xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้อง"แม้ว"โฟนอินหมิ่นสถาบัน "สนธิ"เตือนลิ่วล้อดูสภาพ"สมัคร"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"วีระ สมความคิด" เดินหน้าเช็กบิล "นช.แม้ว" เข้าแจ้งความดำเนินคดีโฟนอินดูหมิ่นสถาบัน-ศาล จี้หากจะนิรโทษกรรมต้องมารับโทษตามกฎหมายก่อน "สนธิ" เตือนลิ่วล้อแม้วดูสภาพนายสมัครที่นครฮุสตันเป็นตัวอย่างวาระสุดท้ายของชีวิตสุดอนาถ โดนชูป้าย “เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า” ต้อรับพร้อมภรรยา "นช.ทักษิณ" ยังไม่สำนึกสั่งทนายแจ้งความเอาคืน ด้าน “พิภพ” ชี้ พร้อมเคลื่อนไหวหากรัฐบาลยังดื้อแก้ไข รธน. เตือนเสธ.แดง ไม่รู้เลยหรือ ลูกสาวอยู่ในทำเนียบ "สมศักดิ์" ชวนพันธมิตรร่วมรับมือ 7 วันอันตราย ด้านโฆษกกองทัพบกสั่งสอบ "เสธ.แดง" แต่เจ้าตัวยังเห่าไม่เลิก มทภ.2 สั่งจับตาวิทยุชุมชนภาคอีสานอีสานกว่า 680 แห่งหมิ่นเบื้องสูง

การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ในทำเนียบรัฐบาล ที่ยังคงยึดมั่นการชุมนุมอย่างสันติ และอหิงสา และแม้ในช่วงนี้ จะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ได้ก่อกวน และสร้างสถานการณ์ในการก่อเหตุวุ่นวาย แต่ประชาชนยังคงหลั่งไหลเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทางพันธมิตรฯได้วางมารตราการรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น โดยได้นำซากรถบัสคันใหญ่จำนวนหลายสิบคันมาจอดขวางถนนตรงบริเวณทางเข้า ออก รอบพื้นที่การชุมนุม เพื่อเสริมแนวป้องกันเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มียางรถยนต์และกระสอบทรายเป็นบังเกอร์ เพื่อเป็นการป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้ามาขวางระเบิดหรือมาก่อกวนผู้ชุมนุม

"วีระ" แจ้งจับ "ทักษิณ" หมิ่นเบื้องสูง

วานนี้ (6 พ.ย.) เวลา 10.00 น. ณ ที่กองปราบปราม นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน พร้อมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ประมาณ 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.คมกริช สังข์ทอง พนักงานสอบสวน (สบ.2) บก.ป.เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจำเลยคดีที่ดินรัชดาฯตามความผิด ตามกฏหมาย ปอ. มาตรา 112 ผู้ใด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 3ปีถึง15ปี และความผิดตามกฏหมาย ปอ.มาตรา 198 ผู้ใด ดูหมิ่น ศาล หรือ ผู้พิพากษา ในการพิจารณา หรือ พิพากษาคดี หรือ กระทำการขัดขวาง การพิจารณา หรือ พิพากษาของศาล ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือ ปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 1,400 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ พร้อมนำเอกสารที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงการจากลอนดอนประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 22 ต.ค.และโฟนอินในวันเสาร์ที่ 1 พ.ย.หนาประมาณ 100 หน้ามามอบให้เป็นหลักฐาน

นายวีระ กล่าวว่า การแถลงการณ์รวมทั้งการโฟนอินนั้น แสดงให้เห็นท่าทีของพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการนำคดีส่วนตัวมาเชื่อมโยงให้มีผลกับความมั่นคงของชาติ ทำให้เกิดผลกระทบต่อสถาบันต่างๆ และมีความพยายามที่จะสื่อให้เห็นว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขานั้นล้วนเป็นผลมาจากการเมืองทั้งสิ้น ส่วนการเสนอให้มีการนิรโทษกรรมให้เขานั้น ตนเห็นว่าผู้ที่จะขอนิรโทษกรรมนั้นต้องมารับโทษตามขั้นตอนกฎหมายเสียก่อน จึงจะสามารถทำเรื่องขออภัยโทษได้ แต่ทั้งนี้อยากตั้งข้อสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณนั้นหนีศาลตั้งแต่การรายงานตัว แสดงให้เห็นว่าเจตนาไม่ต้องการรับโทษ และมีความพยายามจะใช้กระบวนการนิติบัญญัติมาอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรมหรืออย่างไร

"กรณีตำรวจสันติบาลที่ระบุว่า การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ไม่เข้าข่ายความผิดนั้น ตำรวจสันติบาลคงได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ต้องไปดูคำแถลงการณ์จากประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. กล่าวหาว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยไม่มีความน่าเชื่อถือ และที่เขาต้องหนีออกนอกประเทศ เพราะถูกกลุ่มคนชั้นสูงผู้มีอภิสิทธิอยู่เบื้องหลัง และที่ถูกลงโทษจำคุกในที่ดินรัชดานั้น เพราะกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการลงโทษตัวเอง ซึ่งทั้งแถลงการเมื่อวันที่ 22 ต.ค.และโฟนอินเมื่อวันที่ 1 พ.ย.มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งบุคคลชั้นสูงที่ อดีตนายกฯ ระบุน่าจะไม่ใช้บุคคลธรรมดาแน่นอน”นายวีระ กล่าวว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีข้อเสนอในการสมานฉันท์ด้วยการขอนิรโทษกรรมให้กลุ่มพันธมิตรฯด้วยนั้น นายวีระ ยืนยันว่า กรณีนี้พันธมิตรฯไม่ขอเกี่ยวข้อง เพราะกลุ่มพันธมิตรฯไม่ต้องการขอนิรโทษกรรมอยู่แล้ว และหากกลุ่มพันธมิตรฯผิดจริงก็ขอรับโทษตามกฎหมาย อยากถามว่าเมื่ออ้างความสมานฉันท์ปรองดองแล้วความเป็นธรรมอยู่ตรงไหน โดยในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายวีระไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะประมวลเรื่องเสนอสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา เนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำภายนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 ซึ่งจะต้องส่งเรื่องต่อให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ นายวีระ กล่าวว่า ภายหลังแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองปราบปรามแล้ว ตนจะเดินทางไปยังศาลฎีกา เพื่อยื่นเรื่องขอให้ประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรง ดำเนินการติดตามตรวจสอบคำแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมไทย และขอให้มีการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย

"นช.แม้ว"หมิ่นศาลแต่ยังฟ้อง

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ทีมทนายความพ.ต.ท.ทักษิณเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรมตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 137 172 173 และ 174 ในวันเสาร์ที่ 8 พ.ย.นี้ ที่กองปราบปราม กรณีที่นายวีระ เข้าแจ้งว่าดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในข้อหาดูหมิ่นศาลและดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์

จากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ารายการความจริงวันนี้ต้านรัฐประหาร ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งการกระทำของนายวีระนั้นถือเป็นการนำเอาความเท็จเข้าไปแจ้งต่อเจ้าพนักงาน ดังนั้น ทีมทนายความจึงต้องทำหน้าที่ปกป้องสิทธิของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีอยู่ตามกฎหมายที่ได้รับมอบหมายจากพ.ต.ท.ทักษิณ

"นายวีระรู้อยู่แล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้กระทำความผิดอย่างที่นายวีระกล่าวหาว่า นำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้อง ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้สรุปความเห็นเป็นเอกฉันท์แล้วว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้กล่าวดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด นอกจากนี้ทีมทนายยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ คำกล่าวปราศรัยของนายวีระ ที่กล่าวบนเวีพันธมิตรฯโดยมีเนื้อหาเข้าข่ายการกระทำความผิดต่อกฎหมายด้วยหรือไม่ หากพบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดทางทีมทนายก็จะดำเนินคดีกับนายวีระในฐานความผิดอื่นๆต่อไป"ทนายทักษิณกล่าว

"สนธิ" เตือนลิ่วล้อแม้วดูสังขาร "สมัคร"

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวเตือนลิ่วล้อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่า จากสภาพที่เห็นของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัวที่สนามบินฮุสตัน ในสหรัฐฯ เห็นแล้วน่าสงสารในสิ่งที่ต้องรับกรรม แสดงให้เห็นว่า ใครก็ตามที่เอาธรรมไว้ในใจ เอาสติไว้ตลอดเวลา คนกลุ่มนี้ จะมีชีวิตที่สงบสุข และสิ้นลมหายใจอย่างสงบสุข แต่ภาพที่เห็นนายสมัคร ที่พิงภรรยาแล้ว ก็เหมือนจะปลง ชั่งต่างกับวันที่นายสมัคร ออกวิทยุ และพันธมิตรฯอยู่ที่ทำเนียบฯ และเจอคำประกาศกฎอัยการศึก ช่างต่างเหลือเกิน

"ตอนที่มีอำนาจก็ไม่เคยคิด นี้ไม่กี่เดือนเอง ยังไม่ถึง 2 เดือนเอง นี้เรื่องยาวของนายสมัคร ใกล้จะจบแล้ว และเชื่อว่าในวันข้างหน้า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และพล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล ก็ต้องเจอ ใครจะมาต้านพลังของประชาชนได้ นี้ขณะนายสมัคร สุนทรเวช เดินทางจากเมืองไทยไปที่สหรัฐฯ ซึ่งเมืองฮุสตันห่างกับไทยหมื่นกว่ากิโล ยังเจอ ไม่เห็นมีเสื้อแดงมาคอยต้อนรับ แต่กลุ่มที่มาชูป้าย ส่วนใหญ่จะเป็นหมอหรือพยาบาล เพราะที่นี้ ส่วนใหญ่จะมีอาชีพเป็นหมอ ผมก็ไม่ได้ทำ และผมก็ไม่ได้โทรไปบอก แต่พันธมิตรฯที่ฮุสตันได้ดูจากสถานีเอเอสทีวี ดูจากเว็ปไซต์ผู้จัดการรายวัน นี้คือความจริง มีเงิน 3,000ล้านบาท 5,000 ล้านบาท มีความหมายอะไร เพราะเป็นเรื่องสมมติหมด ถ้าไม่เข้าใจคำว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว "ถ้านายสมัคร ทำดี ก็ไม่ต้องแอบไป ยิ่งเมื่อมาเจอคนถือป้ายตอนอายุ 70 กว่า และมาเจอโรมะเร็ง ช้ำใจแค่ไหน "นายสนธิกล่าวและว่า

แม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทุกวันนี้ ก็นอนไม่หลับ คิดอย่างไรที่จะมายืนบนแผ่นดินไทย โดยอาศัยเครือญาติมาจัดการ ถ้าคิดจะกลับ ควรจะเงียบ วางแผน 2 ปี 3 ปี ค่อยๆทำ ค่อยๆกลับมา แต่นี้ไม่ แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังหลงตัวเองเหมือนเดิม ยังลืมตัว คนประเภทนี้ น่าสมเพช

"คนที่พูดว่า เศรษฐกิจปีหน้าจะย่ำแย่ ไม่มีใครจะทำได้หรอก ดังนั้น เศรษฐกิจแบบนี้ เราต้องการผู้นำประเทศที่ดี ในการนำพาประเทศให้รอดพ้น และจุดยืนของพันธมิตรฯยืนอยู่บนหลักการ ไม่ต้องการเป็นรัฐบาล เพราะเรามาโดยจิตบริสุทธิ์ เพียงแต่เราขอคนที่มีหน้าที่รักษาชาติ รักษาราชบังลังก์ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ต่อให้เศรษฐกิจปีหน้าจะล่มเราก็รอด ดังนั้น เราต้องมีการเมืองใหม่เข้ามาแก้ไขการเมืองแบบเก่า แต่ถ้ายังเป็นการเมืองเก่า เศรษฐกิจก็แย่ และปล่อยให้ประชาชนแบกรับความทุกข์ ความขมขืน วิธีเดียวที่จะทำให้ประเทศรอดพ้น เราต้องการผู้บริหารประเทศ คิดแบบใหม่ ไม่คิดแบบเก่า และพร้อมจะเสียสละ และไม่ใช่ฉ้อราษฎร์บังหลวงเพื่อครอบครัว"นายสนธิ กล่าว

สอน รมว.คลังลดส่วนต่างดอกเบี้ย

นายสนธิ กล่าวว่า การที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง แนะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยลงมาอีกนั้น จริงๆแล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้ช่องว่างของดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากแคบลง ไม่ใช่ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 2% แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นไปมาก ซึ่งจริงๆแล้ว ดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ควรเกิน 6-7% เพียงแค่นี้ ก็จะทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการลดลง และเราต้องหาทางให้ประชาชน ที่ต้องพึ่งเงินนอกระบบที่ต้องเสียดอกเบี้ย 16-17 % มาเสียดอกเบี้ยเพียง 1% ส่วนแรกเราต้องลดต้นทุนของประชาชน และไม่ส่งเสริมให้ประชาชนเป็นหนี้เพิ่มเติม มีแค่ไหนใช้แค่นั้น

"เราควรยกเลิกโครงการต่างๆ ที่เป็นเมกะโปรเจกต์ที่คดโกงประชาชน หรือรถเมล์ 4,000 คัน ที่สมัยนายสมัคร ได้อนุมัติให้ซื้อมาจากประเทศจีน แต่กลับเอาอะไหล่จากประเทศจีนมาประกอบที่เมืองไทย และอยากบอกผู้ใหญ่ในกองทัพบกว่า งดซื้ออาวุธเกือบ 20,000 ล้านบาทในยุคที่นายสมัคร อนุมัติ คืนประเทศได้หรือไม่ เสียสละก่อนได้หรือไม่ เพราะมีค่าคอมมิชั่นก้อนใหญ่ เขาเลยเกลียดพันธมิตรฯความรักชาติที่ต่างกันระหว่างพันธมิตรฯกับกองทัพ "

พันธมิตรฯ ฮุสตันต้อนรับ“หมัก”อบอุ่น

เมื่อเช้าของวันพุธที่ 5 พ.ย. นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคุณหญิงสุรัตน์ และบุตรสาว ออกเดินทางไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องไปรักษาโรคมะเร็งตับ ที่สถาบันมะเร็งฮุสตัน รัฐเทกซัส สหรัฐฯ

ล่าสุด เมื่อนายสมัครพร้อมครอบครัวเดินทางไปถึง พันธมิตรฯณ นครฮุสตัน มลรัฐเทกซัส ได้เดินทางไปต้อนรับนายสมัครอย่างอบอุ่นพร้อมกับป้ายต้อนรับ โดยพันธมิตรฯ ฮุสตันระบุว่า ถึงแม้ว่านายสมัครจะป่วยหนัก แต่เราก็จำต้องเดินทางไปประท้วงเขาที่สนามบิน จากพฤติกรรมและการกระทำของเขาต่อนักศึกษา ประชาชนและประเทศชาติ ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะกรณีสังหารนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จนถึงกรณีทำร้ายประชาชนในปี 2551 รวมถึงกรณีปราสาทพระวิหาร

สำหรับป้ายต้อนรับที่พันธมิตรฯ ฮุสตัน ทำไว้ให้นายสมัครโดยเฉพาะนั้นมีรายละเอียดที่น่าสนใจ เช่น "เวรกรรม ไม่ต้องรอชาติหน้า” , "พันธมิตร Houston (ไม่) ต้อนรับอ้ายคนขายชาติ” เป็นต้น ทั้งนี้ เมืองฮุสตัน มลรัฐเทกซัสถือเป็นเมืองหนึ่งในสหรัฐอเมริกาที่มีพันธมิตรฯหนาแน่นมากเมืองหนึ่งของสหรัฐอเมริกา โดยส่วนใหญ่เป็นชาวไทยที่มีการศึกษาประกอบวิชาชีพเฉพาะ เช่น แพทย์ พยาบาล ทนายความ พนักงานบริษัท เป็นต้น

รัฐบาลต้องลาออก-ไม่แก้ รธน.

วานนี้ (6 พ.ย.)เวลา 10.00 น.ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ แถลงข่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชน(พปช.)ยื่นหนังสือถึงพล.อ.เปรม ติณสูญลานน์ ประธานองค์องคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้มาเป็นคนกลางในการคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมืองว่า คาดการณ์ไม่ได้ว่าพล.อ.เปรม จะมาเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งสังคมหรือไม่ ความจริงส.ส.พรรคพปช.ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ หากต้องการยุติความขัดแย้งทางการเมืองจริง ต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นตอคือ นำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกแถลงการณ์ร่วมไทย – กัมพูชา ไม่ปลุกระดมกลุ่มคนเสื้อแดงให้ออกมาเคลื่อนไหว ทำให้สังคมเกิดความแตกแยก ราวลึก ดังนั้นแม้จะมีการเจรจาเกิดขึ้นก็คงล้มเหลว

"แกนนำพันธมิตรฯยืนยันที่จะไม่เข้าร่วมการสานเสวนาเพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ เพราะการเจรจาจะไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่มีการยอมรับความผิดพลาดและข้อเท็จจริงที่รัฐบาลใช้อำนาจในการสร้างความรุนแรงกับประชาชนที่ชุมนุมอย่างสงบ หากไม่มีการพูดข้อเท็จจริง การเจรจาก็ล้มเหลว"นายพิภพ กล่าว และว่า หากมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมารา 291 เพื่อตั้ง สสร.3 นั้น ทางพันธมิตรฯจะเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างแน่นอนและหนักแน่น เพราะเป็นจุดยืนของการชุมนุมประท้วงมาตลอด

"เราคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องการหมกเม็ดช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ และเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองเพื่อไม่ให้ถูกยุบพรรค ขณะนี้ก็ได้ข่าวว่าพรรคพลังประชาชนพยามยามวิ่งเต้นให้ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณายุบพรรคพลังประชาชนออกไปอีก 6 เดือน เพราะต้องการต่ออายุให้รัฐบาล เพื่อดำเนินโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ให้สำเร็จ ซึ่งจะได้เปอร์เซ็นต์จากโครงการนั้นๆ เพื่อนำไปเป็นต้นทุนในการหาเสียงในสมัยหน้า"

เตือน "เสธ.แดง" ลูกสาวร่วมชุมนุมฯ

นายพิภพกล่าวต่อกรณีการตั้งกรรมการสอบพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ผบ.ทบ.รีบออกมาตั้งกรรมการสอบสวน เพราะทหารต้องมีหน้าที่ดูแลความมั่นคงของชาติและปกป้องประชาชน การที่ออกมาขู่ทำร้ายประชาชนเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว

"สถานการณ์ความวุ่นวายของบ้านเมืองทั้งหมดเริ่มตั้นมาตั้งแต่ปี 2549 เป็นฝีมือของ พ.ต.ท.ทักษิณและลิ่วล้อที่ต้องการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ที่ยกระดับความขัดแย้งทางการเมืองไปเป็นปัญหาความมั่นคงระดับชาติและพยายามที่จะให้เกิดความรุนแรงขึ้นในประเทศ โดยผ่านการใช้อำนาจของรัฐบาล"

นายพิภพ กล่าวถึงกรณีที่โฆษกกองทัพบกได้ออกมาปฏิเสธการเรียกร้องของแกนนำพันธมิตรฯ ที่ให้ทหารออกมายุติปัญหาความแตกแยกในชาติว่า ยังไม่ถึงเวลาเพราะขณะนี้เป็นปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเท่านั้น แต่ทางพันธมิตรฯขอเรียกร้องให้ทหารออกมาทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช้การปฏิวัติรัฐประหาร เพราะพันธมิตรฯก็ต่อต้านมาตลอด แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทหารว่าจะดำเนินการอย่างไรให้การใช้อำนาจของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องยุติลงไปอย่างสิ้นเชิงและไม่ส่งกลุ่มอันธพาลมาทำร้าย ก่อกวนการชุมนุมของพันธมิตรฯ

สำหรับปฎิกิริยาของพันธมิตรฯต่อกรณีผู้บัญชาการทหารบกได้ตั้งกรรมการสอบ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง)ผู้ทรงวุฒิกองทัพบก ในกรณีก่อตั้งนักรบพระเจ้าตากนั้น นายพิภพ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ ผบ.ทบ.รีบออกมาตั้งกรรมการสอบสวน เพราะทหารต้องมีหน้าที่ดูแลความมั่นคงของชาติและปกป้องประชาชน การที่ออกมาขู่ทำร้ายประชาชนเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว

"ตนขอถามว่าเสธ.แดง ทราบหรือไม่ว่าลูกสาวของเสธ.แดงมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯทำเนียบรัฐบาลด้วย "

ชวนพันธมิตรฯ ร่วมรับมือ 7 วันอันตราย

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า ในระยะ 7 วันนี้ เป็นช่วงอันตรายที่ต้องระวัง ทุกคนมาร่วมมือกันที่นี่ให้มากขึ้น และขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความสำคัญกับการมาร่วมมือกันที่นี่ และเตรียมพร้อมตลอดเวลา ป้องกันพวกใช้วิชาเดรัจฉานสารพัดที่จะหาเรื่องเรา โดยเฉพาะรัฐบาลนี้ที่ชอบดูแลอันธพาล มองพันธมิตรฯเป็นศัตรู

“เราไม่เคยปิดกั้นคนจะมาช่วยเรา แต่ต้องมีความจริงใจ โดยเฉพาะข้าราชการ มีจิตสำนึกรักชาติบ้านเมือง มาเป็นพี่น้องร่วมกันต่อสู้รัฐบาลทรราช พันธมิตรฯยินดีต้อนรับทุกหมู่คณะ เราไม่เคยห้ามเหมือนข่าวที่ออกไป แต่คนที่คิดเป็นศัตรูเราก็มีสิทธิ์วิพากษ์ วิจารณ์ อย่างเช่นคนที่มาก่อกวน ดื่มเหล้าเมาที่นี่ เพราะพวกเรารู้รับผิดชอบชั่วดี รู้จักกฏเกณฑ์ ไม่แกล้งไม่ทำรายกัน”

ส่วนกรณีที่สหภาพการบินไทย ออกมาต่อต้านคณะกรรมการบริหาร(บอร์ด)บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และกรรมาธิการคมนาคม ในเรื่องการพิจารณากัปตันจักรี จงศิริ กรณีไม่ต้อนรับส.ส.พลังประชาชน แต่ผลการพิจารณากลับบอกว่าไม่มีความผิด

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างการปราศรัย นายสมศักดิ์ขอฉันทามติจากพี่น้องประชาชนว่าควรเห็นชอบให้ข้าราชการ นักการเมืองพรรคพลังงานขึ้นเครื่องบินหรือไม่ ซึ่งทุกเสียงปรบมือยืนยันไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น

โฆษก ทบ.ระบุสอบสวนสัปดาห์นี้

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบสวนพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ได้สั่งการให้พล.ท.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก เร่งรัดดำเนินการตั้งคณะกรรมการแล้ว และโดยธรรมเนียมทหาร เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งการ ย่อมต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด เชื่อว่าจะแล้วเสร็จในสัปดาห์นี้

พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิฯ กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งให้เขียนรายงานการฝึกนักรบพระเจ้าตากฯว่า มีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร จากนั้นก็มีคำสั่งให้หยุดการฝึกนักรบพระเจ้าตากฯ และให้สลายกลุ่มไป ตนก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งได้เขียนรายงานส่งพล.ต. วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขาธิการกองทัพบกเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังเหลือเพียงกลุ่ม 47 โรนินหรือซามูไรไร้สังกัด เหมือนประเทศญี่ปุ่นที่รวมตัวกันฆ่าคนเลว นักการเมืองเลว

ทั้งนี้เสธ.แดงยังกล่าวข่มขู่ว่า " ตนจะไม่รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดกับกลุ่มพันธมิตรฯแล้ว เนื่องจากกลุ่มนักรบพระเจ้าตากไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตน ซึ่งการที่ออกมาเตือนเช่นนี้ ถือว่าเป็นบุญคุณกับกลุ่มพันธมิตรฯมากกว่า หากตนไม่ออกมาเตือน อาจได้รับอันตรายมากกว่านี้ก็ได้ ซึ่งวันนี้มีคนจองกฐินพันธมิตรฯ 3 รายแล้ว อยู่ไปก็ตายเปล่า ตนไม่ได้ขู่ เพราะตนไม่เคยขู่มีแต่จะเอาจริง

พปช.เกณฑ์เสื้อแดงล้อมศีรษะอโศก

วานนี้ (6 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่กลุ่มนักการเมืองพรรคพลังประชาชน (พชป.) ศรีสะเกษ นำโดยนายทองสี พิมาทัย ผู้ใหญ่บ้านกระแชงเหนือ ม.1 ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และนายใส ตาระพันธ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กระแชง ได้เกณฑ์ชาวบ้านในเขต ต.กระแชง เรียกตัวเองว่า "กลุ่มคนรักกระแชง" สวมเสื้อแดงเขียนข้อความ "แนวร่วมต่อต้านเผด็จการ" ร่วม 1,000 คนออกมาชุมนุมพร้อมตั้งเวทีปราศรัยที่บริเวณหน้าที่ทำการ อบต.กระแชง ตรงข้ามกับชุมชนศีรษะอโศก ม.15 ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาโดยอ้างข้อเรียกร้องเพื่อทวงคืนที่สาธารณะประโยชน์ 44 ไร่ที่ชุมชนศีรษะอโศก นำไปใช้ประโยชน์ และไม่พอใจที่กลุ่มชาวบ้านในหมู่บ้านชุมชนศีรษะอโศกเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ จนทำให้ ต.กระแชง ถูกมองว่าเป็นหมู่บ้านพันธมิตรฯนั้น

นายเลิกคะนอง เทพสุรินทร์ ผู้ใหญ่บ้านชุมชนศีรษะอโศก หมู่ 15 ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า การชุมนุมดังกล่าวไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่ชาวศีรษะอโศกนำที่ดินสาธารณประโยชน์ 44 ไร่ดังกล่าวไปใช้ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมมาโดย คิดว่าการชุมนุมต่อต้านที่เกิดขึ้นครั้งนี้น่าจะมีคนไม่ชอบแนวทางการเมืองของพวกเรา เพราะพวกเราได้มีการประกาศอย่างชัดเจนว่าจะอยู่เคียงข้างฝ่ายพันธมิตรฯ ซึ่งเมื่อนักการเมือง หรือชาวบ้านบางกลุ่มไม่พอใจแนวทางการเมืองนี้ก็อาจแสดงพลังให้รู้สึกว่าเป็นการกดดันพวกเราได้ พอไม่มีเรื่องที่จะทำอะไรได้ จึงได้หยิบเอาประเด็นเรื่องที่สาธารณะขึ้นมาโจมตี

นางเริญ ธุระพันธ์ อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่ประจำร้านหนึ่งน้ำใจชุมชนศีรษะอโศก กล่าวว่า หลังจากได้ข่าวว่าจะมีชาวบ้านพากันมาชุมนุมขับไล่ก็ได้เตรียมการป้องกันตัวอย่างเต็มที่ โดยนำเอาลวดหนามและตาข่ายมากั้นไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มชาวบ้านบุกรุกไปในเขตศีรษะอโศกและได้มีกลุ่มการ์ดพันธมิตรฯ จากกรุงเทพฯจำนวนหนึ่งมาช่วยรักษาความปลอดภัยด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าบรรดาผู้นำท้องถิ่นและนักการเมืองที่เกณฑ์ชาวบ้านหลายหมู่บ้านใน ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ ออกมาชุมชนครั้งนี้เป็นกลุ่มหัวคะแนนของนายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 3 พรรค พปช.ซึ่ง อ.กันทรลักษ์ เป็นฐานเสียงสำคัญอีกพื้นที่หนึ่งของนายธีระ และมีรายว่า นายชูวิทย์ (กุ่ย) พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.เขต 2 อุบลราชธานี พรรค พปช.มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังการปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย

ทำลายป้ายสถาบันฝึกผู้นำ "จำลอง"

ส่วน จ.กาญจนบุรีวานนี้ ได้มีกลุ่มคนของ นปช.ใช้สเปรย์สีดำพ่นทับป้ายบอกทางทางเข้าสถาบันฝึกอบรมผู้นำของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านพุประดู่ หมู่ 7 ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี โดยบริเวณทางเข้าอยู่ติดกับถนนลาดยางสายกาญจนบุรี-บ้านเก่า ซึ่งเป็นป้ายขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 4 เมตรที่ทำด้วยอลูมิเนียมสีขาวเขียนด้วยตัวหนังสือสีดำขนาดใหญ่ว่า "มูลนิธิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง" และมีป้ายที่ทำด้วยไม้แขวนไว้ด้านล่างอีก 2 ป้าย เขียนคำว่า "สถาบันฝึกอบรมผู้นำ"และคำว่า "สวนสัตว์เลี้ยง กาญจนบุรี" ซึ่งทั้ง 3 ป้ายนี้ถูกมือมืดนำสเปรย์สีดำมาพ่นทับจนกลายเป็นสีดำทั้งหมด ทำให้ผู้คนที่เดินทางสัญจรไปมาอ่านไม่ออก

ห่างออกไปอีกประมาณ 300 เมตร ยังพบป้ายบอกทางอีก 2 ป้ายที่ติดตั้งอยู่ตรงข้ามกันเป็นป้ายสีขาวเขียนคำว่า "มูลนิธิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง สถาบันฝึกอบรมผู้นำ" และอีก 1 แผ่นป้ายเขียนคำว่า "สถาบันฝึกอบรมผู้นำมูลนิธิ พล.ต.จำลองศรีเมือง" ซึ่งทั้ง 2 ป้ายนี้ ถูกมือดีนำสีสเปรย์มาพ่นทับทำลายจนเสียหายเช่นกัน

จากการสอบถามประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวปรากฎว่าไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์ทราบแต่เพียงว่า แผ่นป้ายบอกทางทั้งหมดถูกมือดีใช้สเปรย์สีดำพ่นทับมาเป็นเวลาประมาณ 7 วันแล้วคนร้ายน่าจะแอบมาพ่นตอนดึกตอนที่ชาวบ้านกำลังนอนหลับพักผ่อน

สั่งจับตา 680 วิทยุชุมชนหมิ่นเบื้องสูง

ด้าน พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการดูแลวิทยุชุมชนเกี่ยวกับการจัดรายการที่ไม่ให้กระทบหรือหมิ่นสถาบันเบื้องสูงในภาคอีสานว่า ในภาคอีสานทั้ง 19 จังหวัดมีสถานีวิทยุชุมชนทั้งหมด 683 สถานี ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้ทำความเข้าเกี่ยวกับการออกอากาศไปแล้ว โดยให้ทุกสถานีได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขหรือกฎระเบียบที่วางไว้ โดยเฉพาะการเสนอข่าวสารที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบันเบื้องสูง ซึ่งกองทัพยอมไม่ได้ และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

"ล่าสุดจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีสถานีวิทยุชุมชนใดที่ออกอากาศแล้วมีผลกระทบต่อสถาบัน หากพบทางกองทัพจะดำเนินการตามกฎหมายทันที แต่ขอยืนยันว่าทหารจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวในทางการเมืองยังคงปฏิบัติภารกิจอยู่ในที่ตั้งและทหารยังคงอยู่คู่กับสถาบันและประเทศชาติ" พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าว

พธม.เชียงใหม่ถูกอำนาจมืดคุกคาม

ทางด้านพันธมิตรฯ เชียงใหม่ รายหนึ่ง เผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นักการเมืองใหญ่ใน อบจ.ซึ่งเป็นที่รู้ว่าคนในตระกูลดังกล่าวอยู่ในพรรค พปช.ที่ใกล้ชิดตระกูลวงศ์สวัสดิ์ ได้ขอรายชื่อข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่มีบทบาทในกลุ่มพันธมิตรฯเชียงใหม่ ซึ่งมีข้าราชการบางส่วนที่เป็นสายการเมืองได้ให้รายชื่อข้าราชการหญิงรายดังกล่าวไป ขณะที่มีข้าราชการที่รักความเป็นธรรมได้แจ้งเรื่องที่ผิดปกติให้เจ้าตัวทราบแล้ว แม้ว่านักการเมืองใน อบจ.จะไม่ได้เป็นผู้กำกับกิจการกระทรวงสาธารณสุขโดยตรงแต่ก็มีกิจกรรมบางอย่างในพื้นที่ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกัน ทำให้ข้าราชการหญิงรายดังกล่าวรู้สึกไม่ปลอดภัยว่าอาจจะถูกกลั่นแกล้งได้

จนล่าสุดวานนี้ เวลาประมาณ 11.00 น. ได้มีรถปิคอัพโตโยต้าวีโก้ แคปสีดำขับเคลื่อนสี่ล้อ เข้าไปในหมู่บ้านกล้วยไม้ อ.สันทราย ตระเวนแล่นช้า ๆ รอบ ๆ บ้านของนางเบญจมาศ ยุทธวิริยา หรือเบญรถคันดังกล่าวมีลักษณะตรงกับรถหนึ่งในสองคันที่แก๊งเสื้อแดงเคยใช้ในการรังควาญบ้านนางเบจมาศรอบแรกเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา

ยามรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านระบุว่า ตนสังเกตรถดังกล่าวแล่นผิดปกติเพราะเข้าออกซอย 3-4-5 ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของบ้านนางเบญจมาศ และซอยที่สังเกตเห็นด้านหลังและด้านหน้าของบ้าน จึงได้บันทึกรายละเอียดเหตุการณ์ไว้ พร้อมกับสังเกตอย่างใกล้ชิด โดยระบุว่า รถดังกล่าวมีชายวัยกลางคนขับ และมีทะเบียน บx.9443 เชียงใหม่ ขณะที่เพื่อนบ้านระบุว่า รถคันดังกล่าวไม่ได้มีท่าทีจะมาติดต่อกับผู้อื่นใดในหมู่บ้าน ตั้งใจแล่นตระเวนสังเกตการณ์รอบ ๆ บ้านของนางเบญจมาศเป็นหลัก

อนึ่ง เมื่อกลางดึกวันที่ 3 ต.ค.51 ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถเข้ามาในบริเวณที่ตั้งของนางเบญจมาศ 2 คัน เป็นรถปิคอัพมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน พค.3557 มีชายฉกรรจ์นั่งอยู่ด้านหลังหลายคน ส่วนอีกคันหนึ่งเป็นปิคอัพสีดำยกสูงมีชายฉกรรจ์นั่งอยู่ด้านหลังกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อ และป้ายทะเบียน เนื่องจากขับวนไปมาอยู่ด้านหน้าปากซอยจนกลุ่มเพื่อนบ้านได้โทรศัพท์เรียกหากันแล้วออกมาส่งเสียงขับไล่ กลุ่มชายฉกรรจ์เห็นชาวบ้านออกมามากขึ้นจึงขับหนีออกไป จนเช้าวันรุ่งขึ้นนางเบญจมาศ และสามี ได้เดินทางไปแจ้งความและลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ และ สภ.สันทราย แต่ปรากฏว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าของคดีแม้ว่าจะมีหมายเลขทะเบียนรถชัดเจนก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเหตุการณ์ที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยกพวกไปบุกสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมาได้สังเกตเห็นรถปิคอัพมิตซูบิชิลักษณะเดียวกับที่ไปข่มขู่บ้านนางเบญจมาศ เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนั้นโดยวันที่บุกสถานีไทบพีบีเอสรถคันนี้ได้ถอดป้ายทะเบียนออก
กำลังโหลดความคิดเห็น