ผู้จัดการรายวัน - ครม.ตั้งทีมติดตามเบิกจ่ายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ โอฬารนัดหน่วยงานถกแบ่งงบกลาง 1 แสนลบ.วันที่ 12 พ.ย.นี้
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 52 ที่มีนายโอฬาร ไชยประวัติ เป็นประธาน มีรมว.คลังเป็นรองประธาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ โดยจะมีการประชุมหารือเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานราชการ ในวันที่ 12 พ.ย. นี้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ รวมถึงจะมีการพิจารณาแนวทางการใช้งบประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท สำหรับการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บุคลากรภาครัฐในอัตรา 6% เพื่อเป็นกรชดเชยค่าครองชีพและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นฐานรายได้สำหรับปีต่อไป
"ครม. ต้องการให้มีการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณให้เร็วที่สุดในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ โดยเฉพาะงบประมาณที่ทำขาดดุลเพิ่ม 1 แสนล้านบาท ทั้งหมดต้องมีรายละเอียดชัดเจนเสนอให้ ครม. ทราบภายใน 1-2 สัปดาห์" นายสุชาติ กล่าว
ด้านนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 52 ให้มากและเร็วที่สุด เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยจะเน้นให้ทุกหน่วยงาน เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน และเบิกจ่ายงบท้องถิ่นให้มากที่สุด เพราะที่ผ่านมามีปัญหาว่าท้องถิ่นไม่มีโครงการรองรับงบประมาณที่ตั้งขึ้นมา ทำให้เบิกจ่ายได้ล่าช้า
น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. เห็นชอบแนวทางเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 52 ซึ่งกรมบัญชีกลางและสำนักงบประมาณต้องการให้กำหนดเป้าการเบิกจ่ายอย่างชัดเจน โดยหน่วยงานภาครัฐต้องเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนให้ได้ 74% ของงบลงทุนในแต่ละหน่วยงาน และผลักดันให้เบิกจ่ายงบประมาณได้ 94% ของงบประมาณรายจ่าย 1.83 ล้านล้านบาท
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 52 ที่มีนายโอฬาร ไชยประวัติ เป็นประธาน มีรมว.คลังเป็นรองประธาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ โดยจะมีการประชุมหารือเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานราชการ ในวันที่ 12 พ.ย. นี้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ รวมถึงจะมีการพิจารณาแนวทางการใช้งบประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท สำหรับการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บุคลากรภาครัฐในอัตรา 6% เพื่อเป็นกรชดเชยค่าครองชีพและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นฐานรายได้สำหรับปีต่อไป
"ครม. ต้องการให้มีการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณให้เร็วที่สุดในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ โดยเฉพาะงบประมาณที่ทำขาดดุลเพิ่ม 1 แสนล้านบาท ทั้งหมดต้องมีรายละเอียดชัดเจนเสนอให้ ครม. ทราบภายใน 1-2 สัปดาห์" นายสุชาติ กล่าว
ด้านนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 52 ให้มากและเร็วที่สุด เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยจะเน้นให้ทุกหน่วยงาน เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน และเบิกจ่ายงบท้องถิ่นให้มากที่สุด เพราะที่ผ่านมามีปัญหาว่าท้องถิ่นไม่มีโครงการรองรับงบประมาณที่ตั้งขึ้นมา ทำให้เบิกจ่ายได้ล่าช้า
น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. เห็นชอบแนวทางเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 52 ซึ่งกรมบัญชีกลางและสำนักงบประมาณต้องการให้กำหนดเป้าการเบิกจ่ายอย่างชัดเจน โดยหน่วยงานภาครัฐต้องเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนให้ได้ 74% ของงบลงทุนในแต่ละหน่วยงาน และผลักดันให้เบิกจ่ายงบประมาณได้ 94% ของงบประมาณรายจ่าย 1.83 ล้านล้านบาท
