ผู้จัดการรายวัน-แท็กส์ลดเงื่อนไขเสนอต่อสัญญารถเข็นกระเป๋าแค่ 2 ปี แต่ยังกั๊กรายละเอียดของเสปกใหม่ ทอท.ชี้แท็กส์ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งเรื่องค่าปรับ เหตุรถเข็นยังเป็นทรัพย์สินของแท็กส์ที่ต้องดูแลรักษา เผยเริ่มหายตั้งแต่ ก.ค. 522 คันและส.ค.หายถึง3,000 คัน ซึ่งเบรกจ่ายค่าจ้างตั้งแต่พ.ค. ขณะที่ผลสอบกก.ตรวจการจ้างสัญญาแท็กส์ พ้นผิด เหตุกำหนดสอบช่วง ต.ค.50-เม.ย. 51 รถเข็นหายแต่ไม่เกินจำนวนสำรอง
น.ท.ประทีป วิจิตรโท รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ) บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า บริษัท ไทย แอร์พอร์ต กราวด์ เซอรวิส จำกัด หรือ แท็กส์ ได้ทำหนังสือแจ้งว่าจะดำเนินการจัดหารถเข็นกระเป๋าแบบใหม่ พร้อมกับขอขยายสัญญาที่ทำกับทอท.ไว้ในการจัดหารถเข็นกระเป๋าภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและเป็นผู้ดำเนินการให้บริการ จากระยะเวลา 7 ปี เพิ่มอีก 2 ปี ซึ่งได้ส่งเรื่องให้ฝ่ายทีเกี่ยวข้องทั้งฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายพัสดุ พิจารณา ว่าเงื่อนไขและข้อเสนอของแท็กส์ทำได้หรือไม่ ทั้งนี้ข้อเสนอของแท็กส์นั้น ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับรถเข็นกระเป๋าแบบใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร
ปัจจุบันทอท. ต้องควบคุมการบริหารจัดการรถเข็นกระเป๋าของแท็กส์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพราะจำนวนที่เหลืออยู่ 4,000-5,000 คันเท่านั้น ซึ่งแท็กส์ได้จัดกำลังคนเข้ามาทำงานในแต่ละกะเพิ่มขึ้นเพื่อให้การหมุนเวียนรถเข็นกระเป๋าทำได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้การที่แท็กส์เสนอขอเช่ารถเข็นกระเป๋าจากสนามบินดอนเมืองมาใช้ในระหว่างที่ยังเจรจาเรื่องการจัดหารถใหม่นั้น ยังไม่ได้รับคำตอบจากสนามบินดอนเมืองว่าจะให้เช่าหรือไม่
"ในแง่การบริหารจัดการ ใช้หลัก เก็บให้เร็ว หมุนรถให้ทันกับความต้องการ ซึ่งยังไม่พบว่ามีปัญหา เพราะในช่วงนี้จำนวนผู้โดยสารยังไม่มาก ซึ่งในเดือนก.ย.ซึ่งเริ่มเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว (High Season) นั้นอัตราผู้โดยสารเติบโตจากก.ย.ของปี 50 ประมาณ 4.1% ซึ่งถือว่าไม่มากนัก และในช่วง ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งจะเข้าสู่ High Season ประเมินว่าผู้โดยสารก็จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราเติบโตประมาณ 10%" น.ท.ประทีปกล่าวว่า
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ แท็กส์เตรียมที่จะเสนอเพื่อขอขยายสัญญา อีก 5 ปี โดยระบุว่าบริษัทต้องลงทุนในการจัดหารถเข็นกระเป๋าใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังเสนอที่จะขอสิทธิ์ในการโฆษณาข้างรถเข็นกระเป๋าเพื่อหารายได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันทอท.ได้มีคู่สัญญาในการโฆษณาข้างรถเข็นกระเป๋าแล้ว ดังนั้น จึงไม่สามารถนำสิทธิ์ดังกล่าวให้แท็กส์ได้
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า การสอบสวนสัญญาจ้าง บริษัท แท็กส์ ชุดที่มีนายสุรธัส สุธรรมมนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานพัฒนาธุรกิจ) ทอท.เป็นประธานได้สรุปผลเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยจากกรอบที่คณะกรรมการตรวจสอบได้รับมอบหมายให้สอบสวนการจ้างแท็กส์ในระหว่างงวดงานที่ 14-19 หรือระหว่างงวดงานเดือนต.ค. 2550-เม.ย. 2551 ซึ่งผลสรุปว่า คณะกรรมการตรวจการจ้าง ที่มีนายฉัตร หาญพัฒนนันท์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายบำรุงรักษาและสารสนเทศ) เป็นประธาน ซึ่งได้ตรวจรับงานและจ่ายค่าจ้างให้แท็กส์แล้วเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญา
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่คณะการมการสอบสวนฯ ตรวจสอบพบว่า สัญญาจ้างแท็กส์จะต้องจัดหารถเข็นเพื่อมาให้บริการภายในสนามบินสุวรรณภูมิ รวม 9,034 คัน แบ่งเป็นรถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน ขนาดกลาง 7,000 คัน และขนาดใหญ่ 34 คัน โดยจะมีการตรวจนับทุกวันที่ 26 ของทุกเดือน ซึ่งการตรวจนับในช่วงระหว่างงวดงาน เดือนต.ค. 2550-เม.ย.2551 พบว่ามีรถเข็นกระเป๋าไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด แต่รถเข็นกระเป๋าที่ขาดไปนั้นไม่เกินจากจำนวนที่แท็กส์ได้จัดเตรียมสำรองไว้
โดยรถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก มีสำรอง 120 คัน ขนาดกลางมีสำรอง 120 คันและขนาดใหญ่มีสำรอง 6 คัน เมื่อการนับพบว่าจำนวนที่หายไปไม่เกินจากจำนวนที่แท็กส์มีสำรองก็ไม่มีปัญหาเพราะสามารถนำรถเข็นกระเป๋าที่จัดสำรองไว้มาทดแทนได้และให้เร่งติดตามรถเข็นกระเป๋าที่หายไปกลับมา ดังนั้นการตรวจรับงานและจ่ายค่างานให้แท็กส์ระหว่างต.ค.2550-เม.ย.2551 จึงเป็นไปอย่างถูกต้อง
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า ปัญหาของสัญญาจ้างแท็กส์เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 หรืองวดที่ 20 ซึ่งไม่ได้อยู่ในกรอบการสอบสวนคณะกรรมการตรวจสอบฯ แต่จากข้อมูลพบว่า แท็กสได้วางบิลเพื่อขอรับเงินค่าจ้างในงวดที่ 20-22 (พ.ค.-ก.ค) แต่ยังไม่มีการจ่ายเงิน ส่วนการที่รถเข็นกระเป๋าหายไปจำนวนมากนั้นเริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.(งวดที่ 22) โดยพบว่า รถเข็นกระเป๋าหายไปจำนวน 522 คัน ซึ่งมากกว่าที่มีสำรอง และแท็กส์ไม่สามารถติดตามกลับมาให้ครบตามจำนวนได้ และในเดือนส.ค.นับแล้วพบว่าขาดจำนวนไปถึง 3,000 คัน ซึ่ง แท็กส์จะต้องถูกปรับตั้งแต่งวดที่ 22
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า ทอท.ทำสัญญาว่าจ้างแท็กส์วงเงิน 532,860,600 บาท ระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ วันที่ 28 ก.ย.2549 - 28 ก.ย.2556 กำหนดให้แท็กส์ดำเนินการ 2 ข้อหลักๆ คือ เป็นผู้จัดหารถเข็นกระเป๋า และให้จัดหาแรงงาน บริหารจัดการรถเข็นกระเป๋าภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ดังนั้นรถเข็นกระเป๋าถือว่ายังเป็นทรัพย์สินของแท็กส์ ที่แท็กส์ต้องดูแลให้มีสภาพเรียบร้อยพร้อมในการใช้งาน ต้องดำเนินการจัดเก็บและป้องกันการสูญหายด้วยดังนั้นแท็กส์จะปฏิเสธเรื่องที่รถเข็นกระเป๋าหายไปไม่ได้ และปฎิเสธที่จะต้องจ่ายค่าปรับตามสัญญาไม่ได้
"ขณะนี้แท็กส์ได้เสนอขอเช่าใช้รถเข็นกระเป๋าจากสนามบินดอนเมืองเป็นการชั่วคราวในระหว่างที่แท็กส์อยู่ระหว่างการยื่นข้อเสนอต่อทอท.เพื่อขอเปลี่ยนรถเข็นกระเป๋าใหม่ รวมถึงการที่แท็กส์ได้ขอความเป็นธรรมเรื่องค่าปรับเข้ามานั้น คาดว่าจะเสนอคณะอนุกรรมการตรวจสอบชุดที่มี นายถาวร พานิชพันธ์ กรรมการทอท. เป็นประธาน ซึ่งเป็นชุดที่คณะกรรมการทอท.ที่มีนายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นประธานได้แต่งตั้งขึ้นนั้นเพื่อตัดสิน"แหล่งข่าวกล่าว
น.ท.ประทีป วิจิตรโท รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ) บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า บริษัท ไทย แอร์พอร์ต กราวด์ เซอรวิส จำกัด หรือ แท็กส์ ได้ทำหนังสือแจ้งว่าจะดำเนินการจัดหารถเข็นกระเป๋าแบบใหม่ พร้อมกับขอขยายสัญญาที่ทำกับทอท.ไว้ในการจัดหารถเข็นกระเป๋าภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและเป็นผู้ดำเนินการให้บริการ จากระยะเวลา 7 ปี เพิ่มอีก 2 ปี ซึ่งได้ส่งเรื่องให้ฝ่ายทีเกี่ยวข้องทั้งฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายพัสดุ พิจารณา ว่าเงื่อนไขและข้อเสนอของแท็กส์ทำได้หรือไม่ ทั้งนี้ข้อเสนอของแท็กส์นั้น ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับรถเข็นกระเป๋าแบบใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร
ปัจจุบันทอท. ต้องควบคุมการบริหารจัดการรถเข็นกระเป๋าของแท็กส์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพราะจำนวนที่เหลืออยู่ 4,000-5,000 คันเท่านั้น ซึ่งแท็กส์ได้จัดกำลังคนเข้ามาทำงานในแต่ละกะเพิ่มขึ้นเพื่อให้การหมุนเวียนรถเข็นกระเป๋าทำได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้การที่แท็กส์เสนอขอเช่ารถเข็นกระเป๋าจากสนามบินดอนเมืองมาใช้ในระหว่างที่ยังเจรจาเรื่องการจัดหารถใหม่นั้น ยังไม่ได้รับคำตอบจากสนามบินดอนเมืองว่าจะให้เช่าหรือไม่
"ในแง่การบริหารจัดการ ใช้หลัก เก็บให้เร็ว หมุนรถให้ทันกับความต้องการ ซึ่งยังไม่พบว่ามีปัญหา เพราะในช่วงนี้จำนวนผู้โดยสารยังไม่มาก ซึ่งในเดือนก.ย.ซึ่งเริ่มเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว (High Season) นั้นอัตราผู้โดยสารเติบโตจากก.ย.ของปี 50 ประมาณ 4.1% ซึ่งถือว่าไม่มากนัก และในช่วง ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งจะเข้าสู่ High Season ประเมินว่าผู้โดยสารก็จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราเติบโตประมาณ 10%" น.ท.ประทีปกล่าวว่า
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ แท็กส์เตรียมที่จะเสนอเพื่อขอขยายสัญญา อีก 5 ปี โดยระบุว่าบริษัทต้องลงทุนในการจัดหารถเข็นกระเป๋าใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังเสนอที่จะขอสิทธิ์ในการโฆษณาข้างรถเข็นกระเป๋าเพื่อหารายได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันทอท.ได้มีคู่สัญญาในการโฆษณาข้างรถเข็นกระเป๋าแล้ว ดังนั้น จึงไม่สามารถนำสิทธิ์ดังกล่าวให้แท็กส์ได้
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า การสอบสวนสัญญาจ้าง บริษัท แท็กส์ ชุดที่มีนายสุรธัส สุธรรมมนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานพัฒนาธุรกิจ) ทอท.เป็นประธานได้สรุปผลเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยจากกรอบที่คณะกรรมการตรวจสอบได้รับมอบหมายให้สอบสวนการจ้างแท็กส์ในระหว่างงวดงานที่ 14-19 หรือระหว่างงวดงานเดือนต.ค. 2550-เม.ย. 2551 ซึ่งผลสรุปว่า คณะกรรมการตรวจการจ้าง ที่มีนายฉัตร หาญพัฒนนันท์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายบำรุงรักษาและสารสนเทศ) เป็นประธาน ซึ่งได้ตรวจรับงานและจ่ายค่าจ้างให้แท็กส์แล้วเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญา
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่คณะการมการสอบสวนฯ ตรวจสอบพบว่า สัญญาจ้างแท็กส์จะต้องจัดหารถเข็นเพื่อมาให้บริการภายในสนามบินสุวรรณภูมิ รวม 9,034 คัน แบ่งเป็นรถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน ขนาดกลาง 7,000 คัน และขนาดใหญ่ 34 คัน โดยจะมีการตรวจนับทุกวันที่ 26 ของทุกเดือน ซึ่งการตรวจนับในช่วงระหว่างงวดงาน เดือนต.ค. 2550-เม.ย.2551 พบว่ามีรถเข็นกระเป๋าไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด แต่รถเข็นกระเป๋าที่ขาดไปนั้นไม่เกินจากจำนวนที่แท็กส์ได้จัดเตรียมสำรองไว้
โดยรถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก มีสำรอง 120 คัน ขนาดกลางมีสำรอง 120 คันและขนาดใหญ่มีสำรอง 6 คัน เมื่อการนับพบว่าจำนวนที่หายไปไม่เกินจากจำนวนที่แท็กส์มีสำรองก็ไม่มีปัญหาเพราะสามารถนำรถเข็นกระเป๋าที่จัดสำรองไว้มาทดแทนได้และให้เร่งติดตามรถเข็นกระเป๋าที่หายไปกลับมา ดังนั้นการตรวจรับงานและจ่ายค่างานให้แท็กส์ระหว่างต.ค.2550-เม.ย.2551 จึงเป็นไปอย่างถูกต้อง
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า ปัญหาของสัญญาจ้างแท็กส์เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 หรืองวดที่ 20 ซึ่งไม่ได้อยู่ในกรอบการสอบสวนคณะกรรมการตรวจสอบฯ แต่จากข้อมูลพบว่า แท็กสได้วางบิลเพื่อขอรับเงินค่าจ้างในงวดที่ 20-22 (พ.ค.-ก.ค) แต่ยังไม่มีการจ่ายเงิน ส่วนการที่รถเข็นกระเป๋าหายไปจำนวนมากนั้นเริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.(งวดที่ 22) โดยพบว่า รถเข็นกระเป๋าหายไปจำนวน 522 คัน ซึ่งมากกว่าที่มีสำรอง และแท็กส์ไม่สามารถติดตามกลับมาให้ครบตามจำนวนได้ และในเดือนส.ค.นับแล้วพบว่าขาดจำนวนไปถึง 3,000 คัน ซึ่ง แท็กส์จะต้องถูกปรับตั้งแต่งวดที่ 22
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า ทอท.ทำสัญญาว่าจ้างแท็กส์วงเงิน 532,860,600 บาท ระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ วันที่ 28 ก.ย.2549 - 28 ก.ย.2556 กำหนดให้แท็กส์ดำเนินการ 2 ข้อหลักๆ คือ เป็นผู้จัดหารถเข็นกระเป๋า และให้จัดหาแรงงาน บริหารจัดการรถเข็นกระเป๋าภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ดังนั้นรถเข็นกระเป๋าถือว่ายังเป็นทรัพย์สินของแท็กส์ ที่แท็กส์ต้องดูแลให้มีสภาพเรียบร้อยพร้อมในการใช้งาน ต้องดำเนินการจัดเก็บและป้องกันการสูญหายด้วยดังนั้นแท็กส์จะปฏิเสธเรื่องที่รถเข็นกระเป๋าหายไปไม่ได้ และปฎิเสธที่จะต้องจ่ายค่าปรับตามสัญญาไม่ได้
"ขณะนี้แท็กส์ได้เสนอขอเช่าใช้รถเข็นกระเป๋าจากสนามบินดอนเมืองเป็นการชั่วคราวในระหว่างที่แท็กส์อยู่ระหว่างการยื่นข้อเสนอต่อทอท.เพื่อขอเปลี่ยนรถเข็นกระเป๋าใหม่ รวมถึงการที่แท็กส์ได้ขอความเป็นธรรมเรื่องค่าปรับเข้ามานั้น คาดว่าจะเสนอคณะอนุกรรมการตรวจสอบชุดที่มี นายถาวร พานิชพันธ์ กรรมการทอท. เป็นประธาน ซึ่งเป็นชุดที่คณะกรรมการทอท.ที่มีนายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นประธานได้แต่งตั้งขึ้นนั้นเพื่อตัดสิน"แหล่งข่าวกล่าว
