เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (10พ.ย.) ที่โรงแรมปริ๊นซ์พาเลช สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้การประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากร ให้กับ ผอ.กต.จังหวัดทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่ กกต. ทั้ง 76 จังหวัด โดยมีนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ประธานในโครงการ และได้กล่าวเปิดโครงการว่า การทำงานของ กกต. ต้องเป็นไปแบบบูรณาการที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องของบุคลากร งบประมาณในการจัดการเลือกตั้ง เพื่อเพิ่มศักยภาพ และประสิทธิภาพ ในการทำงานขององค์กร ซึ่งผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ในแต่ละจังหวัด ต้องศึกษาหาความรู้ และต้องมีทั้งความรู้และความสามารถ อย่างลึกซึ้ง เพื่อนำไปปฏิบัติงานให้เกิดความถูกต้อง และสัมฤทธิผลอย่างแท้จริง
นายอภิชาตได้ขอให้ ผอ.กต.และเจ้าหน้าที่ทุกคน ต้องยึดหลักของความเป็นกลาง ความเที่ยงธรรม เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ทั้งนี้ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด หรือเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าไปอย่างไร เราก็สามารถดำรงอยู่ได้ เราในฐานะกกต.ที่ถือเป็นองค์กรอิสระ ต้องทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางทางการเมือง ต้องยึดตามหลักการของกฎหมาย และความสุจริต เที่ยงธรรมอย่างแท้จริง
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริการการเลือกตั้ง กล่าวบรรยายพิเศษในโครงการฯ ต่อหนึ่งว่า ตนอยากให้ ผอ.กต.จังหวัด เตรียมตัวให้พร้อม สำรวจ ตรวจสอบในพื้นที่ของตนเอง เตรียมข้อมูลเอกสารให้พร้อม รวมทั้งประชุมหารือกับเจ้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในจังหวัดของตนเอง เพื่อจะได้ทบทวนถึงปัญหาในการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า เป็นอย่างไร มีอุปสรรคอย่างไร เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงให้การเลือกตั้งให้เร็วขึ้น และเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
นอกจากนี้ให้ตรวจสอบผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า มีเพิ่ม หรือลดมากน้อยเพียงใด และต้องมีการเพิ่มหน่วยเลือกตั้งเพื่อรองรับให้กับประชาชนที่มีใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ ทั้งนี้เนื่องจากบรรยากาศทางการเมืองในขณะนี้มีความไม่แน่นอน ไม่นิ่ง มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา หากมีการยุบสภา และต้องเลือกตั้งใหม่ จะได้สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งได้ทันท่วงที หากไม่ดำเนินการอาจจะเกิดอุปสรรคภายหลังได้
นายประพันธ์กล่าวด้วยว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ กกต.ทุกท่าน ยึดหลักการวางตัวเป็นกลาง ทำงานด้วยความสุจริต และเที่ยวธรรม และขอให้ศึกษากฎหมายเลือกตั้งให้ลึกซึ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีนำเอาข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยไปฟ้องร้องในภายหลัง รวมทั้งรักษาความลับของทางราชการให้มากที่สุด
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ตนเห็นว่าในงานของ กกต.ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมีความเกี่ยวเนื่องจากระบอบประชาธิปไตย จะเห็นได้ว่าไม่ว่าครั้งใดที่มีการทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 ที่ผ่านมา หน่วยงาน กกต.ก็เป็นหน่วยงานแรก ที่คณะปฏิวัติให้คงไว้ เพื่อจัดการเลือกตั้ง ทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ ซึ่งจะขาดไม่ได้ ดังนั้นเราต้องพยายามจัดการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพ และเป็นที่ยอมรับ เพราะการทำงานของ กกต.นั้นมีอิทธิพลทางด้านการเมืองเป็นอย่างมาก จึงถูกจับตามองตลอดเวลา ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์การมากในเรื่องของทำหน้าที่ เพราะฉะนั้นขอฝาก ผอ.กต.จังหวัด ช่วยกันทำหน้าที่ และเราแสดงศักยภาพให้เขาเห็นว่าการจัดการเลือกตั้งของเราเป็นไปด้วยดี และมีความเที่ยงธรรม
"ที่ผ่านมานั้น การทำงานถูกวิจารณ์ว่าไม่ได้ผล ถูกกล่าวหาว่า คนใน กกต.มีความแตกแยกกัน การทำงานของกกต.ล้มเหลว เหตุจากการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ชุดที่ 2 ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง แต่การบริหารงานของ กกต.ไม่ใช่ว่าจะล้มเหลวทุกชุดไป ก็ต้องทำความเข้าใจ และเราทุกคนก็ต้องช่วยกัน และต้องตระหนักถึงความสำคัญของการทำหน้าที่ กกต.ด้วย เพื่อให้องค์กรอยู่รอดและเป็นที่น่าเชื่อถือของสังคมต่อไป" นางสดศรี กล่าว
นายอภิชาตได้ขอให้ ผอ.กต.และเจ้าหน้าที่ทุกคน ต้องยึดหลักของความเป็นกลาง ความเที่ยงธรรม เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ทั้งนี้ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด หรือเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าไปอย่างไร เราก็สามารถดำรงอยู่ได้ เราในฐานะกกต.ที่ถือเป็นองค์กรอิสระ ต้องทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางทางการเมือง ต้องยึดตามหลักการของกฎหมาย และความสุจริต เที่ยงธรรมอย่างแท้จริง
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริการการเลือกตั้ง กล่าวบรรยายพิเศษในโครงการฯ ต่อหนึ่งว่า ตนอยากให้ ผอ.กต.จังหวัด เตรียมตัวให้พร้อม สำรวจ ตรวจสอบในพื้นที่ของตนเอง เตรียมข้อมูลเอกสารให้พร้อม รวมทั้งประชุมหารือกับเจ้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในจังหวัดของตนเอง เพื่อจะได้ทบทวนถึงปัญหาในการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า เป็นอย่างไร มีอุปสรรคอย่างไร เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงให้การเลือกตั้งให้เร็วขึ้น และเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
นอกจากนี้ให้ตรวจสอบผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า มีเพิ่ม หรือลดมากน้อยเพียงใด และต้องมีการเพิ่มหน่วยเลือกตั้งเพื่อรองรับให้กับประชาชนที่มีใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ ทั้งนี้เนื่องจากบรรยากาศทางการเมืองในขณะนี้มีความไม่แน่นอน ไม่นิ่ง มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา หากมีการยุบสภา และต้องเลือกตั้งใหม่ จะได้สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งได้ทันท่วงที หากไม่ดำเนินการอาจจะเกิดอุปสรรคภายหลังได้
นายประพันธ์กล่าวด้วยว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ กกต.ทุกท่าน ยึดหลักการวางตัวเป็นกลาง ทำงานด้วยความสุจริต และเที่ยวธรรม และขอให้ศึกษากฎหมายเลือกตั้งให้ลึกซึ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีนำเอาข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยไปฟ้องร้องในภายหลัง รวมทั้งรักษาความลับของทางราชการให้มากที่สุด
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ตนเห็นว่าในงานของ กกต.ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมีความเกี่ยวเนื่องจากระบอบประชาธิปไตย จะเห็นได้ว่าไม่ว่าครั้งใดที่มีการทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 ที่ผ่านมา หน่วยงาน กกต.ก็เป็นหน่วยงานแรก ที่คณะปฏิวัติให้คงไว้ เพื่อจัดการเลือกตั้ง ทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ ซึ่งจะขาดไม่ได้ ดังนั้นเราต้องพยายามจัดการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพ และเป็นที่ยอมรับ เพราะการทำงานของ กกต.นั้นมีอิทธิพลทางด้านการเมืองเป็นอย่างมาก จึงถูกจับตามองตลอดเวลา ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์การมากในเรื่องของทำหน้าที่ เพราะฉะนั้นขอฝาก ผอ.กต.จังหวัด ช่วยกันทำหน้าที่ และเราแสดงศักยภาพให้เขาเห็นว่าการจัดการเลือกตั้งของเราเป็นไปด้วยดี และมีความเที่ยงธรรม
"ที่ผ่านมานั้น การทำงานถูกวิจารณ์ว่าไม่ได้ผล ถูกกล่าวหาว่า คนใน กกต.มีความแตกแยกกัน การทำงานของกกต.ล้มเหลว เหตุจากการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ชุดที่ 2 ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง แต่การบริหารงานของ กกต.ไม่ใช่ว่าจะล้มเหลวทุกชุดไป ก็ต้องทำความเข้าใจ และเราทุกคนก็ต้องช่วยกัน และต้องตระหนักถึงความสำคัญของการทำหน้าที่ กกต.ด้วย เพื่อให้องค์กรอยู่รอดและเป็นที่น่าเชื่อถือของสังคมต่อไป" นางสดศรี กล่าว