแก้ว หรือประชุมคณะรัฐมนตรีที่ปราสาทพนมรุ้ง หรือการขี้ช้างแก้เคล็ดบ้างละ

นายสนธิ กล่าวว่า เวลานี้เกมไกล้จบ ดังนั้นฝ่ายตรงข้ามจึงต้องออกอาวุธเท่าที่มี ใช้ทั้งความรุนแรงเพื่อให้ยอมจำนน และใช้คนเปลี่ยนหน้ามาเรื่อง จากเดิม พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ล่าสุดก็ใช้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งตนเองได้รับปาก พล.ต.จำลอง ศรีเมืองแล้วว่า จะไม่พูดถึงคนๆนี้ เพราะ พล.ต.จำลองยังรักเป็นเพื่อนไม่เปลี่ยนแปลง

นายสนธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยมีคนเสนอให้ พล.อ.พัลลภ เป็นแกนนำพันธมิตรฯรุ่นสอง แต่หลายคนคัดค้าน รวมทั้งตนเองด้วย เพราะให้เป็นไม่ได้ เพราะเป็นคนสั่งฆ่าพี่น้องมุสลิมที่มัสยิดกรีอเซะ เราจะไปทำร้ายจิตใจพี่น้องมุสลิมที่ร่วมสู้กันมาไม่ได้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นชนวนความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้

จากนั้นได้มีการเปิดเทปคำพูดของ นายเพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ที่ปราศรัยที่เชียงใหม่จวบจ้วงสถาบันเบื้องสูง เพื่อเอาใจ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อตอบแทนที่ได้เงินกู้จากธนาคารเอสเอ็มอีมาคำจุนธุรกิจที่กำลังย่ำแย่ คนพวกนี้คือลิ่วล้อของทักษิณ หรือที่ตีหน้าเศร้าแล้วเล่าให้ พล.อ.พัลลภฟังแล้วเชื่อว่าจงรักภักดี

นายสนธิ ได้นำหลักฐานในเรื่องความบังเอิญและชี้ให้เห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ระบุว่าเป็นรูปของพญากือนา กษัตริย์พระองค์หนึ่งในราชวงศ์ล้านนาในอดีต ที่บังเอิญมีใบหน้าคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งพระพุทธรูปชินวัตรมุณีทรงหน้าเหลี่ยม

"ผมจะมองทั้งระบบ มองป่าทั้งป่า ไม่ใช่แค่ต้นไม้ต้นเดียว ทุกอย่างเป็นกระบวนการสอดคล้องกันหมด เอามาเปิดเผยตั้งแต่เรื่องที่พวกมันทำมนต์ดำ ทำพิธีในวัดพระแก้ว จนกระทั่งให้คนถือธงทรงพระเจริญ" นายสนธิ ระบุ และว่าเวลานี้มีทางเดียวที่จะเอา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาคือต้องมีการปฏิวัติเท่านั้น พร้อมทั้งเปิดเผยความลับว่า เวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขาดทุนจากการลงทุนในตราสารหนี้กองทุนน้ำมันเป็นหมื่นล้านบาท ตอนนี้จึงมีแต่รายจ่ายเพื่อจ้างคนมาป่วน และนี่คือคำพูดของหลวงตามหาบัวที่เคยบอกว่าแม้แต่ทรัพย์สินมันก็จะรักษาไม่ได้

ในตอนท้าย นายสนธิ กล่าวว่า ในวันที่ 14-15-16 พ.ย.จะมีการเปลี่ยนฉากหลังบนเวทีพันธมิตรฯ และจะหยุดการปราศรัย 3 วันเพื่อถวายพระเกียรติและมีการถวายพระเกียรติสมเด็จพระพี่นางฯ

**“สมศักดิ์”ชี้รบ.รู้เห็นคนชั่วขว้างระเบิด

เวลา 21.05 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า วันนี้ (14พ.ย.) ขอความร่วมมือร้านค้าให้ย้ายออกจากถนนราชดำเนินเพื่อทำความสะอาดถนน รับเสด็จในวันที่ 14 -16 พ.ย.นี้ และกล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงเวลา 03.00 น.ของวานนี้ว่า ตอนนี้คนที่ได้รับบาดเจ็บปลอดภัยแล้วไม่ต้องห่วง

“การเอาระเบิดมาขว้างมาเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ซึ่งเมื่อคืนจุดที่ระเบิดขว้างมาเป็นสถานที่ราชการ แสดงความรัฐบาลมีส่วนรู้เห็น ให้ความร่วมมือผู้ก่อการร้าย ทั้งที่เราไม่เคยรุนแรงก่อน อย่างไรก็ตามพันธมิตรฯ จะเปิดถนนรองรับเสด็จในวันพระราชพิธี เพื่อความสวยงามของประเทศอย่างแต่แน่นอน งานนี้เราทำโดยไม่ต้องมีใครร้องขอ เราพร้อมที่จะดูแลตนเองได้”

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงการกระทำที่ผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่า ถ้าประเทศจีนยังให้อยู่ พันธมิตรฯอาจต้องไปที่สถานทูตจีนแน่ แต่ต้องขอขอบคุณที่ไม่ให้คนๆ นี้อยู่ในประเทศต่อไป ซึ่งตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนนกขมิ้นที่บินแล้วไม่มีที่นอน ไปไหนไม่ได้ ซึ่งในเครือจักรภพ 100 กว่าประเทศไม่ยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แน่ ซึ่งจะต้องไปหาประเทศเกิดใหม่ หรือกลับมาที่เกาะกง

ส่วนเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและคณะกรรมาธิการขอบสภาก็มีข้อสรุปว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี มีความผิดในการสั่งตำรวจฆ่าประชาชน ซึ่งความจริงมีความผิดมาตั้งแต่เป็นนายกฯ ดังนั้น จึงไม่ควรมาบริหารประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องรอฟังความเห็นหลังจากที่เคยบอกว่าจะนำไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง

“ในช่วงนี้จนถึงสิ้นเดือนนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งจะมีการสิ้นสุดของรัฐบาลทรราช ซึ่งไม่มีความชอบธรรมครบวงจร และวันใดที่มีการแก้รัฐธรรมนูญ เราก็ยอมไม่ได้” นายสมศักดิ์ กล่าว

**พธม.เปิดถนนตั้งแต่14พ.ย.-5ธ.ค.

ก่อนหน้านี้ เวลา 10.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าวที่ห้องสื่อมวลชน โดย พล.ต.จำลอง เปิดเผยว่า ที่ประชุมแกนนำพันธมิตรฯได้มีมติให้เปิดช่องทางการจราจรบนถนนราชดำเนินนอกตั้งแต่บริเวณแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ถึงแยกมิสกวันทั้งสิบช่องทางจราจร โดยไม่มีอะไรกีดขวางตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.-5 ธ.ค.เพื่อเป็นการถวายคงวามจงรักภักดี แม้ว่าการชุมนุมยังถูกคุกคามและถูกทำร้ายด้วยอาวุธสงครามก็ตาม

ขณะที่นายพิภพ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินในรายการความจริงวันนี้สัญจรอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะเปิดเผยรายชื่อผู้ที่เป็นศัตรูทางการเมืองว่า พันธมิตรฯคงไม่มีอะไรตอบโต้ เพราะเห็นว่าเป็นข่าวออกมาเท่านั้นและยังไม่รู้เลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพูดเรื่องอะไรบ้าง จึงต้องรอดูสถานการณ์

เมื่อถามว่าการเปิดเผยรายชื่อศัตรูของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ แกนนำพันธมิตรฯวิเคราะห์หรือไม่ว่าอาจจะมีรายชื่อของแกนนำรวมอยู่ด้วย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า คาดการณ์ล่วงหน้าอะไรไม่ได้ ทางแกนนำเองก็ยังไม่ได้ประชุมกันในเรื่องนี้เลย คงต้องติดตามและดูว่าข้อความที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดจะเป็นจริงแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรระมัดระวังในการใช้สื่อของรัฐบาล ไม่ควรใช้คลื่นของรัฐ ที่เป็นของประชาชน ดังนั้น รัฐควรออกมาดูแลเรื่องนี้ ไม่ใช่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหว เพราะจะทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงของชาติได้

**”จำลอง”ปัดไม่เอ่ยถึงเพื่อน”พัลลภ”

เมื่อถามต่อว่ากรณีที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ และบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลที่จงรักภัคดีต่อชาติ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนขออนุญาตไม่ตอบคำถามเรื่องนี้ เมื่อถามว่ามองว่าจะเป็นการสนับสนุนความชอบธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.ต.จำลอง ตอบว่า ไม่ทราบ ถามอีกว่าจะมีการติดต่อเจรจากันหรือไม่ พล.ต.จำลอง ตอบว่า "ผมขอไม่เอ่ย ถึงเรื่องนี้ครับ ไม่ขอออกความคิดเห็น"

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีผลกระทบต่อความเป็นเพื่อนหรือไม่ พล.ต.จำลองอธิบายว่า เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ จปร.7 แล้วก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย และกล่าวกับนักข่าวว่า "ผมบอกว่าไม่ขอเอ่ย คนคนนี้ ยังจะมาถามอยู่ได้ เอาเป็นว่าผมไม่ขอพูดเรื่องนี้เลยครับ"

ผู้สื่อข่าวพยายามถามอีกว่า หากตอนนี้ความสัมพันธ์กับ พล.อ.พัลลภ เปลี่ยนไปแล้ว พล.ต.จำลอง จะมีที่ปรึกษาเป็นใคร พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในที่ชุมนุมก็มีทั้ง พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ มี พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ และ พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ เป็นที่ปรึกษาอยู่แล้วจะปรึกษาใครก็ได้ ไม่มีปัญหา

ถามว่าเห็น พล.อ.พัลลภ ระบุว่า มีพันธมิตรฯที่เป็นเพื่อน จปร.7 บางคนติดต่อมา พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าใคร แต่ที่พันธมิตรฯก็มี พล.อ.ปรีชา เพียงคนเดียวที่เป็น จปร.7

ส่วนกรณีที่มีผู้สนับสนุนเสื้อเหลืองที่ลดลง แต่กลับมีผู้สนับสนุนเสื้อแดงมากขึ้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดง พันธมิตรฯให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับทางรัฐบาลเท่านั้น เราไม่ได้แข่งกันเรื่องของมวลชน

**เผย M-79ถูกยิงมาจากหลังคา กพ.

ส่วนกรณีคลิปฉาวของนายสมชาย วงสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พล.ต.จำลอง เห็นว่านายสมชาย ที่เคยเป็นอดีตผู้พิพากษา และเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมมาก่อน ควรฟ้องว่าใครเป็นคนทำ เพราะเห็นนายสมชาย ออกมาบอกว่าคลิปดังกล่าว เป็นตนเองจริง แต่มีคนตัดต่อรูปบางส่วน

"ถ้าคุณสมชาย บริสุทธิ์ใจจริง ควรปฏิเสธให้ชัดว่าไม่ใช่เขาจริงๆ นี่ถ้าเป็นนายกฯประเทศอื่นเขาลาออกไปแล้วมีข่าวฉาวขนาดนี้เป็นถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม ยังเอาเวลาไปกบสาว ไม่ทำงานหรือยังไง แต่ถ้าไม่ใช่เขา ก็ฟ้องเลยครับจะได้กอบกู้ชื่อเสียงเกียรติภูมิคืนมา ผมดูแล้วคุณสมชาย คงจะรู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนทำ"

พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุระเบิดว่า ทาง พล.อ.ปฐมพงษ์ ไปตรวจสอบดูแล้วระบุว่า น่าจะเป็นระเบิดชนิด M 79 ซึ่งคาดว่าจะยิงมาจากหลังคาสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) หวังผลเวทีพันธมิตรฯ ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คนโดยการ์ดพันธมิตรฯได้เข้าไปขอความร่วมมือกับก.พ.ร.แล้วว่า ให้ตรวจสอบการเข้า-ออกของผู้มาติดต่อให้ดี

นายจรัส ลิ้มสัสนานนท์ อายุ 62 ปี ชาว กทม.ซึ่งได้รับบาดเจ็บเปิดเผยเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุว่า เวลาประมาณตี 3 ขณะที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกศรศุกร์ อดีตผู้บัญชาการกองทัพไทยและที่ปรึกษาพันธมิตรฯได้ลงจากเวทีปราศรัย ซึ่งตนนั่งฟังปราศรัยอยู่ ไม่นานก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ซึ่งระเบิดดังกล่าวได้ห่างจากตนประมาณ 10 เมตร โดยทะลุจากหลังคาผ้าใบคลุมแดดลงมาเป็นรูขนาดใหญ่ลงมาที่พื้น ไม่รู้ว่าระเบิดดังกล่าวยิงมาจากทิศทางไหน ขณะเดียวกัน ตนก็สังเกตผู้ชุมนุมจำนวนมากหมอบอยู่ที่พื้น พร้อมทั้งส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว หลังจากสิ้นเสียงระเบิด ก็มีผู้บาดเจ็บเป็น 4-5 คน ร้องครวญครางอยู่ที่พื้น ส่วนตนก็ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหัวเข่า ขาซ้าย ก่อนที่จะมีการ์ดพันธมิตรฯนำส่งสถานพยาบาลรักษาแผลเบื้องต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณจุดเกิดเหตุทำเนียบฯ ซึ่งห่างเวทีปราศรัยประมาณ 50 เมตรพบหลุมกว้างประมาณ 10 ซม.พร้อมกับสะเก็ดระเบิดจำนวนมาก ส่วนหลังจากผ้าใบเป็นรูกว้าง 1 เมตร พร้อมทั้งมีรอยไหม้ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจาย และได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยรัศมีของแรงระเบิดในครั้งนี้พบว่าห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 ร้อยเมตร โดยวันนี้ทางกองพิสูจน์หลักฐานจะเข้ามาตรวจสอบ และเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุว่า ระเบิดชนิดไหน

**“ปฐมพงษ์”ลั่นนำชิ้นส่วนบึ้มให้ ผบ.ทบ.

ด้าน พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ลักษณะของระเบิดน่าจะเป็นเครื่องยิงระเบิดวิถีโค้ง โดยมีระยะยิง 150 เมตร ซึ่งถูกยิงมาตกลงกลางหลังคาเต็นท์ โดยระเบิดลูกดังกล่าวตกลงมาตรงที่มีคนนอนยู่พอดี แต่โชคดีที่ตกมาบนหลังคาเต้นท์เสียก่อนทำให้มีผู้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจากการสอบถามคนที่เห็นเหตุการณ์จึงพอสรุปได้ว่าระเบิดลูกดังกล่าวสามารถทำอันตรายจนถึงชีวิตได้ ส่วนการ์ดพันธมิตรฯจะต้องนำหลักฐานที่เก็บรวบรวมได้ไปส่งมอบให้กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เพราะมีการใช้อาวุธสงคราม

“และนี่เป็นการพิสูจน์ว่า แม้ว่าจะเกิดเหตุระเบิดกับพันธมิตรฯ ถึงเพียงนี้ แต่เราก็พร้อมที่จะเปิดถนนเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน ดังนั้น รัฐบาลควรที่จะต้องรับผิดชอบต่อ ส่วน เสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก) เสียดายที่ไปอยู่ในโรงเรียนที่ดีที่สุดของประเทศไทย และถ้ามีการสืบทราบว่า มีการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดก็สมควรที่จะถูกถอดยศประจาน” พล.อ.ปฐมพงษ์ ระบุ

ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นเกิดขึ้นเหมือนกันทุกวัน โดยตนจะเสนอแกนนำพันธมิตรฯให้เขียนรายงานสรุปสถานการณ์เพื่อมอบให้กับ ผบ.ทบ. เพื่อยืนยันว่าการกระทำดังกล่าว เชื่อมโยงกับทหารบางคนหรือไม่ และที่ยังเกิดเหตุร้ายขึ้นมาได้อีกนั้น ย่อมสะท้อนถึงความอ่อนแอของหน่วยงานของตำรวจ และทหาร ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯ ต่อจากนี้ไปจะต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ ผบ.ทบ.ซึ่งมีอำนาจทาง กอร.มน.ซึ่งสามารถใช้มาตรการเข้าไปดูแลสถานการณ์ได้ดีมากกว่านี้

**"เสธ.แดง"พูดเหมือนลงมือระเบิดเอง

ด้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงเหตุระเบิดบริเวณสถานที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร เมื่อกลางดึกวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า เหตุระเบิดเมื่อเวลา 03.30 น.นั้น ตนบอกแล้วว่า เคยแจ้งเตือนและจะคอยรายงานข่าวสารให้พันธมิตรฯทราบ เรื่องแรกต้องขอบคุณลูกๆ ที่พาพ่อแม่ออกจากพื้นที่พันธมิตรฯ ภาพเมื่อคืนเห็นได้ว่า คนที่โดนเป็นสาวกของพระโพธิรักษ์ เป็นคนของสันติอโศกทั้งนั้น ส่วนคนที่โดนเริ่มเป็นผู้หญิงเริ่มเป็นประชาชน เพราะนักรบศรีวิชัยเป็นการ์ด เอาตัวรอดไปอยู่ในหลุมในบังเกอร์ หนีไปนอนนอกทำเนียบฯกันหมด

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ความจริงผู้ชุมนุมที่เวทีพันธมิตรฯมีไม่ถึง 20 คน แต่เอาภาพตัดต่อ ทำให้ตัดภาพเห็นเป็น 100 คนจะเห็นได้จากภาพตอนที่ระเบิดลงแล้ววิ่งหนีกันมีคนไม่ถึง 20 คน ต่อไปขอให้พันธมิตรฯเห็นว่า แม้แต่สารวัตรทหาร (สห.) ซึ่งเป็นทหารจากกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ โดยเฉพาะกองทัพบกใส่เสื้อเกราะลายพรางทุกคน ส่วนนักรบศรีวิชัย อยู่ในบังเกอร์ ส่วนสารวัตรทหารที่ไปรักษาการอยู่รอบพื้นที่ 200 เมตร ก็ใส่เสื้อเกราะ เห็นได้ว่าไม่มีความปลอดภัยอะไรเลยในที่นั้น ทำให้โดนลูกยาวยิงเข้าไป

"เสธ.แดง ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายให้ออกไปจากทำเนียบรัฐบาลก่อนวันที่ 14 พ.ย.ซึ่งมีงานรัฐพิธีระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.โดยขอให้ยอมจำนนปราศจากเงื่อนไข รีบส่งมอบทำเนียบฯให้กับ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมโน รอง ผบช.น.แล้วให้ พล.ต.ต.อำนวย ติดต่อเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯมาตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด ตั้งแต่สิ่งของสมัยรัชกาลที่ 3, 4 และ 5 ที่ระลึกจากประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีต่างๆ มอบให้รัฐบาล แม้กระทั่งเก้าอี้ของรัชกาลที่ 5 ที่ขาหัก ต้องเสียทรัพย์สิน เพราะพันธมิตรฯมีเงินบริจาคมากมาย หลังวันที่ 14 พ.ย.จะประกาศหยุดยิง แต่หลังวันที่ 19 พ.ย.นี้งานราชพิธีเสร็จสิ้นการทอดกฐินหลวงจะเกิดขึ้น กองกำลังไม่ทราบฝ่าย แก๊ง 47 โรนิน ซามูไรไร้สังกัดจะทอดกฐินหลวงเกิดขึ้นแน่นอน เพราะพันธมิตรฯขาดความชอบธรรม" พล.ต.ขัตติยะกล่าวเหมือนกับว่าเป็นคนวางแผนป่วนเมืองเสียเอง

**ตำรวจมั่วชี้ระเกิดเกิดขึ้นภายในทำเนียบ

เวลา 15.00 น. พ.ต.ท.รุ่งเพชร เมธี พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ได้นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าตรวจสอบพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเก็บหลักฐานวัตถุระเบิด โดยได้ตัดเต็นท์ผ้าใบ ซึ่งมีรอยไหม้จากวัตถุระเบิดเก็บไว้เป็นหลักฐาน และเก็บชิ้นส่วนโทรทัศน์ที่ถูกสะเก็ดระเบิด นำไปตรวจสอบ

พ.ต.ท.รุ่งเพชร กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงไม่รู้ผลจะต้องรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว คงต้องอาศัยเวลาสักพักหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงายอีกว่า หลังจากที่ใช้เวลาตรวจประมาณ 30 นาที กลุ่มเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้เดินทางออกจากนอกทำเนียบฯ โดยมีกลุ่มพันธมิตรฯบางคนได้เข้าไปขอร้องกับเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวให้ทำงานตรงไปตรงมา และขอให้ทำความจริงให้ปรากฏ

ขณะที่ พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้ผู้เชี่ยวชาญจากกองกำกับการพิสูจน์และเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจสอบจากภาพถ่าย ยืนยันว่าไม่ใช่ระเบิดชนิด M 79 ตามที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ อดีตคณะกรรมการที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทยระบุ เพราะหากเป็น M 79 ต้องรุนแรงมากกว่านี้ และจากการวิเคราะห์เชื่อว่าระเบิดเกิดจากภายในไม่ใช่ด้านนอกทำเนียบรัฐบาล

**“ชวน”จี้รัฐแก้ปัญหาระเบิดรายวัน

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลความปลอดภัยของฝ่ายต่าง ๆ ในบ้านเมือง โดยเฉพาะกรณีที่มีการก่อเหตุระเบิดในพื้นที่ต่างๆ รัฐบาลไม่มีสิทธิที่จะแบ่งแยกว่าชอบฝ่ายไหน หรือไม่ชอบฝ่ายไหน เพราะถือเป็นพันธะหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ควรปล่อยปละละเลยให้มีการระเบิดทุกวัน เพราะจะกลายเป็นเงื่อนไขและชนวนใหญ่ของการสูญเสียในวันข้างหน้า และเมื่อถึงวันนั้น รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ

“วันนี้ รัฐบาลควรสนใจเรื่องนี้มากๆ ผมไม่อยากเห็นความสูญเสียรุนแรงเกิดขึ้นตามมา ตำรวจควรใช้โอกาสนี้ แสดงฝีมือให้เห็นว่า ตำรวจมีศักยภาพเพียงพอ ที่จะดูแลความสงบเรียบร้อยในสังคมได้ อย่าทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจตำรวจน้อยไปมากกว่านี้ เพราะจะให้คนไปเรียกร้องทหาร” นายชวน กล่าว

สำหรับความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายชวน กล่าวว่า ควรอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายและยืนยันมาตลอดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีสิทธิกลับเข้ามาประเทศไทยเสมอ เพียงแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่กลับมาสู้คดี ดังนั้น ไม่ควรทำให้เกิดความเข้าใจผิด ว่ามีคนกลั่นแกล้ง ทำให้กลับมาไม่ได้

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศจะต่อสู้ทางการเมืองและเปิดเผยรายชื่อศัตรูทางการเมือง นายชวน กล่าวว่า ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คิดอย่างไร ส่วนตัวแค่ออกมาเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เคารพกฎหมายบ้านเมืองเท่านั้น

**NGOเชียงใหม่อัด”แม้ว”จนตรอก

ศ.เฉลิมพล แซมเพชร ผู้ประสานงานภาคีคนฮักเจียงใหม่ เปิดเผยกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ผ่านผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยใจความตอนหนึ่งระบุว่า จะมีการเปิดโปงศัตรูการเมืองทีละคนเพื่อแก้แค้นว่า การที่อดีตนายกฯ ออกมาประกาศผ่านสื่อมวลชน เพื่อเผยแพร่ไปทั่วโลกนั้น เป็นเหมือนการข่มขู่หรือแบล็กเมลล์ ว่าร้าย กล่าวร้าย ผู้ที่อาจจะถูกพาดพิง ทั้งนี้ ทุกคำพูดที่เกิดขึ้นเป็นการพูดเพียงข้างเดียว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดถึงใครและที่สำคัญคำพูดดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ และไม่รู้ด้วยว่าใครจะถูกพาดพิง มีเพียงอดีตนายกฯ คนเดียวเท่านั้นจะรู้ดีที่สุด

"ทุกคำพูดที่ให้สัมภาษณ์เป็นการประกาศสงครามอย่างชัดเจนและมีจุดยืนแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมแพ้ เดินหน้าสู้เต็มที่ ลักษณะคล้ายเหมือนคนจนตรอกสุดๆ แล้ว แต่มีข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งคือ อำนาจเงิน ที่จะเคลื่อนไหวและพร้อมก่อความวุ่นวายได้ตลอดเวลาผ่านลิ่วล้อนักการเมืองที่ตกเป็นทางของเงิน บอกให้ทำอะไรก็ได้ตามสั่ง ไม่มีความคิดและอุดมการณ์ ทั้งนี้ ต้องรอดูว่าที่เขาพูดไว้จะทำได้จริงหรือเปล่า"

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากในอนาคตอันใกล้นี้มีการโฟนอินและเปิดโปงศัตรูหัวใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ จริง คำพูดนั้นจะมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ศ.เฉลิมพล กล่าวว่า ต้องดูบริบท ข้อมูล เนื้อหา ประกอบว่าจริงเท็จมากน้อยเพียงใด แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าคนอย่าง "ทักษิณ" ไม่มีอะไรจะเสียแล้วการจะพูดให้สีขาวกลายเป็นดำ สีเทากลายเป็นดำ หรือสีขาวกลายเป็นดำ ก็ทำได้
กำลังโหลดความคิดเห็น