xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์เอกชนหยุดปล่อยกู้ สัญญาณร้ายNPLก่อตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – พบสัญญาณร้ายหลังเศรษฐกิจวิกฤต สภาพคล่องมีแต่ไม่ปล่อยกู้รายใหม่ผวาหนี้เสีย ล่าสุดเดือนที่ผ่านมา 3 ธนาคารหยุดปล่อยกู้สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ มีแบงก์ยักษ์ใหญ่ 2 แห่ง กับธนาคารย่านสาทรอีก 1 แห่ง ขณะที่เงินกู้ ธ.ก.ส.แสนล้านโดยการค้ำประกันของรัฐบาลเป็นการซ้ำเติมสภาพคล่อง ดันดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น สศค.เกาะติดแบงก์รัฐ หวั่นโดนพิษสภาพคล่องตึงตัว สั่งรายงานอย่างละเอียดทุกเดือน

แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาพคล่องในระบบเริ่มประสบปัญหาความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอยลงเนื่องจากปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐที่ลุกลาม โดยธนาคารขนาดใหญ่และธนาคารต่างชาติในประเทศประมาณ 3 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารยักษ์ใหญ่ย่านสีลม รัชโยธินและธนาคารลูกครึ่งต่างชาติย่านสาทร ได้หยุดปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ลูกค้าประเภทธุรกิจขนาดใหญ่ในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา หากจะปล่อยกู้ก็จะมีเพียงสินเชื่อรายย่อย ได้แก่ สินเชื่อบ้าน

สาเหตุที่ธนาคารทั้ง 3 แห่งหยุดการปล่อยสินเชื่อนั้นเนื่องจากมีความกังวลในปัญหาเศรษฐกิจที่ลุกลามมากในปัจจุบันและหวั่นว่าในอนาคตสถานการณ์จะเลวร้ายขึ้นจึงได้ชะลอการปล่อยสินเชื่อรายใหม่ ส่วนธนาคารที่ยังปล่อยสินเชื่อใหม่ในขณะนี้ ก็จะเพิ่มความเข้มงวดขึ้น เพราะแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียในหลายๆ ธนาคารน่าเป็นห่วง

"ตอนนี้แบงก์เน้นการดูแลลูกค้ารายเก่าที่เป็นลูกค้าชั้นดีให้สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง เป็นการบริหารความเสี่ยงของเขา ซึ่งเชื่อว่าทุกแห่งก็มีความกังวลว่าเศรษฐกิจจะเลวร้ายลงไปอีกโดยเฉพาะปีหน้าที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของบรรดามนุษย์เงินเดือนที่จะลดลงทำให้กำลังซื้อหายไปจำนวนมากระมัดระวังการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น” แหล่งข่าวกล่าว

ค้ำ ธ.ก.ส.ดึงดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น

ทั้งนี้ การที่กระทรวงการคลังออกมาค้ำประกันเงินกู้จำนวน 1.1 แสนล้านบาทของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่กู้จากธนาคารออมสิน กรุงไทย ทหารไทยและธนาคารนครหลวงไทย เพื่อใช้ในโครงการรับจำนำพืชผลทางการเกษตรนั้น จะส่งผลให้สภาพคล่องในการปล่อยกู้ระหว่างธนาคารหายไปซึ่งในระยะสั้นนั้นจะเป็นการกดดันให้ดอกเบี้ยในตลาดปรับตัวสูงขึ้น เพราะธนาคารทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชนก็จะออกแคมเปญดึงเงินฝากกันอีกครั้งยิ่งจะเป็นการซ้ำเติมให้ดอกเบี้ยเงินกู้ปรับเพิ่มตามด้วย

ทั้งนี้เงินที่ออกจากระบบ 1.1 แสนล้านนั้นจะถึงมือเกษตรกรและหมุนเวียนในระบบต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 60 วันถึงจะกลับคืนสู่ระบบ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อปัญหาสภาพคล่องโดยรวมของระบบได้

สศค.เกาะติดสภาพคล่องแบงก์รัฐ

ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ติดตามสถานการณ์ด้านสภาพคล่องของสถาบันการเงินของรัฐอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเกรงว่าอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐ ซึ่งเท่าที่ได้รับข้อมูลจากสถาบันการเงินของรัฐแต่ละแห่งในขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนี้เท่าไรนัก

โดยกระทรวงการคลังได้จัดทีมเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังสถานการณ์นี้เป็นพิเศษซึ่งจะมีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินของรับเพื่อประเมินสถานการณ์ทุกเดือน เนื่องจากหากเกิดผลกระทบรุนแรงจะได้เตรีมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งในขณะนี้สศค.ได้เตรียมเครื่องมือเพื่อเตือนภัยที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์นี้ไว้พร้อมแล้ว

“ตอนนี้วิกฤตที่เกิดขึ้นยังไม่ส่งผลต่อแบงก์รัฐแต่เราก็เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อจะได้รับมือทันหากมีความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ของสศค.ได้ใช้เครื่องมือคอยติดตามเพื่อชี้วัดว่าสถานการณ์ถึงขั้นไหนแล้ว โดยประสิทธิภาพของเครื่องเตือนภัยนี้มีประสิทธิภาพสามารถทำงานได้ถึง 70% ซึ่งถือว่าได้มีการพัฒนาที่ดีขึ้นกว่าในอดีตมากและจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ” นายสมชัยกล่าว

ธอส.-เอ็กซิมแบงก์เผยยังไหว

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า สภาพคล่องของธนาคารในขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดียังไม่ส่งสัญญาณร้ายใดๆ ออกมาแต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าสถานการณ์ในปีหน้าจะออกมาอย่างไร กำลังซื้อของคนจะลดลงมากแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ต้องยอมรับว่าจะต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด

นายสมพันธ์ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า สภาพคล่องของธนาคารในปัจจุบันอยู่ในกรอบที่วางไว้มาโดยตลอด ซึ่งต้องดูว่าโครงการใหม่ๆ ที่รัฐบาลให้นโยบายมาจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องมากน้อยเพียงใดหากพิจารณาแล้วเห็นว่าอาจส่งผลกระทบก็จะวางกรอบสภาพคล่องใหม่ไม่ให้ธนาคารประสบปัญหาได้

“เราดูโครงการของรัฐเป็นเรื่องๆ ว่าจะให้ทำอะไรบ้างซึ่งที่ผ่านมาเราก็ทำได้อย่างดีไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใดเราเน้นทำทุกอย่างอย่างระมัดระวัง และสิ่งที่เราต้องทำอยู่ตลอดเช่นกันคือการเพิ่มเงินกองทุนให้สอดคล้องกับการขายสินเชื่อ เนื่องจากเราเป็นแบงก์ขนาดเล็กแต่ภารกิจที่ได้รับถือเป็นเรื่องใหญ่จึงต้องให้เงินกองทุนมีความสอดคล้องกับการทำธุรกรรม” นายสมพันธ์กล่าว

แบงก์โต้ยังปล่อยสินเชื่อตามปกติ

นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์สินเชื่อลูกค้าบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ยังมีการปล่อยสินเชื่อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนที่ผ่านมาได้มีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท และยังมีการปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอีกกว่า 2,000 ล้านบาท

"การปล่อยสินเชื่อเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าธนาคารไม่ได้หยุดปล่อยสินเชื่อแต่อย่างใด" นายรุ่งเรืองกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น