xs
xsm
sm
md
lg

OBAMA : “CHANGE – ทุกขลาภ!”

เผยแพร่:   โดย: แสงแดด

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับ “ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 44 นายบารัค โอบามา” ที่คว้าชัยชนะจะขึ้นนั่งบัลลังก์ผู้นำสูงสุด “ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา” ประมาณกลางเดือนมกราคม 2009 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็น “วันปฏิญาณตน-สาบานตน” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Inauguration”น่าจะเป็นวันที่ 20 มกราคม 2552

ว่าไปแล้ว “แสงแดด” ฟันธงมาได้ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ แล้วว่า นายบารัค โอบามา จะคว้าชัยชนะในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้ หลังจากที่ได้เฝ้าเกาะติดผลการสำรวจโพลของหลายๆ สำนักใน “ค่ายข่าว-สำนักข่าว” สำคัญในประเทศอเมริกา โดยที่โอบามานำมาตลอดประมาณ 7-8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากผลของ “คะแนนนิยม” ที่โหวตกันเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “Popular Vote”

โอบามาได้รับผลคะแนนป๊อปปูล่าโหวตคือ 52 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนประชากรที่ลงคะแนนเสียงให้ 56,460,827 คะแนน ส่วนนายจอห์น แมคเคน ได้ 47 เปอร์เซ็นต์ 51,406,636 คะแนน ห่างกันเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

แต่คะแนนจาก “คณะผู้เลือกตั้ง” ที่เรียกกันว่า “Electoral Vote” หรือ “Electoral College” นั้น บารัค โอบามา ทิ้งห่างแบบ “ถล่มทลาย” เลยก็ว่าได้ 364 เสียง เกิน 270 ไปถึง 94 เสียง ส่วน จอห์น แมคเคน ได้เพียง 173 เสียงเท่านั้น

“แสงแดด” ฟันธงไปนานแล้วว่า บารัค โอบามา ต้องกำชัยชนะเข้าสู่เส้นชัยตำแหน่ง “ประธานาธิบดีสหรัฐฯ” แน่นอน แต่ไม่คาดคิดว่า คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง น่าจะสูงสุดประมาณ 290-300 เท่านั้น ไม่คิดว่าจะ “ถล่มทลาย-Landslide” ถึงเพียงนี้

ว่าไปแล้ว ในคืนวันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน เวลาในประเทศสหรัฐอเมริกาประมาณ 23 : 00 น. กว่าๆ หลังจากที่คะแนน บารัค โอบามา นำมาได้เพียง 207-208 เท่านั้น หรือ 220 กว่าๆ อะไรทำนองนั้น นายจอห์น แมคเคน ก็กระโดดขึ้นเวทีที่เมืองฟินิกซ์ มลรัฐอริโซน่า “ประกาศยกธงขาว-ยอมแพ้” อย่างโดยดี ด้วยการกล่าวรับความพ่ายแพ้อย่างสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย! พร้อมทั้ง แสดงสปิริต “ยินดี” กับชัยชนะของบารัค โอบามา

และหลังจากนั้นอีกเพียงไม่ถึงชั่วโมง คะแนนของคณะผู้เลือกตั้งได้ประกาศตัดเชือกไปที่ 298 เสียง ถ้าจำไม่ผิด ของนายบารัค โอบามา ซึ่งยังไม่จบการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ การกล่าวสปีซ-สุนทรพจน์ ของโอบามาที่ “แกรนท์ พาร์ค” ในนครชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งเป็นรัฐที่โอบามาเป็นสมาชิกวุฒิสภา ได้เดินขึ้นเวทีด้วยท่าทาง “สุขุมคัมภีรภาพ” สีหน้าเรียบนิ่งเฉยและระบายความในใจด้วยความเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองในอนาคต

ที่สำคัญมากไปกว่านั้น การพูดจาของบารัค โอบามา มิได้แสดงอาการ “เย้ยหยัน” และ “อหังการ” กับชัยชนะที่คว้ามาได้ แต่กลับอ่อนน้อม สุภาพแต่จริงจัง พร้อมกล่าวชื่นชมให้กำลังใจ นายจอห์น แมคเคน และอาจเชิญชวนให้นายจอห์น แมคเคน ช่วยบริหารชาติบ้านเมือง

ผิดกับนักการเมืองไทย ที่พอได้รับชัยชนะ บางคน “อหังการ-อวดดี” จนถึงขนาด “ยกตนข่มคนอื่น!” ประเภท “ลืมตัว-หลงตัว” ว่าคะแนนที่ได้มานั้นเป็นคะแนนจริง ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า “จัดตั้ง-ซื้อเสียง” มาทั้งนั้น พูดง่ายๆ คือ “เงินทุน” ทั้งนั้น กับคะแนนที่ได้มา แต่ “โกหกตัวเอง!” ทั้งเพ!

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ซึ่งเป็นครั้งที่ 56 ที่อเมริกามีแต่ประธานาธิบดี “ผู้ชาย-ผิวขาว” มาโดยตลอด 200 กว่าปี

“การเปลี่ยนแปลง” ในครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงสมดังมอตโต้ “Change”ของบารัค โอบามา อย่างแท้จริง ที่ได้ถูกรับเลือกจากชาวอเมริกันประมาณ 100 กว่าล้านคน ให้บารัค โอบามา เป็น “ประธานาธิบดีผิวดำคนแรก” ของสหรัฐอเมริกา โดยที่หลายๆ ฝ่าย ไม่ว่า ชาวอเมริกันและชาวโลก ต่างแซ่ซ้องยินดีปรีดาอย่างมากกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้

นายบารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 ที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาล่วงหน้าก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปี ว่าเขาจะได้รับเลือกตั้ง คว้าชัยชนะแบบถล่มทลายจากคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง

สังคมอเมริกันได้พลิกบทใหม่ มิใช่พลิกหน้าใหม่ หรือดีไม่ดี อาจจะเป็นหนังสือเล่มใหม่ สำหรับประเทศนี้ ที่เมื่อ 200 กว่าปีที่แล้วที่ “คนดำ (Negro)”ยังเป็น “ทาส” อยู่เลย เพิ่งจะมา “เลิกทาส” เมื่อประมาณ 130 กว่าปีนี้เอง โดยประธานาธิบดี อับบราฮัม ลินคอนน์

“แสงแดด” ขอเรียกขานว่า “ยุคใหม่ของสังคมอเมริกา” หรือ “New Era of America” ที่ “พลิกโฉม” ประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง ของ “วัฒนธรรมอเมริกัน” ที่ “กีดกันสีผิว” และ “ชนกลุ่มน้อย” ไม่ว่าจะเป็นคนผิวดำ ผิวสี ชาวเอเชีย แม้กระทั่ง ผู้หญิง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็หมายความว่า “ผู้ชาย-ผิวขาว” เท่านั้น ที่จะเป็น “กลุ่มคน” ที่ “ครอบงำ (Domimant)”และมีบทบาทมากที่สุดกับการบริหารองค์กร และ/หรือ ประเทศชาติ

“การพลิกโฉม” ด้วย “การเปลี่ยนแปลง” ในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้อนาคตของประเทศซูเปอร์มหาอำนาจนี้ จะต้องมีชาวเอเชีย หรือผู้หญิงเป็นผู้นำประเทศ มิได้จำกัดอยู่กับรูปแบบเดิมๆ เท่ากับว่า สังคมอเมริกันได้ “เปิดกว้าง” มากยิ่งขึ้น

การวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะเดิมๆ ของ “ลัทธิเหยียดผิว-เชื้อชาติ” ที่เรียกว่า “Racism” คงยังไม่อาจหมดไปอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่เป็นการเริ่มต้นของของ “การเจือจาง” กับ “การเหยียดผิว” ซึ่งเราน่าจะมั่นใจได้ว่า “การเปลี่ยนแปลง” ในครั้งนี้ จะเริ่มแผ่กระจายไปทั่วโลก แม้กระทั่งในกลุ่มประเทศเก่าๆ ในยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ

สังคมโลกยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21 เราต้องยอมรับว่า เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ “วิธีการคิด-กรอบความคิด” ของคนยุคนี้สมัยนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วแทบจะสิ้นเชิง

การได้คะแนนอย่างท่วมท้น และได้รับการยอมรับเช่นนี้ต่อบารัค โอบามา เกิดจาก “สังคมเยาวชนอเมริกันรุ่นใหม่” ที่มีอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป ที่ไปลงคะแนนเสียงให้กับโอบามา น่าจะสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าในรัฐสมรภูมิ (Battleground States) อย่าง รัฐเพนซิลเวเนีย โอไฮโอ และแม้กระทั่ง รัฐฟลอริด้า ซึ่งเป็นรัฐที่พรรคเดโมแครตไม่เคยได้รับชัยชนะมายาวนานนับสิบปีทีเดียว แต่คราวนี้ “การเปลี่ยนแปลง (Change)” ของบารัค โอบามา ทำสำเร็จให้พรรคเดโมแครต

อย่างไรก็ตาม ถามว่า การได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 ของโอบามาในครั้งนี้ “กดดัน” เขาหรือไม่ ต้องตอบว่า “แน่นอน!” เนื่องด้วย “ความคาดหวัง” มีต่อเขาทั้งของชาวอเมริกันและชาวโลกสูงมาก เพราะโอบามา “สัญญา” ไว้เยอะมาก

ประเด็นปัญหาคือว่า โอบามาจะทำได้หรือไม่กับสัญญาต่างๆ ที่เขาได้ให้ไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ” ของประเทศอเมริกา ที่ทุกสายตาของชาวอเมริกันและชาวโลกเฝ้าจับตาดู เนื่องด้วย “เศรษฐกิจ” ของสหรัฐฯ ดีเมื่อไหร่ ชาวโลกก็จะพลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย!

“การได้เป็นประธานาธิบดี” กับ “การเป็นประธานาธิบดี” ต้องตอบฟังธงเลยว่า “แตกต่างกันสิ้นเชิง!” เพราะการได้เป็นประธานาธิบดีเป็น “การสร้างภาพ-ขายไอเดีย-รณรงค์หาเสียง-พูด” ซึ่งมิใช่เป็น “การบริหาร” อย่างจริงๆ จังๆ

แต่ “การเป็นประธานาธิบดี” แตกต่างกันอย่างมาก เนื่องด้วยต้องบริหารงาน ตัดสินใจ สภาวะผู้นำ กล้าได้กล้าเสีย และที่สำคัญที่สุด บางครั้งต้องยืดหยุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอบามายึดมั่นกับ “การเจรจา” ที่เป็นวิธีทางการทูต ซึ่งสภาวการณ์โลกปัจจุบันอาจใช้ยุทธศาสตร์เช่นนั้นไม่ได้ เพราะบางครั้งต้อง “ฟันธงเปรี้ยง-ทุบโต๊ะ!” มิเช่นนั้น ไม่สัมฤทธิผล

ทั้งนี้ การเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับบารัค โอบามา ที่สมหวังดังใจปรารถนา และน่าเชื่อว่าเป็น “ทุกขลาภ” ที่ต้องโชว์ผลงานและทำงานหนักมากในช่วง 2 ปีแรก

“แสงแดด” ขอชื่นชมสปิริต “นักการเมือง” และ “วัฒนธรรมการเมืองอเมริกัน” ที่มีความเป็นผู้ดีและมีมารยาทมาก ตลอดจน ยึดมั่นผลประโยชน์ประเทศชาติ

ผิดกับนักการเมืองไทย “เก่ง” และ “คิด” อยู่อย่างเดียว “โกงกิน” และ”กู...กู...กู…!”
กำลังโหลดความคิดเห็น